ท่านผู้อาวุโสก็เริ่มมึนขึ้นหัวแล้ว ใครจะสนใจว่าเหล้าเอามาจากที่ไหน เขารู้แค่ว่าเหล้านี้นั้นแรงก็พอแล้ว เขาชอบ !
"มา ๆ ๆ วันนี้พวกเราไม่เมาไม่เลิก !"
ด้วยเหตุนี้สหายเก่าทั้งสามคนที่ไม่ได้เจอกันนานก็เริ่มดื่มเหล้ากันและพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องในอดีต
เมื่อลู่ยุ๋นหลัวกลับมา ก็ได้ยินข้ารับใช้บอกว่าท่านผู้อาวุโสและแขกสองคนที่เขาเชิญมาเมาอยู่ในเรือนของท่านผู้อาวุโสดื่มกันเจาสำมะเลเทเมา นางจึงรีบไปหาทันที ภายในใจก็รู้สึกแปลก ๆ ว่าเหล้าองุ่นนี้จะไปดื่มให้เมาได้เยี่ยงไร ?
ทันทีที่เขาเข้าไปก็ได้กลิ่นเหล้าอันรุนแรงปะทะเข้ามาที่จมูก
ดวงตาเหลือบไปยังไหเหล้านั้นที่อยู่บนพื้น ขณะนั้นก็ไม่รู้ว่าจะด่าหรือหัวเราะดี
นี่มันเหล้าองุ่นอะไรกัน เห็นชัดว่าเป็นเหล้าขาวที่เข้มข้นสูง
น่าจะเป็นเพราะตนเองรีบออกไปในตอนเช้าเลยหยิบมาผิด
เมื่อดูจากสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว ดูเหมือนทั้งสามคนคงดื่มเหล้าในไหเล็กนี้จนหมด
เหล้าขาวบริสุทธิ์ชนิดนี้ ถ้าไม่ใช่คนที่เป็นคอเหล้าจริง ๆ บางทีแค่จอกเดียวก็ล้มพับไปแล้ว
ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาจะเมาจนอยู่ในสภาพนี้
นางจึงเอาเหล้าขาวอีกสองไหที่ยังไม่ได้เปิดทั้งหมดเก็บกลับมา
อาการป่วยของท่านตาเพิ่งหายได้ไม่นาน การดื่มเหล้าองุ่นช่วยบำรุงสุขภาพได้ก็จริง แต่ถ้าเหล้าขาวคงจะไม่ได้
นางขอให้ข้ารับใช้ช่วยพยุงคนเหล่านี้ให้ไปพักผ่อนในห้อง ดูเหมือนหากไม่ถึงพรุ่งนี้ คนเหล่านี้ก็น่าจะยังคงไม่ตื่นขึ้นมา
เมื่อนางกลับมาที่เรือนของตน นางก็เห็นท่านน้านั่งอยู่คนเดียวในสวนเหม่อลอยจ้องมองไปยังผืนน้ำที่นิ่งสงบ รูปร่างที่ผอมบาง ใบหน้าที่หล่อเหลา แต่หว่างคิ้วกลับมีความเศร้าจาง ๆ ที่ราวกับไม่สามารถลบออกไปได้
หลังจากทหารอารักขาประจำตัวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เห็นลู่ยุ๋นหลัวก็รีบเข้ามาพูด "นายหญิง ท่านเกลี้ยกล่อมท่านชายน้อยสักหน่อยเถอะ หากเขายังคงทำแบบนี้ต่อไปคงจะไม่ได้การ"
ท่านชายน้อยวันนี้เพิ่งจะได้ออกไปข้างนอก ก็มีคนนับไม่ถ้วนชี้นิ้วนินทาอยู่ด้านหลังเขา
ท่านชายน้อยเคยเป็นถึงอภิชาตบุตรดึงดูดความสนใจของคนได้มากมายทั้งเมืองหลวง เขามีชื่อเสียงในสนามรบและกวาดล้างศัตรูไปมาก
เกียรติยศที่เขาเคยมีมามากมายตั้งเท่าไหร่ แต่พอมาวันนี้กลับมีแต่คำเยาะเย้ยที่มากขึ้นเท่านั้น
