ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 162

ใครจะรู้ เมื่อท่านตามาพบเข้า ท่านตากลับถามอย่างเรียบเฉยไปประโยคหนึ่ง “กลับมาแล้วเหรอ ?”

ท่านน้าก็ตอบอย่างเรียบเฉยแค่คำเดียวเช่นกัน "อืม"

จากนั้น

แต่ก็ไม่มีอะไรหลังจากนั้น

ถ้าไม่ใช่ว่านางสัมผัสได้ถึงสายตาตาอันซับซ้อนและร่างกายที่สั่นเทาเล็กน้อยที่พวกเขาทั้งสองกำลังเก็บงำอารมณ์เอาไว้ นางก็คงจะถูกพวกเขาทั้งสองหลอกด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยไปแล้ว

แน่นอนว่าผู้ชายก็ต้องลำบากกว่าผู้หญิง

ลู่ยุ๋นหลัวก็ไม่ได้เปิดเผยอารมณ์อะไรทั้งสองคนเช่นกัน

และให้พื้นที่ช่วงเวลานี้แก่พวกเขา

ส่วนนางนั้นก็เข้าไปในมิติพิเศษและจับปลาสองตัว ไก่หนึ่งตัว และเด็ดผักออกมามากมายเพื่อเตรียมทำอาหารค่ำมื้อใหญ่และเฉลิมฉลองในคืนนี้

ในยุคราชวงศ์นี้ไม่มีน้ำมันพืช ดังนั้นในการผัดอาหารของนางจึงล้วนใช้น้ำมันหมูทั้งหมด

ในความเป็นจริงครอบครัวคนธรรมดาทั่วไปไม่ค่อยจะปรุงโดยการผัดสักเท่าไหร่นัก ส่วนใหญ่ก็มักจะต้มและนึ่งเป็นหลัก

อาหารมื้อนี้ ลู่ยุ๋นหลัวทำอาหารกับมือของนางเองและแสดงทักษะการทำอาหารที่ยอดเยี่ยม

ในบางครั้งก็มีกลิ่นหอมโชยออกมาจากห้องครัวอย่างไม่ขาดสาย

ขณะที่ทานอาหาร ท่านผู้อาวุโสก็ได้กินข้าวไปสามชามเป็นครั้งแรกในประวัติการณ์

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาหารอร่อยหรือเพราะอารมณ์ดีกันแน่

แม้แต่ท่านน้าที่เพิ่งกลับมาก็กินข้าวไปแล้วถึงสองชามใหญ่

ในที่สุดทั้งสามคนก็ฟาดอาหารสี่จานหนึ่งซุปทั้งหมดจนหมดเกลี้ยง

หลังจากทานอาหารเสร็จ ลู่ยุ๋นหลัวก็หยิบไหเหล้าองุ่นออกมา เหล้าองุ่นนี้ไม่ได้ทำมาจากผลไม้วิวัฒนาการ แต่ทำมาจากองุ่นที่เพาะและโตขึ้นมาในตำหนักเย็น

ดื่มวันละสองสามจอกต่อวันจะมีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก

หลังจากที่ท่านผู้อาวุโสดื่มไปจิบหนึ่งก็ลุ่มหลงและชอบในทันที รสชาติเหล้านี้กับเหล้าข้าวแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ในขณะเดียวกันท่านตาก็ให้ลู่ยุ๋นหลัวพรุ่งนี้เตรียมเหล้าแบบนี้ให้เขาสักสองสามไห

จังหวะพอดีที่พรุ่งนี้จะมีเพื่อนสนิทสองคนมาหา เขาจะได้เอาเหล้านี้ไปต้อนรับสักหน่อย

หลังจากดื่มและรับประทานอาหารแล้ว ลู่ยุ๋นหลัวก็เสนอว่าจะแมะชีพจรให้ซูโม่หลานเพื่อดูอาการที่ขา

สีหน้าของซูโม่หลานก็เปลี่ยนไป

ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา เขาพบเซียนแพทย์มาไม่รู้กี่คนต่อกี่คน แต่สุดท้ายก็ล้วนบอกเขาว่าขาของเขาสองข้างนี้ไม่สามารถยืนขึ้นได้จริง ๆ

จนตอนนี้เขาก็เลิกหวังอะไรไปนานแล้ว กลับมาคราวนี้ ขอแค่เป็นลูกกตัญญู อยู่เคียงข้างท่านพ่อ ใช้เวลาอยู่กับท่านพ่อให้มากขึ้น ชีวิตนี้ก็เพียงพอแล้ว

ไม่ว่าสีหน้าของซูโม่หลานจะเป็นเช่นไร ลู่ยุ๋นหลัวก็คว้าข้อมือของเขาและแมะชีพจรของที่ข้อมือเพื่อตรวจดูทันที

ตอนแรกซูโม่หลานต้องการจะดึงมือกลับ แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่จริงจังของลู่ยุ๋นหลัวก็ปล่อยให้นางทำต่อไป

ร่างกายของเขา เขารู้ดีที่สุด

หลังจากนั้นไม่นาน ลู่ยุ๋นหลัวก็ลุกขึ้นและเคาะขาทั้งสองข้างของเขาไปทั่ว อีกทั้งยังถามอยู่ตลอดว่ารู้สึกหรือไม่

ในที่สุดลู่ยุ๋นหลัวก็ลุกขึ้นและพูด "โชคดีที่ไม่ร้ายแรงมาก แค่เส้นลมปราณติดขัดเท่านั้น"

หลังจากที่นางเตรียมการบางอย่างเสร็จแล้ว นางก็ใช้กุ้ยหยวน 18 เข็มผสานกับกำลังภายในจากในตำราแพทย์โบราณซึ่งควรจะทำให้เส้นลมปราณโคจรสะดวก

แต่ว่าจะลำบากเล็กน้อยขณะที่ฟื้นตัว

“ท่านน้า ข้าก็ไม่อยากพูดกับท่านหรอกนะ แต่เมื่อห้าปีก่อนที่ท่านเกิดเรื่องควรจะรีบกลับมาในทันที ขาทั้งสองข้างนี้ข้ายังพอจะสามารถรักษาให้หายได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่จำเป็นที่ท่านต้องทนทุกข์ทรมานนานถึงห้าปีเลย

ลู่ยุ๋นหลัวเผลอโพล่งคำเหล่านี้ออกมาโดยแทบไม่ได้คิด แต่หลังจากพูดจบ นางก็ผงะเล็กน้อย

ห้าปีที่แล้ว นางยังไม่ข้ามมิติมาที่นี่เลยด้วยซ้ำ

แล้วจะไปช่วยรักษาขาเขาได้เยี่ยงไร ?

ลู่ยุ๋นหลัวตีไปที่หัวของนางเอง ตัวเองก็รู้ว่าไม่ควรดื่มเหล้าองุ่น สติสัมปชัญญะคงจะไม่ใช่ว่าสับสนไปแล้วหรอกนะ ?

ซูโม่หลานคิดว่าลู่ยุ๋นหลัวกำลังปลอบโยนเขา แต่นางคงรู้สึกว่าเองว่าสักประโยคไหนของนางที่พูดไม่เหมาะสม จนทำให้นางตีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด เขายิ้มขึ้นมาและก็ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดเหล่านั้น

ทันทีที่ลู่ยุ๋นหลัวเห็นสีหน้าของซูโม่หลาน นางรู้ว่าเขาจะต้องไม่เชื่อแน่ว่านางสามารถรักษาขาของเขาได้ นางหันไปท่านตาของนาง "ท่านตา ข้าบอกว่าข้าสามารถรักษาขาของท่านน้าได้ ท่านเชื่อข้ารึไม่ ?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น