ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 172

ในเมื่อทำเพื่อชื่อเสียงตนเองจนถึงต้องใช้วิธีอันไร้ยางอายบังคับผู้ป่วยช่วยแพร่งพรายข่าวเซียนแพทย์ของนางเองได้ขนาดนี้ หน้าด้านมาก !

หลังจากนี้อย่าให้นางได้พบเจอก็แล้วกัน !

มิฉะนั้นนางจะได้ช่วยท่านอ๋องเฉินรักษาอีหมอตดหมานี่ที่ "ทักษะทางการแพทย์เป็นหนึ่งในใต้หล้า" สักที

“นายหญิง ของขวัญขอบคุณถูกขนเก็บไปแล้วพะยะค่ะ”

มีข้ารับใช้มาแจ้งให้ทราบ

ลู่ยุ๋นหลัวก็ไม่อยากอยู่นานอีกต่อไป ดังนั้นนางจึงทูลลาท่านอ๋องเฉิน

เมื่อกลับออกมาจากจวนท่านอ๋องเฉิน เนื่องจากมีคนกำลังจัดพิธีแต่งงานบนท้องถนนทำให้ถนนการเดินทางติดขัด นางจึงเปลี่ยนไปอีกเส้นทาง ขณะที่นางเปิดม่านมองออกไปดูด้านนอก เธอบังเอิญเห็นจวนซึ่งเป็นจวนอัครมหาเสนาบดีในอดีต

ประตูที่เต็มไปด้วยฝุ่นหนาถูกปิดอย่างแน่นหนา ด้านบนมีป้ายที่ทรุดโทรมแขวนไว้รวมไปถึงตัวอักษรที่เคยเป็นสีแดงแต่บัดนี้สีซีดจางหายไปจนเป็นสีขาวแล้ว

เมื่อเห็นจวนอัครมหาเสนาบดีที่เคยมีเกียรติอันรุ่งโรจน์ที่มามีจุดจบในสภาพเช่นนี้ ก็ทำให้ลู่ยุ๋นหลัวรู้สึกถึงช่วงชีวิตหนึ่งที่เคยผ่านพ้นมา

จวนอัครมหาเสนาบดี...

หัวใจของนางเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ได้

หลังจากกลับมาถึงจวนท่านผู้อาวุโส ลู่ยุ๋นหลัวก็เริ่มเตรียมการรักษาขาให้กับท่านน้าของนาง

ไม่กี่วันต่อมาเวลาส่วนใหญ่ก็หมดไปกับการฝังเข็มและแช่ยาสมุนไพรให้กับท่านน้า

ในตอนแรกซูโม่หลานคิดว่านางแค่ล้อเล่นเพราะเขาคิดว่าขาของตนยังไงก็ไม่มีหวังที่จะรักษาได้แล้ว ดังนั้นจึงปล่อยให้นางทำไป

แต่พอนาน ๆ เข้า ซูโม่หลานรู้สึกถึงความหวังขึ้นมา

ตลอดกว่าห้าปี จนกระทั่งไม่กี่วันนี้ที่ขาของเขาทั้งสองข้างเดิมทีซึ่งไร้ความรู้สึกมาตลอด ในที่สุดก็รู้สึกถึงอาการปวดแปลบเล็กน้อย

สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเขาที่เคยมอดดับสลายไปนานแล้ว กลับถูกจุดให้ลุกโชนมีความหวังได้อีกครั้ง

"หลัวเอ๋อร์ ข้า...ข้าจริง ๆ แล้วยังยืนขึ้นอีกครั้งได้อยู่งั้นเหรอ ?" ซูโม่หลานใช้มืออันสั่นเทาคว้าลู่ยุ๋นหลัวและเอ่ยถาม แต่หลังจากถามนางไปเขาก็ไม่มีความกล้าที่จะรอคำตอบของลู่ยุ๋นหลัว พร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่นและเอ่ยตอบเองในทันที "คงเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะสินะ ขาทั้งสองข้างของข้าไม่มีความรู้สึกมาห้าปีแล้ว ไม่มีทางที่จะรักษาให้หายขาดได้หรอก"

