ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 171

จู่ ๆ เศษเสี้ยวหนึ่งของบางภาพเหตุการณ์ก็แวบเข้ามาในความคิดและซ้อนทับกับภาพตรงหน้า ก่อนที่จะมีเวลาได้คิด ภาพเหตุการณ์ในหัวก็แวบผ่านไปอีกครั้งและหายไปอย่างไร้ร่องรอย

นี่คือ...

ความทรงจำที่หายไปของเจ้าของร่างเดิม ?

ลู่ยุ๋นหลัวขมวดคิ้วเล็กน้อย

"เห้ย เจ้ากุมข้อพระหัตถ์ของท่านอ๋องเฉินของพวกเราทำอะไรน่ะ ?" เว่ยหลีที่โผล่มาจากไหนไม่รู้จ้องมองที่มือของลู่ยุ๋นหลัวด้วยสีหน้าไม่พอใจ

เขารู้ดี

ตอนที่เขาไม่อยู่ ผู้หญิงคนนี้จะต้องวางแผนทำอะไรท่านอ๋องเป็นแน่

ก็เป็นดั่งที่คาดไว้ เขาจากไปได้เพียงครู่เดียว ผู้หญิงคนนี้ก็เริ่มลงไม้ลงมือแตะต้องท่านอ๋องแล้ว

จากนั้นลู่ยุ๋นหลัวถึงได้รู้สึกตัว ว่าตนเองกำลังกุมพระหัตถ์ของเสด็จลุงสามอยู่นานแล้ว นางจึงรีบปล่อยมืออย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกันก็ถลึงตาใสมองไปที่ทหารอารักขาคนนั้น "ขอให้เจ้าโปรดเข้าใจ ข้าแค่ตรวจแมะชีพจรท่านอ๋องของพวกเจ้าแค่นั้น"

พูดราวกับว่านางกำลังเอาเปรียบท่านอ๋องของพวกเขาอย่างใดอย่างนั้น

ถ้านางลู่ยุ๋นหลัวจะเอาเปรียบคนอื่น ไม่ว่าจะพูดเช่นไรก็คงทิ้งตัวลงบนพื้นและจับต้องร่างกายสักสองครั้งสิถึงจะสนุก

ด้วยเหตุผลบางอย่างในหัวของนางก็นึกถึงฉากเหตการณ์ของวันนั้นที่จี้อู๋เจวี๋ยกดนางเอาไว้

“แมะชีพจร ?” เว่ยหลียิ้มอย่างเย็นชา ผู้หญิงคนนี้แสร้งทำเป็นโง่หรือไง ?

สุขภาพของท่านอ๋องเฉินเป็นเช่นไรไม่ใช่ว่านางรู้ตั้งนานแล้วรึ ?

“อาการประชวรของท่านอ๋องเฉินของเราหายดีแล้ว ไม่รวบกวนให้นายหญิงต้องลำบากใจหรอกพะยะค่ะ !”

เว่ยหลีก้าวไปด้านหน้าและยืนขวางอยู่ระหว่างนางกับท่านอ๋องเฉินทันที

“อย่าหยาบคาย ถอยไป!” น้ำเสียงของท่านอ๋องเฉินช่างเบาบาง แต่กลับไม่ง่ายนักที่จะขัดขืน

“ท่านอ๋อง...”

"ถอยไป !"

ยังคงเป็นคำตรัสธรรมดาที่ราบเรียบสองคำ แต่เว่ยหลีรู้ดีว่าท่านอ๋องเฉินไม่พอพระทัยแล้ว

ท่านอ๋องเฉินทุกครั้งมักจะทรงปกป้องนางอยู่ตลอด !

เว่ยหลีมองไปที่ลู่ยุ๋นหลัวอย่างไม่พอใจ จนเขาก็ทำได้เพียงแค่ถอยกลับไป

แต่คราวนี้เขาไม่ได้ถอยห่างไปไกล แต่กลับถอยไปที่มุมหนึ่งข้างพระวรกายอย่างไม่เต็มใจ

เขาเพียงแค่ยืนจ้องมองจากที่ไม่ไกลตรงนั้น

เมื่อใดที่ผู้หญิงคนนี้กล้าที่จะลงไม้ลงมือแตะต้องท่านอ๋องของพวกเขาอีกครั้ง เขาจะได้พุ่งไปข้างหน้าได้ทันท่วงที

ลู่ยุ๋นหลัวรู้สึกว่าทหารอารักขาผู้นี้ดูเหมือนจะกลัวว่านางจะทำอะไรกับเสด็จลุงสาม ดังนั้นนางจึงถามด้วยความสงสัย

“ข้าก่อนหน้านี้มักมารบกวนเจ้าบ่อยไหม ?”

