ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 167

"เมื่อปีที่แล้วช่วงเดือนสี่ ตอนที่ท่านได้เข้าร่วมการแข่งขันดนตรีครั้งใหญ่ ท่านได้บรรเลงเพลงนี้แหละเพคะ ด้วยเพลงนี้ ทำให้ท่านได้รับรางวัลที่หนึ่งในการแข่งขันดนตรีครั้งใหญ่ของเมืองหลวง" หยินซวางเมื่อคิดว่านายหญิงของนางคงลืมบางเรื่องไปแล้ว ดังนั้นนางจึงค่อย ๆ อธิบายอย่างอดทน

"การแข่งขันดนตรีครั้งใหญ่ของเมืองหลวง ?"

“ปีที่แล้วช่วงเดือนสี่ ?”

ลู่ยุ๋นหลัวสีหน้าราวกับเห็นผี ขนลุกขนชันไปทั้งตัว

ก็เห็นชัดอยู่ว่านางเพิ่งทะลุมิติมาที่นี่เมื่อเก้าเดือนก่อน และตอนที่นางทะลุมิติมาก็อยู่ในตำหนักเย็นแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่นางออกจากวังตั้งแต่ทะลุมิติมาที่นี่ นางจะเข้าร่วมการแข่งขันดนตรีครั้งใหญ่ได้อย่างไร ?

สิ่งที่หยินซวางกล่าวควรจะเป็นเจ้าของร่างเดิมที่เข้าร่วมการแข่ง

แต่เจ้าของร่างเดิมจะบรรเลงหนาวเหน็บเพลงนี้ได้อย่างไร ?

เป็นไปได้รึไม่ว่าเจ้าของเดิมก็ทะลุมิติมาเหมือนกันจากนั้นก็เสียชีวิตอย่างน่าอนาถ ?

ไม่ว่าลู่ยุ๋นหลัวจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก

"หยินซวาง แต่ก่อนข้าเคยเล่นบรรเลงเพลงอะไรมาก่อนบ้าง" ลู่ยุ๋นหลัวรู้สึกว่าถ้าเจ้าของร่างเดิมทะลุมิติมาที่นี่จริง ๆ ก็ควรจะบรรเลงเพลงอื่นที่ไม่ใช่แค่เพลงนี้เพลงเดียว

หยินซวางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด "ท่านบรรเลงเพลงนี้เพลงเดียวเท่านั้นเพคะ"

แค่เพลงนี้เพลงเดียวก็ดังทั่วเมืองหลวงแล้ว

มีแค่เพลงเดียว ?

ความสงสัยของลู่ยุ๋นหลัวไม่เพียงไม่ได้รับการไขให้กระจ่างแล้ว แต่กลับสงสัยลึกขึ้นไปอีก

งั้นเจ้าของร่างเดิมก็เป็นบุคคลที่ทะลุมิติมาเหมือนกันหรือไม่ ?

ถ้าใช่ งั้นเจ้าของร่างเดิมคนนี้คือเจ้าของร่างเดิมตัวตนที่แท้จริงหรือไม่ ?

ความทรงจำที่นางได้หลอมรวมไปนั้นเป็นของเจ้าของร่างเดิมตัวจริงหรือคนที่ทะลุมิติมาก่อนหน้านี้กันแน่ ?

ลู่ยุ๋นหลัวยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว

ในท้ายที่สุดก็ไม่มีทางเลือกอื่นและได้แต่ยอมแพ้

ความทรงจำที่นางหลอมรวมเป็นเพียงเศษความทรงจำที่ไม่สมบูรณ์ ไม่ว่านางจะคิดมากเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์

แม้ว่าคนที่ทะลุมิติมาก่อนหน้านี้จะทะลุมิติมาจริง ๆ จนตอนนี้นางตายไปแล้ว บางทีนางอาจจะกลับไปยังโลกเดิมของนางเองแล้วก็ได้

หลังจากออกมาจากภัตตาคารก็มุ่งตรงไปที่หอเซียนแพทย์ เพราะนางต้องการจะซื้อยาที่มักจะใช้ทั่วไป ดังนั้นนางจึงไม่ได้ไปที่ชั้นสอง หลังจากเข้ามาที่ชั้นหนึ่งก็เอารายการยาที่จำเป็นต้องใช้ยื่นให้เสี่ยวเอ้อ พริบตายาทั้งหมดก็ถูกจัดเสร็จเรียบร้อย