ลู่ยุ๋นหลัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม "วางใจเถอะ ไม่เพียงแต่จะยืนขึ้นได้ หลังจากนี้จะวิ่งหรือกระโดดก็ได้ทั้งนั้น"

"จริงเหรอ ?" ซูโม่หลานมองไปที่ลู่ยุ๋นหลัวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง

จนกระทั่งลู่ยุ๋นหลัวทำให้เขามั่นใจครั้งแล้วครั้งเล่า

"ดี ! ดีมาก ! ดี..." หลังจากที่ซูโม่หลานพูดคำว่าดีสามครั้งติดต่อกัน จนเขาตื่นเต้นและนึกไม่ออกว่าควรจะพูดคำไหนอื่นอีก

เขาคิดว่าหลานสาวของเขาได้แต่แค่ปลอบเขา ไม่คิดมาก่อนว่านางพูดแล้วจะทำได้จริง !

นางสามารถรักษาขาของเขาได้จริง ๆ !

กว่าห้าปีแล้ว!

เขาพิการมากว่าห้าปีแล้ว...

ในที่สุดก็จะยืนขึ้นได้แล้วเหรอ ?

ร่างของซูโม่หลานสั่นไหวเล็กน้อย

"เอาล่ะ หลังจากพรุ่งนี้ฝังเข็มครั้งสุดท้ายให้แล้ว เส้นลมปราณนี้ก็จะไหลเวียนปลอดโปร่งได้อย่างสมบูรณ์" ลู่ยุ๋นหลัวพูดพลางขณะถอนเข็มเงินเล่มสุดท้าย "การฟื้นตัวหลังจากนี้จะทรมานมากขึ้นเล็กน้อย พอถึงเวลาท่านต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของข้าอย่างเคร่งครัด ขอให้พยายามต่อเนื่องทุกปี ข้าสัญญาว่าท่านจะสามารถยืนขึ้นได้อย่างรวดเร็ว”

"หลัวเอ๋อร์..." ซู่โม่หลานยังคงรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน

ยืนขึ้นงั้นเหรอ

นั่นคือคำขออันเปี่ยมล้นที่เขาโหยหาทุกช่วงเวลาตลอดห้าปีอันดำมืดของเขา

ลู่ยุ๋นหลัวยิ้มจาง ๆ "ท่านน้า หลังจากนี้จวนกั๋วกงติ้งจะต้องพึ่งพาท่านแล้วล่ะ !"

นางตบไปที่ไหล่อันสั่นเทาของซูโมหลาน จากนั้นก็เก็บข้าวของกลับออกไป

นั่งรถเข็นมาถึงห้าปี จู่ ๆ ก็รู้ว่าตนจะลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง ความรู้สึกดีใจแบบนี้ ก็กลัวว่าจะไม่อยากให้เวลาช้าไปอีก 2-3 วัน

ลู่ยุ๋นหลัวก็เหนื่อยบ้างแล้วเช่นกัน

การฝังเข็มแต่ละครั้งใช้เวลา 1-2 ชั่วยาม ทั้งเหนื่อยและใช้สมาธิมาก พอกลับถึงห้องนางก็เตรียมเข้านอน

ก่อนเข้านอน นางมักจะเข้าไปในมิติพิเศษเพื่อตรวจดูโกดัง และพบว่าโกดังก็กำลังจะเต็มอีกครั้ง

นางมองหาหินก้อนหนึ่งและปีนขึ้นไปบนโกดังอย่างชำนาญ พร้อมที่จะทุบสัญญาณเตือนภัยที่กำลังจะงอกออกมาใหม่

แต่คราวนี้ ไม่ว่านางจะทุบมันด้วยวิธีใด สัญญาณเตือนภัยก็กลับคืนสู่สภาพเดิมในพริบตา

เชี้ย !

สัญญาณเตือนภัยวิวัฒนาการแล้วเหรอ ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น