ท่านอ๋องเฉินยิ้มจาง ๆ “ก็อาจจะ”

ลู่ยุ๋นหลัวกระพริบตางง ก็อาจจะนี่หมายความว่ายังไง ?

ใช่ก็ตอบใช่ ไม่ใช่ก็ตอบไม่ใช่สิ

คำว่า "ก็อาจจะ" จะทำให้นางเข้าใจได้อย่างไร ?

คือก่อกวน ? หรือว่าไม่ก่อกวน ?

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าท่านอ๋องเฉินดูเหมือนจะไม่ต้องการเล่าเรื่องในอดีตให้นางฟัง นางจึงไม่ถามอะไรต่อ

แต่แค่กลับสนใจคนที่สามารถถอนพิษประหลาดบรพระวรกายของท่านอ๋องเฉินได้ก็เท่านั้น

“เสด็จลุงสาม ข้าขอทูลถามสักเรื่องจะได้รึไม่ว่าเป็นเซียนแพทย์ท่านไหนกันที่ถอนพิษให้ท่านได้ ?”

หลังจากถูกพิษมาเป็นเวลา 10 ปี ใครบางคนก็รักษาให้หายได้อย่างง่ายดาย พอยิ่งคิดก็นรู้ทันทีว่าทักษะทางการแพทย์ของคน ๆ นี้น่าจะเก่งกาจเป็นอย่างมาก

ถ้ามีโอกาสบางทีอาจจะได้รู้จักกันและเรียนรู้วิชาซึ่งกันและกัน

ท่านอ๋องเฉินเงียบอยู่เป็นเวลานาน

ขณะที่ลู่ยุ๋นหลัวคิดว่าเขาจะไม่ตอบคำถามนี้แล้ว ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น และทรงจ้องมองเข้าไปในดวงตาที่ราวกับเต็มไปด้วยหมู่ดาวของนางและทรงเอื้อนเอ่ยอย่างราบเรียบ "ทักษะทางการแพทย์ของนางเป็นหนึ่งในใต้หล้า เป็นหนึ่งไม่มีสอง มือปาฏิหาริย์คู่นั้นสามารถรักษาได้แม่แต่คนตายหรือบาดเจ็บจนเห็นเนื้อหักกระดูก ตัวตนของนางผู้ทรงเชียวชาญศิลปะวิชาแพทย์จีนโบราณ ต่อให้ข้าต้องเรียนอีก 10 ปีก็ยังฝีมือตามหลังนางอยู่มาก"

ลู่ยุ๋นหลัวเริ่มสนใจ นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีคนที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ในสมัยราชวงศ์นี้ พร้อมกับรอให้ท่านอ๋องเฉินตรัสต่อให้จบ

ท่านอ๋องเฉินละสายพระเนตรออก พร้อมกับเผยแย้มสรวลที่ราวกับไร้ซึ่งทางเลือก "คำพูดเหล่านี้ล้วนเป็นนางที่ให้ข้าท่องเอาไว้สำหรับบอกใครก็ตามที่ถามถึงเรื่องนี้ ก็ให้ตอบแบบนี้ทั้งสิ้น มิฉะนั้นนางก็จะไม่รักษาให้กับข้า”

อะไรนะ ?

ทุกวันนี้ยังมีเซียนแพทย์ที่ไร้ยางอายขนาดนี้อยู่อีกเหรอ ?

ลู่ยุ๋นหลัวเดิมทีที่นับถือเซียนแพทย์ผู้นี้พริบตาความนับถือนั้นก็แตกสลายลงไปกองบนพื้นทันที

นี่มันไอเซียนแพทย์เวรคนไหนถึงไร้ยางอายได้เช่นนี้ ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น