หลังจากจัดการธุระทุกอย่างเรียบร้อย ลู่ยุ๋นหลัวก็กลับจวน

ในเวลานี้ท่านผู้อาวุโสก็กำลังต้อนรับสหายเก่าทั้งสองคนที่ไม่ได้เจอกันนาน สหายเก่าสองคนนี้กลับมาที่เมืองหลวงครั้งนี้ ประการแรก เพราะพวกเขาได้ยินว่าท่านอาวุโสป่วยหนัก พวกเขาจึงตั้งใจมาเยี่ยมเป็นพิเศษ ประการที่สอง เพราะพวกเขามีเหตุผลต่าง ๆ ที่จะไม่เตรียมตัวกลับเข้าไปยังสนามรบอีกแล้ว และเลือกอยู่ในเมืองหลวงเพื่อเลี้ยงดูลูกหลาน และรักษาตัวเองในบั้นปลายของชีวิต

“มันไม่ง่ายเลยที่ให้พวกเจ้ากลับมาจากสนามรบ เอาเถอะ ครั้งนี้ไม่ว่าจะพูดอย่างไรพวกเราก็ต้องดื่มกันสักหน่อย” ท่านผู้อาวุโสรินเหล้าให้กับสหายทั้งสองคน “ลองดื่มสิ นี่หลานสาวข้าอุตส่าห์ทำเหล้าให้ข้าเป็นอย่างดี รับรองว่าพวกเจ้าไม่เคยดื่มมาก่อน”

เมื่อเหล่าจางและเหล่าเฉินได้ยิน ว่าเป็นหลานสาวของเขางั้นก็คือนายหญิงคนปัจจุบันไม่ใช่หรือ ?

ดูเหมือนว่าพวกเขาก็ได้รับเกียรติจากเหล่าซู(เหล่าซู ก็คือ ผู้อาวุโสเรียกอีกแบบหนึ่ง)ด้วย พร้อมกับยกเหล้าที่รินให้มาขึ้นดื่มอย่างไม่เกรงใจ

ใครจะรู้ พวกเขากลับรีบดื่มจนของเหลวที่เผ็ดร้อนแรงวาบไหลลงคอ แสบร้อนจนทั้งสองไอออกมา ใช้เวลาอยู่นานกว่าที่พวกเขาจะดีขึ้น

แม้แต่ท่านผู้อาวุโสเองก็ยังสำลักเหล้าเผ็ดร้อนนี้เช่นกัน

"เหล่าซู หลานสาวของเจ้าไปทำเหล้ามาจากที่ไหนกัน ทำไมมันแรงแบบนี้ ?" เหล่าจางที่เพิ่งจะดีขึ้นก็ถามออกไปขณะที่หน้ายังแดงอยู่

ท่านตาเองก็ยังรู้สึกว่าแปลก เมื่อคืนที่เพิ่งดื่มไปก็เห็นชัดอยู่ว่าไม่ใช่รสชาติแบบนี้?

เป็นไปได้ไหมที่หลานหลัวเปลี่ยนให้เขาเป็นเหล้าประเภทอื่น ?

หลังจากดีขึ้นแล้ว เหล่าเฉินรู้สึกว่าเหล้านี้ไม่เลวเลยทีเดียว จึงรินให้ตัวเองอีกหนึ่งจอก แต่คราวนี้เขาไม่ได้ดื่มอึกใหญ่ แต่จิบทีละน้อย ๆ

"เหล่าซู ไม่อยากจะบอกเลยว่าเหล้านี้รสชาติใช้ได้ไม่เลว พอดื่มเข้าไปมึนขึ้นหัวเลยทีเดียว"

“ข้าก็รู้สึกเหมือนกัน แต่ว่าเหล้าที่รสชาติแรงขนาดนี้ไปทำมาได้ยังไงรึ ? ทำไมแต่ก่อนพวกข้าไม่เคยดื่มมาก่อนเลย ?” เหล่าจางดื่มไปแล้วสามจอก ยิ่งดื่มก็ยิ่งกระปรี้กระเปร่ามากขึ้นเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น