"ลุกขึ้น" เสียงชายที่อยู่ด้านหลังของนางดังขึ้น
นางสั่นเครือเล็กน้อย ความจริงอย่างหนึ่งที่น่าประหลาดใจผุดขึ้นมาในความคิด เมื่อสักครู่ที่นางกัดเขาไปเป็นจักรพรรดิงั้นรึ ?
ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นจักรพรรดิ ?
เขาจะเป็นจักรพรรดิไปได้เยี่ยงไร ?
แล้วไม่กี่วันก่อนเมื่อนางตอนอยู่ที่บนวังหลีเซี๋ยเห็นชายแก่อ้วนพุงพลุ้ยคนนั้นหละคือใคร ?
"องค์จักรพรรดิ ! คนจากตำหนักพระพันปีหลวงให้มากราบทูลให้พระองค์ทรงเสด็จกลับไปชั่วครู่ พะยะค่ะ" นายทหารยามรายนี้ก้มศรีษะทูลถวายกล่าว แค่เพียงเห็นก็ทราบดีว่าเป็นแค่ทหารยามที่ฝึกหักมาอย่างดี รู้ดีว่าอะไรควรมองหรือไม่ควรมอง อะไรควรถามและไม่ควรถาม
ถ้าพระพันปีหลวงไม่มีธุระเร่งด่วน เขาก็คงไม่อยากจะมาปรากฏตัวตรงหน้าให้องค์จักรพรรดิทรงเห็นสักเท่าไหร่
"ข้าทราบแล้ว ! เจ้าไปได้"
"พะยะค่ะ"
"นี่เขาเป็นองค์จักรพรรดิจริงรึเนี่ย ?"
ลู่ยุ๋นหลัวตกตะลึง !
คนที่ปีนพระราชวังในตอนกลางคืน แล้วยังจะซื้อตำรากามสูตรจากนาง ที่แท้เป็นองค์จักรพรรดิ ?
รึว่าเป็นมายากลลวงโลกกันแน่ ?
เมื่อนางคิดถึงสิ่งที่นางทำไปทั้งหมด นางอยากจะรีบหนีออกไปจากตรงนี้และอันตรธานหายไปแบบไร้เสียงในบัดดล
จี้อู๋เจวี๋ยท่าทางอารมณ์ดีเมื่อเห็นลู่ยุ๋นหลัวตกตะลึง “เจ้าอย่าเพิ่งไป จับนางไปไว้ที่ตำหนักซู่ซิน จำไว้ ! อย่าให้นางหนีไปได้อีก ไม่เช่นนั้น ข้าจะมาพบเจ้าอีกครั้งขณะที่เจ้าถือหัวเจ้าเอง !
"พะยะค่ะ !"
จี้อู๋เจวี๋ยกลับหันมามองนางอีกครั้งขณะที่เดินจากไป
เขามองเพียงลู่ยุ๋นหลัวที่กำลังตกใจหวาดกลัว
มันจบแล้ว !
ทุกอย่างมันจบสิ้นแล้ว !
ลู่ยุ๋นหลัวรู้สึกราวกับตัวเองได้ไปเจาะรูที่ยิ่งใหญ่ไว้บนฟ้า (เจาะรูที่ยิ่งใหญ่ไว้บนฟ้า หมายถึง การกระทำที่ไม่ดีในอดีตแล้วส่งผลมาถึงปัจจุบัน)
โดยแค่นางนึกถึงสิ่งที่นางทำไปก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ก็ทำให้นางปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมาทันที
ลู่ยุ๋นหลัวปวดกบาล
ทำไมนางถึงดวงซวยแบบนี้ถึงขนาดไปอยู่ในกำมือเขาได้พอเหมาะพอเจาะ
เมื่อมาถึงตำหนักซู่ซินกับทหารยามนายนั้น สมองและความคิดของนางกลับยุ่งเหยิงไปหมด
นางจะหนีจากที่นี่ไปได้อย่างไร ?
"โอ๊ย.... ข้าปวดท้อง ! ไม่ไหวแล้ว ใครก็ได้พาข้าไปปลดทุกข์ที" นางเอามือกุมไปที่ท้องพร้อมกับทำสีหน้าทนทุกข์ทรมาน
เพราะองค์จักพรรดิก็ไม่ได้บัญชาอย่างละเอียดว่าควรทำอย่างไรกับนาง นางข้าหลวงก็ไม่รู้เช่นเดียวกันว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร เมื่อพบว่าลู่ยุ๋นหลัวท่าทางปวดท้องทุรนทุราย นางข้าหลวงจึงเข้าไปพานางไปห้องปลดทุกข์
บนทางเดินที่กำลังไปยังห้องปลดทุกข์ ลู่ยุ๋นหลัวเดินช้าเป็นพิเศษ โดยเว้นระยะห่างระหว่างนางข้าหลวงด้านหน้า และเมื่อถึงทางแยกนางก็รีบวิ่งปลีกไปอีกทางและเริ่มออกวิ่งสุดแรงเต็มกำลัง
กว่านางจะถึงตำหนักเย็น ท้องฟ้าก็น่าจะมืดพอดี
สุดท้ายนางก็หลบหนีออกมาได้สำเร็จ
ลู่ยุ๋นหลัวทำความสะอาดล้างหน้าล้างตาเสร็จนางก็นอนเอนกายอยู่บนเตียงของนาง ในที่สุดนางก็โล่งใจสักที
เจ้าของร่างเดิม ณ เวลานั้นได้ถูกให้ไปพำนักที่ตำหนักเย็น ว่ากันว่าวันที่องค์จักรพรรดิองค์ก่อนเสด็จสวรรคตนั้น องค์ชายสามและอัครมหาเสนาบดีสมรู้ร่วมคิดกับคนภายนอก ก่อกบฏต่อประเทศ วันที่สองก็ถูกสั่งให้ประหารชีวิตทิ้ง ซึ่งเจ้าของเดิมเพิ่งจะได้รับเข้าเป็นชายาเอกนั้นก็ถูกองค์จักรพรรดิที่ขึ้นครองบัลลังค์ในวันเดียวกันถูกให้พำนักในตำหนักเย็นโทษฐานเป็นบุตรสาวของผู้ก่อกบฎ
ลู่ยุ๋นหลัวพลิกตัว “หยินซวาง บิดาของข้าปกติเป็นคนเช่นไร ?”
ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมนั้น บิดาของนางนั้นดูแลเธอเป็นอย่างดี นางถูกอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่ยังเล็ก ศิลปะ ดนตรี เล่นหมาก วาทกรรม ทุกด้านไม่เคยบกพร้อง ถึงขนาดให้ราชครูจากในเมืองมาสอน
ขณะทำงานในราชสำนักก็ทำเพื่อผู้คนมาโดยตลอด เที่ยงธรรมและเที่ยงตรงไม่เคยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน
ทำไมองค์จักรพรรดิองค์ก่อนเสด็จสวรรคตวันนั้น เขาถึงสมรู้ร่วมคิดกับคนนอก ทรยศประเทศชาติได้หละ ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออ่านอยู่นะคะ...
ชอบเรื่องนี้มากนางเอกไม่อยากอยู่ในวัง..มาอัพต่อนะคะรออ่านค่ะ......
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...