ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 164

ท่านตาคนรองและท่านตาคนสามที่กำลังห้ำหั่นกันทั้งต่อหน้าและลับหลังได้มาที่จวนของท่านผู้อาวุโส เมื่อพวกเขาเห็นร่างที่คุ้นเคยของซูโม่หลาน พวกเขาก็กล่าวอย่างสุภาพไม่กี่คำ ก่อนที่จะชักสีหน้าเดินจากไป

จากการที่ต่อสู้แก่งแย่งกันอยู่เป็นเวลานาน ผลที่ได้คือลูกชายของเขาก็กลับมา ทุกอย่างที่ทำไปก็ไร้ประโยชน์ในทันที

กลับกันซูพิ่นเจ๋อกลับยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินข่าวนั้นก็กล่าวกับซูจางไห่ "ก็แค่ลูกชายของท่านลุงคนโตคนนึง ขาทั้งสองข้างของเขาก็ใช้การไม่ได้ ดูไปแล้วก็คงไม่สามารถสืบทอดตระกูลได้ ถึงอย่างไรเรื่องการรับบุตรก็ถูกยกขึ้นมาพูดแล้ว การรับบุตรภายใต้นามของลุงโม่หลานเองก็ยังสามารถทำได้"

คำพูดของซูพิ่นเจ๋อทำให้ซูจางไห่ฉุกคิดขึ้นมาได้

ก็ใช่ พี่ชายใหญ่ของเขามีเพียงลูกชายแค่คนเดียวแล้วยังจะขาพิการทั้งสองข้างอีก เกรงว่าคงไม่สามารถสืบทอดตระกูลได้ หรือก็คือคงมีบุตรไม่ได้เป็นแน่ จะช้าจะเร็วยังไงตำแหน่งบรรดาศักดิ์ของท่านผู้อาวุโสก็ต้องสืบทอดต่ออยู่ดี

ไม่สามารถสืบทอดผ่านภายใต้นามของพี่ชายใหญ่ได้ งั้นก็สืบทอดผ่านทางลูกโม่หลานคนนั้นก็ไม่ต่างกัน

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูจางไห่ก็รู้สึกโล่งใจอีกครั้ง บางทีลูกชายคนรองอย่างซูโม่หลานคนนั้นอาจจะไม่คิดมาก่อน ว่าครั้งนี้ซูจางไห่จะดำเนินการอย่างลับ ๆ และเมื่อถึงตอนที่เขารู้ เรื่องการรับเลี้ยงบุตรก็ถูกกำหนดไปเรียบร้อยแล้ว

ซูจางไห่รู้สึกว่าครอบครัวของเขาในครั้งนี้จะกลับมาดีได้อีกครั้ง

เมื่อลู่ยุ๋นหลัวกำลังจะออกไปในตอนเช้า นางก็หยิบไหเหล้าสามไหออกมาจากมิติพิเศษ จากนั้นก็พาแม่นมโจวและหยินซวางออกจากบ้านไป 

ช่วงเวลาที่ออกจากวังมาก็หลายวันแล้ว ยังไม่ได้พาพวกนางออกไปเดินเล่นที่ไหนเลย

เดี๋ยวผ่านไปอีกไม่กี่วันก็ต้องกลับวังแล้ว จึงถือโอกาสวันนี้พาพวกนางออกไปเดินเล่น

จากนั้นก็แวะไปที่หอเซียนแพทย์เพื่อซื้อวัตถุดิบยากลับมา โดยก่อนที่จะกลับวังจะต้องพยายามรักษาขาของท่านน้าของนางให้หายดีเร็วที่สุด เมื่อเป็นเช่นนี้ ตอนที่นางกลับวังไปก็จะเบาใจไปได้บ้าง

ทั้งสามคนเดินไปตามถนนอย่างสบายใจ

เมื่อเดินผ่านร้านประทินโฉมที่ขายที่ทาแก้มชนิดน้ำ(ที่ทาแก้มชนิดน้ำ หมายถึง เครื่องสําอางทั่วไป) ลู่ยุ๋นหลัวก็เตรียมเข้าไปดูเพื่อจะรู้ราคา

ภายในร้านตกแต่งเรียบง่ายมีบรรยากาศกว้างขวาง ด้านในมีหญิงสาวอยู่ไม่น้อยที่กำลังเลือกซื้อสินค้าที่พวกนางชื่นชอบ

เมื่อสายตากวาดไปก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับการแต่งหน้าของพวกนาง

หญิงสาวส่วนใหญ่ ตรงบริเวณกลางหน้าผากจะวาดไว้ด้วย ฮวาเตี้ยน ชาดกลีบดอกไม้มีทั้งสีและรูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งช่วยเพิ่มเสน่ห์และท่วงท่าอันสง่างามให้กับรูปลักษณ์ของพวกนาง

"นายหญิง ท่านดูการแต่งหน้าตรงหน้าผากของพวกนางสิเพคะ ช่างดูดีจริง ๆ งามเกินไปแล้ว !" ทันทีที่หยินซวางเข้าไปในร้าน นางก็ถูกดึงดูดด้วยการแต่งหน้าตรงหน้าผากของหญิงสาวในร้าน จนนางเผลอเขย่าแขนของลู่ยุ๋นหลัวอย่างตื่นเต้น

จนตกใจอย่างต่อเนื่อง !

ทำไมนางไม่ฉุกคิดวิธีการแต่งวาดแบบนี้เลยล่ะ ?

ถ้านางแต่งวาดแบบนี้ให้นายหญิงของนาง โดยเฉพาะรูปร่างหน้าตาของนายหญิงยังไงก็สะกดให้ฝ่าบาททรงหลงใหลได้เป็นแน่

เสียงพูดของหยินซวางไม่เบา หญิงสาวด้านในคนหนึ่งในชุดสีเขียวอ่อนขมวดคิ้วและมองไปที่หยินซวางครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็เหลือบสายตาไปที่ลู่ยุ๋นหลัว รูปลักษณ์งดงามที่ไม่มีใครเทียบได้เพียงแค่มองนางรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย

ในเมืองหลวงปรากฏหญิงงามอันน่าทึ่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน ?

หญิงสาวที่ตระกูลมีชื่อเสียงและมีฐานะบ้างในเมืองหลวง นางก็ล้วนเคยพบแล้วทั้งนั้น แต่เธอไม่เคยเห็นหรือได้ยินหญิงสาวที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นเช่นนี้มาก่อน

พอคิดดูแล้วนางไม่น่าจะเป็นคนที่มีบรรดาศักดิ์อะไร ดูจากการแต่งตัวที่ไม่เลวแล้ว ดูเหมือนนางก็คงจะเป็นลูกสาวของพ่อค้าธรรมดา ๆ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของนางก็รู้สึกสงบนิ่งขึ้นเล็กน้อย แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของนางจะไม่ดีเท่ากับลู่ยุ๋นหลัว แต่บรรดาศักดิ์ของนางไม่ใช่ว่าใครก็จะมาเทียบได้

นางมองดูคนทั้งสามอย่างเหยียดหยาม "ไม่รู้เรื่องจริง ๆ รึไง การแต่งวาดบนหน้าผากนี้มาจากนายหญิงลู่แห่งตำหนักเย็น เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงจากตระกูลธรรมดาอย่างพวกเจ้าจะไม่เคยได้ยินเรื่องนี้"

ในขณะที่พูด นางก็ยังคงเลือกที่ทาแก้มชนิดน้ำต่อไป

มาจากนายหญิงแห่งตำหนักเย็น ?

นายหญิงแห่งตำหนักเย็นไม่ใช่ว่าคือนายหญิงท่านนี้ของพวกนางหรอกเหรอ ?

หยินซวางสงสัยจนหันหน้ากลับมามองนายหญิงท่านนี้ของนาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น