ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 173

นางจำได้ว่าครั้งก่อนความเร็วในการฟื้นตัวช้ามากไม่ใช่เหรอ ?

ฟังก์ชันการฟื้นฟูทันทีแบบนี้ ต่อให้นางทุบเท่าไหร่ก็ไม่พังแน่ ?

ลู่ยุ๋นหลัวพยายามอยู่พักหนึ่งจนในท้ายที่สุดก็ล้มเลิกการกระทำโง่ ๆ แบบนี้

นางเดินไปมาอยู่ในมิติพิเศษอย่างไม่หยุดหย่อน แต่ก็ยังคิดหาวิธีแก้ปัญหาที่ดีได้

เป็นไปได้รึไม่ว่านางอาจจะต้องแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการทานผลไม้วิวัฒนาการเท่านั้นจริง ๆ ?

เมื่อก้าวเดินมาถึงยังที่ที่ชั้นผลไม้วิวัฒนาการขั้นสามเติบโต นางก็อยากดูอักษรบนป้ายไม้กำกับว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่

เมื่อสายตาของนางจับจ้องไปที่ป้ายไม้นั้น ก็เป็นอย่างที่คาดไว้ ตัวอักษรด้านบนป้ายไม้ได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง

[ที่รัก หากท่านยังไม่ยอมวิวัฒนาการอีก พรุ่งนี้ในช่วงกลางคืนมิติพิเศษจะดำเนินการบังคับวิวัฒนาการ หากทำให้เกิดผลกระทบที่คาดไม่ถึง โปรดให้ท่านอย่าได้ใส่ใจในเรื่องนี้ !]

บรรทัดสุดท้ายคือเวลานับถอยหลังสู่การบังคับวิวัฒนาการ !

ลู่ยุ๋นหลัวตกใจทันที

ขนาดเวลานับถอยหลังยังโผล่ขึ้นมา !

ทำเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ !

สุดจะเชื่อเลยจริง ๆ

หลังจากคิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่านางทำตามหรือไม่ ช้าสุดพรุ่งนี้ยังไงนางก็ต้องวิวัฒนาการ มิฉะนั้น หากขืนให้มิติพิเศษบังคับวิวัฒนาการ ผีตัวไหนจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น

พรุ่งนี้นางต้องเตรียมให้เยอะไว้สักหน่อย ตอนบ่ายควรจะไปนอกเมืองเพื่อหาสถานที่ไร้ซึ่งผู้คน หาถ้ำในเขาพร้อมกับขังตนเองหนึ่งวันหนึ่งคืน ท้ายที่สุดก็ไม่น่าจะโหวกเหวกมีเรื่องออกมาหรอกนะ ?

หลังจากตัดสินใจแล้ว ลู่ยุ๋นหลัวก็สงบใจและเข้านอนได้

เช้าตรู่ของวันที่สองเริ่มขึ้น นางเริ่มเตรียมของบางอย่างที่อาจจะต้องใช้พร้อมกับโยนเข้าไปในมิติพิเศษ

ก่อนจากไปก็ได้ฝังเข็มครั้งสุดท้ายให้กับท่านน้าจนเสร็จ

พร้อมทั้งอธิบายข้อควรระวังต่าง ๆ

หลังจากจัดการเสร็จสิ้น นางก็ทิ้งกระดาษแผ่นหนึ่งไว้ที่จวน และออกจากจวนของท่านผู้อาวุโสไปเพียงคนเดียว จากนั้นก็เช่ารถม้าเพื่อออกไปนอกเมือง

รถม้าโคลงเคลงไปมาจนเดินทางมาถึงยังภูเขาหยานเซียในทางตอนเหนือนอกเมืองหลวง

ที่แห่งนี้กันดารห่างไกล ส่วนผู้คนก็แทบจะไม่เห็นผ่านมาเลยด้วยซ้ำ

ที่ตีนเขายังมีทะเลสาบใสสะอาดหนึ่งสายที่คดเคี้ยวไปมา ทิวทัศน์ก็ไม่เลวเช่นกัน

ลู่ยุ๋นหลัวมองไปที่เวลานับถอยหลังเข้าสู่การบังคับวิวัฒนาการ เห็นว่ายังมีเวลาเหลืออยู่อีกสี่ชั่วโมงกว่า

นางค่อย ๆ หยิบโต๊ะหนึ่งตัว เก้าอี้เอนหลังหนึ่งตัว กาเหล้าหนึ่งใบ รวมไปถึงอาหารที่หยินซวางปรุงไว้เรียบร้อยทั้งหมดแล้วจากมิติพิเศษออกมาวางบนโต๊ะอย่างไม่รีบร้อน ซึ่งยังคงร้อนเป็นไอเดือดอยู่

วันนี้นางยุ่งตลอดทั้งช่วงเช้าและนางก็หิวตั้งแต่เช้าแล้ว ถึงอย่างไรก็ยังพอมีเวลา ที่แห่งนี้อยู่ห่างไกลและกันดาร นางเริ่มนั่งเพลิดเพลินกับทิวทัศน์โดยรอบ จิบไวน์คำ ทานอาหารคำ ช่างแสนสุขสบายยิ่งนัก

แต่เวลานี้ พวกกลุ่มโจรกำลังลงมาจากภูเขาหยานเซีย

"พี่ใหญ่ วันนี้พวกเราลงเขาไป จะออกปล้นได้เหรอ"

ลูกน้องคนหนึ่งถาม

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไร วันนี้หนังตาของเขากระตุกอย่างรุนแรงตลอด

รู้สึกเหมือนจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น

หัวหน้าโจรภูเขาจ้องไปที่ลูกน้องคนที่พูด "เจ้าคิดว่าข้าจะลงหรือไม่ลงภูเขา คิดว่าพี่น้องพวกเราคืนนี้ในค่ายจะเอาอะไรกินกัน ?"

สมัยก่อน พวกเขาอยู่ที่ภูเขาหยานเซียและมักจะขัดขวางการเข้าออกเมืองหลวงเป็นครั้งคราว บ่อยครั้งสามารถปล้นพวกพ่อค้าผู้มั่งคั่งที่เข้ามาในเมืองหลวงได้เกือบทุกวัน แต่หลังจากที่มกุฎราชกุมารขึ้นครองบัลลังก์ ด่านตรวจหลายแห่งที่เข้าสู่เมืองหลวงก็มักมีทหารตรวจตราลาดตระเวนอยู่ตลอด ซึ่งก็หลายเดือนแล้วที่ไม่ได้มาออกปล้น หากถ้าเขาไม่ออกมาตรวจตราสักหน่อย สถานการณ์ภายในหมู่บ้านคงย่ำแย่

"โอ้โห พี่ใหญ่ เจ้ามาดูเร็ว มีสาวงาม!"

ในหมู่โจรภูเขาบางคนตาลุกวาวทั้งสองข้าง

ไม่ไกลจากตีนเขานัก มีหญิงสาวสวยคนหนึ่งนั่งอยู่ริมทะเลสาบ นางสวมชุดกระโปรงสีม่วงที่สวยงาม ทรงผมที่เรียบง่ายของนางถูกรวบไว้ด้วยปิ่นหยกแบบง่าย ๆ ลมอ่อน ๆ ที่พลัดปลิวมาทำให้พริ้วไหวไปตามแรงลง

รูปร่างที่ยากจะให้ใครในโลกนี้เทียบได้ งดงามเป็นหนึ่งไม่เป็นสอง

ความงามเช่นนี้หาใช่ว่าจะได้ชมกันได้ง่ายนัก

พวกเขาครั้งนี้โชคขี้หมาจริง ๆ (โชคขี้หมา หมายถึง โชคดีจริง ๆ )

“แม่หนูคนสวย !” มีบางคนทนไม่ได้อีกต่อไปพร้อมกับก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าลามก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น