ก็อย่างที่เห็น ในอดีตท่านชายน้อยแห่งจวนกั๋วกงติ้ง เคยเป็นถึงนายพลหนุ่มผู้มีชื่อเสียงที่สามารถต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับมกุฎราชกุมารในสมัยนั้น ตอนนี้เป็นเพียงแค่บุคคลทุพพลภาพคนหนึ่ง
อย่าว่าแต่จะออกรบเลย เกรงว่าตอนนี้ขนาดจะสืบทอดตระกูลก็คงจะยากแล้ว
สายเลือดของจวนกั๋วกงติ้ง เมื่อตกมาถึงเขาก็คงจะสิ้นสุดแล้ว
ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะได้ยินเสียงซุบซิบแบบนี้ตลอด
หากไม่ใช่เพราะอาการป่วยของท่านผู้อาวุโสครั้งนี้ เกรงว่าท่านชายน้อยไม่มีทางที่จะกลับมาที่จวนแน่นอน
เขากลัวว่าหลังจากที่นายหญิงกลับเข้าวังไป ท่านชายน้อยคงจะหมดหนทางที่จะทนต่อคำดูถูกพวกนี้และเลือกที่ออกจากจวนแห่งนี้ไปอีกครั้งแทน
ทหารอารักขาคนนี้เติบโตเคียงข้างท่านน้าตั้งแต่ยังเด็ก ตลอดห้าปีที่ท่านน้าหายตัวไป ก็เป็นเขาที่คอยอยู่เคียงข้างเสมอ
การได้เห็นชายหนุ่มแต่ก่อนที่มีจิตใจฮึกเหิมและมีปณิทานอันแรงกล้า พอได้เห็นสภาพของเขาตอนนี้ที่ทรุดโทรม สิ้นหวัง ไร้ชีวิตชีวาเช่นนี้ มันก็เป็นธรรมดาที่จะทำให้คนรอบข้างเศร้าไปด้วย
ลู่ยุ๋นหลัวรู้สึก
ว่าไม่สามารถปล่อยให้ท่านน้าของนางคิดฟุ้งซ่านต่อไปแบบนี้ได้อีกแล้ว
ต้องหาเรื่องอะไรสักอย่างให้เขาได้ทำ
นางก้าวไปข้างหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม "ท่านน้า ทำไมท่านยังมีกะจิตกะใจเพลิดเพลินกับทัศนียภาพเช่นนี้อยู่อีก ? สมุดบัญชีในจวนท่านตรวจสอบหมดแล้วรึ ? ท่านจากจวนแห่งนี้ไปตั้งห้าปีแล้ว ท่านกลับมาคราวนี้ก็อย่าหวังว่าจะอู้งานได้เลย”
ซูโม่หลานรู้สึกขบขันกับคำพูดของลู่ยุ๋นหลัว ก็ไม่รู้ว่าเด็กสาวคนนี้พูดเป็นรึไม่ เขาถึงได้กลายเป็นว่าแอบอู้งานไปได้ ?
"ใครก็ได้ แจ้งลุงหวังที ให้เขาจัดการเอาบัญชีทั้งหมดของจวนในช่วงห้าปีที่ผ่านมามาให้ท่านน้าข้าตรวจดูที" ลู่ยุ๋นหลัวตะโกนสั่ง
สมุดบัญชีกว่าห้าปีน่าจะทำให้เขายุ่งได้สองสามวันรึเปล่านะ ?
“จำไว้อีกเรื่อง เอาสมุดบัญชีทั้งหมดทั้งจากธุรกิจร้านค้าและฟาร์มข้างนอกมาด้วย ยังมีอีกเรื่อง แต่ก่อนที่ท่านตาคนรองเปลี่ยนข้ารับใช้ในจวนไปตั้งมากมากด้วยใช่รึไม่ ? เอาทะเบียนรายชื่อของคนรับใช้ทั้งหมดในจวนออกมาให้ท่านน้าของข้าตรวจสอบให้ดีด้วย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...
มาต่อหน่อยค่า...
รบกวนอัพต่อให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ...