จู่ ๆ เศษเสี้ยวหนึ่งของบางภาพเหตุการณ์ก็แวบเข้ามาในความคิดและซ้อนทับกับภาพตรงหน้า ก่อนที่จะมีเวลาได้คิด ภาพเหตุการณ์ในหัวก็แวบผ่านไปอีกครั้งและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
นี่คือ...
ความทรงจำที่หายไปของเจ้าของร่างเดิม ?
ลู่ยุ๋นหลัวขมวดคิ้วเล็กน้อย
"เห้ย เจ้ากุมข้อพระหัตถ์ของท่านอ๋องเฉินของพวกเราทำอะไรน่ะ ?" เว่ยหลีที่โผล่มาจากไหนไม่รู้จ้องมองที่มือของลู่ยุ๋นหลัวด้วยสีหน้าไม่พอใจ
เขารู้ดี
ตอนที่เขาไม่อยู่ ผู้หญิงคนนี้จะต้องวางแผนทำอะไรท่านอ๋องเป็นแน่
ก็เป็นดั่งที่คาดไว้ เขาจากไปได้เพียงครู่เดียว ผู้หญิงคนนี้ก็เริ่มลงไม้ลงมือแตะต้องท่านอ๋องแล้ว
จากนั้นลู่ยุ๋นหลัวถึงได้รู้สึกตัว ว่าตนเองกำลังกุมพระหัตถ์ของเสด็จลุงสามอยู่นานแล้ว นางจึงรีบปล่อยมืออย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันก็ถลึงตาใสมองไปที่ทหารอารักขาคนนั้น "ขอให้เจ้าโปรดเข้าใจ ข้าแค่ตรวจแมะชีพจรท่านอ๋องของพวกเจ้าแค่นั้น"
พูดราวกับว่านางกำลังเอาเปรียบท่านอ๋องของพวกเขาอย่างใดอย่างนั้น
ถ้านางลู่ยุ๋นหลัวจะเอาเปรียบคนอื่น ไม่ว่าจะพูดเช่นไรก็คงทิ้งตัวลงบนพื้นและจับต้องร่างกายสักสองครั้งสิถึงจะสนุก
ด้วยเหตุผลบางอย่างในหัวของนางก็นึกถึงฉากเหตการณ์ของวันนั้นที่จี้อู๋เจวี๋ยกดนางเอาไว้
“แมะชีพจร ?” เว่ยหลียิ้มอย่างเย็นชา ผู้หญิงคนนี้แสร้งทำเป็นโง่หรือไง ?
สุขภาพของท่านอ๋องเฉินเป็นเช่นไรไม่ใช่ว่านางรู้ตั้งนานแล้วรึ ?
“อาการประชวรของท่านอ๋องเฉินของเราหายดีแล้ว ไม่รวบกวนให้นายหญิงต้องลำบากใจหรอกพะยะค่ะ !”
เว่ยหลีก้าวไปด้านหน้าและยืนขวางอยู่ระหว่างนางกับท่านอ๋องเฉินทันที
“อย่าหยาบคาย ถอยไป!” น้ำเสียงของท่านอ๋องเฉินช่างเบาบาง แต่กลับไม่ง่ายนักที่จะขัดขืน
“ท่านอ๋อง...”
"ถอยไป !"
ยังคงเป็นคำตรัสธรรมดาที่ราบเรียบสองคำ แต่เว่ยหลีรู้ดีว่าท่านอ๋องเฉินไม่พอพระทัยแล้ว
ท่านอ๋องเฉินทุกครั้งมักจะทรงปกป้องนางอยู่ตลอด !
เว่ยหลีมองไปที่ลู่ยุ๋นหลัวอย่างไม่พอใจ จนเขาก็ทำได้เพียงแค่ถอยกลับไป
แต่คราวนี้เขาไม่ได้ถอยห่างไปไกล แต่กลับถอยไปที่มุมหนึ่งข้างพระวรกายอย่างไม่เต็มใจ
เขาเพียงแค่ยืนจ้องมองจากที่ไม่ไกลตรงนั้น
เมื่อใดที่ผู้หญิงคนนี้กล้าที่จะลงไม้ลงมือแตะต้องท่านอ๋องของพวกเขาอีกครั้ง เขาจะได้พุ่งไปข้างหน้าได้ทันท่วงที
ลู่ยุ๋นหลัวรู้สึกว่าทหารอารักขาผู้นี้ดูเหมือนจะกลัวว่านางจะทำอะไรกับเสด็จลุงสาม ดังนั้นนางจึงถามด้วยความสงสัย
“ข้าก่อนหน้านี้มักมารบกวนเจ้าบ่อยไหม ?”
ท่านอ๋องเฉินยิ้มจาง ๆ “ก็อาจจะ”
ลู่ยุ๋นหลัวกระพริบตางง ก็อาจจะนี่หมายความว่ายังไง ?
ใช่ก็ตอบใช่ ไม่ใช่ก็ตอบไม่ใช่สิ
คำว่า "ก็อาจจะ" จะทำให้นางเข้าใจได้อย่างไร ?
คือก่อกวน ? หรือว่าไม่ก่อกวน ?
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าท่านอ๋องเฉินดูเหมือนจะไม่ต้องการเล่าเรื่องในอดีตให้นางฟัง นางจึงไม่ถามอะไรต่อ
แต่แค่กลับสนใจคนที่สามารถถอนพิษประหลาดบรพระวรกายของท่านอ๋องเฉินได้ก็เท่านั้น
“เสด็จลุงสาม ข้าขอทูลถามสักเรื่องจะได้รึไม่ว่าเป็นเซียนแพทย์ท่านไหนกันที่ถอนพิษให้ท่านได้ ?”
หลังจากถูกพิษมาเป็นเวลา 10 ปี ใครบางคนก็รักษาให้หายได้อย่างง่ายดาย พอยิ่งคิดก็นรู้ทันทีว่าทักษะทางการแพทย์ของคน ๆ นี้น่าจะเก่งกาจเป็นอย่างมาก
ถ้ามีโอกาสบางทีอาจจะได้รู้จักกันและเรียนรู้วิชาซึ่งกันและกัน
ท่านอ๋องเฉินเงียบอยู่เป็นเวลานาน
ขณะที่ลู่ยุ๋นหลัวคิดว่าเขาจะไม่ตอบคำถามนี้แล้ว ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น และทรงจ้องมองเข้าไปในดวงตาที่ราวกับเต็มไปด้วยหมู่ดาวของนางและทรงเอื้อนเอ่ยอย่างราบเรียบ "ทักษะทางการแพทย์ของนางเป็นหนึ่งในใต้หล้า เป็นหนึ่งไม่มีสอง มือปาฏิหาริย์คู่นั้นสามารถรักษาได้แม่แต่คนตายหรือบาดเจ็บจนเห็นเนื้อหักกระดูก ตัวตนของนางผู้ทรงเชียวชาญศิลปะวิชาแพทย์จีนโบราณ ต่อให้ข้าต้องเรียนอีก 10 ปีก็ยังฝีมือตามหลังนางอยู่มาก"
ลู่ยุ๋นหลัวเริ่มสนใจ นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีคนที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ในสมัยราชวงศ์นี้ พร้อมกับรอให้ท่านอ๋องเฉินตรัสต่อให้จบ
ท่านอ๋องเฉินละสายพระเนตรออก พร้อมกับเผยแย้มสรวลที่ราวกับไร้ซึ่งทางเลือก "คำพูดเหล่านี้ล้วนเป็นนางที่ให้ข้าท่องเอาไว้สำหรับบอกใครก็ตามที่ถามถึงเรื่องนี้ ก็ให้ตอบแบบนี้ทั้งสิ้น มิฉะนั้นนางก็จะไม่รักษาให้กับข้า”
อะไรนะ ?
ทุกวันนี้ยังมีเซียนแพทย์ที่ไร้ยางอายขนาดนี้อยู่อีกเหรอ ?
ลู่ยุ๋นหลัวเดิมทีที่นับถือเซียนแพทย์ผู้นี้พริบตาความนับถือนั้นก็แตกสลายลงไปกองบนพื้นทันที
นี่มันไอเซียนแพทย์เวรคนไหนถึงไร้ยางอายได้เช่นนี้ ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...
มาต่อหน่อยค่า...
รบกวนอัพต่อให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ...