ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 177

“พี่ใหญ่ เจ้าเยี่ยมยอดมาก ในที่สุดเจ้าก็หาเมียกลับมาที่ค่ายได้ !”

"ว้าว นี่มันสุดยอดแม่หญิงงาม !"

มีลูกน้องคนหนึ่งเริ่มถูมือของเขาไปมา พร้อมกับสายตาทั้งสองที่จ้องมองลู่ยุ๋นหลัวอย่างมีลับลมคมใน

หัวหน้าโจรภูเจาตกใจกลัวจนตัวสั่นไปหมด

เขารีบเตะลูกน้องคนนั้นจนลอยถลาไป

ไอ้พวกสายตาสั้น คิดว่าหาเรื่องแม่นางคนนี้ได้รึไง ?

ไม่เห็นหรือว่าเข็มเงินยังเสียบอยู่เต็มหัวของเขา ?

ที่ตีนเขายังมีลูกน้องอีกกลุ่มหนึ่งกำลังรอยาถอนพิษแม่นางคนนี้อยู่

ตอนนี้กำลังรอว่าแม่นางคนนี้จะสนใจค่ายชิงหลงของพวกเขาเพื่อแลกเป็นยาถอนพิษในมือนางอยู่

“พวกเจ้าทุกคนฟังข้าให้ดี เก็บไม้เก็บมือเก็บสายตาพวกเจ้าให้ดี ๆ หากพวกเจ้าคนไหนตาบอดไปยุแหย่นาง อย่ามาโทษข้าว่าไม่เห็นแก่มิตรภาพวันเก่า ๆ และก็ปฏิบัติตามกฎของค่ายด้วย”

หัวหน้าโจรภูเขาเองก็เป็นกระทั่งถึงหัวหน้ามาหลายปี ถึงจะพูดอย่างไร เขาก็ยังมีศักดิ์ศรีและอำนาจอยู่ดี

หลังจากพูดไป สายตาของเหล่าลูกน้องแต่ก่อนที่จ้องลู่ยุ๋นหลัวกันตามอำเภอใจก็สงบเสงี่ยมลงทันที

แม้แต่พี่ใหญ่ยังเกรงกลัว แสดงให้เห็นว่าแม่นางคนนี้ภูมิหลังคงไม่ง่ายดายขนาดนั้น

สายตาของเหล่าลูกน้องก็จับจ้องไปที่หัวของหัวหน้าโจรภูเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เข็มเงินที่ปักอยู่เต็มหัวของเขา คงไม่ใช่ฝีไม้ลายมือของแม่นางคนนี้หรอกใช่ไหม ?

ลู่ยุ๋นหลัวไม่ได้สนใจผู้อื่นพร้อมกับหันหลังกลับเดินไปในค่ายชิงหลง

หลังจากเดินวนอยู่รอบค่าย นางก็พบว่าค่ายชิงหลงนั้นยากจนติดดิน

ดูเหมือนต่อให้นางพังหลังคามุงจากลงมา อย่าว่าแต่เงิน 5,000 ตำลึงเลย เกรงว่าเหรียญทองแดงสักเหรียญก็คงจะหาไม่เจอ

ในค่ายทั้งหมดนี้ สิ่งที่มีค่ามากที่สุดน่าจะเป็นแผ่นป้ายที่ประตูซึ่งมีคำสามคำเขียนไว้ว่า ‘ค่ายชิงหลง’

ลู่ยุ๋นหลัวชำเลืองมองหัวหน้าโจรภูเขาด้วยใบหน้าที่หมองคล้ำ "เจ้าไม่ได้บอกหรอกรึว่าค่ายชิงหลงเป็นพื้นที่ที่มีเงินร่ำรวยมากสุดแล้วในอาณาเขตร้อยลี้นี้"

ถ้าค่ายบนภูเขาทรุดโทรมแบบนี้ถ้าหาเงินทองแดงได้สักหนึ่งเหรียญนางขอคาราวะเลย !

“เพราะพื้นที่กว่าร้อยลี้นี้ มีเพียงแต่ค่ายของข้าแห่งเดียวเท่านั้นไงล่ะ” หัวหน้าโจรภูเขาพูดด้วยสีหน้าสำนึกผิด

เขาเมื่อครู่ก็แค่ต้องการหลอกเพื่อให้นางมาที่ค่าย ถึงได้พูดไปเช่นนั้น

“พวกเจ้าทำแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว ?”

"ค่ายชิงหลงของพวกข้าก่อตั้งมาได้ห้าปีแล้ว" เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หัวหน้าโจรภูเขาสีหน้าก็ดูภูมิใจขึ้นมา

สามารถครอบครองเนินเขานอกเมืองหลวงราวกับเป็นราชาได้เป็นเวลาถึงห้าปี

นั่นเท่ากับว่าต้องใช้ความสามารถอยู่ไม่น้อย

เดิมทีนอกเมืองหลวงเช่นนี้ก็ได้มีแต่กลุ่มของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายต่อหลายกลุ่มที่ไม่นานนักก็ถูกส่วนบริหารราชการปราบปรามไป

มีเพียงแต่ค่ายชิงหลงของพวกเขาเท่านั้นที่ยังคงยืนหยัดอยู่ได้จนถึงตอนนี้

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าพระราชสำนักเกรงกลัวความแข็งแกร่งของค่ายชิงหลงแต่อย่างใด

"ห้าปี ? ค่ายชิงหลงพวกเจ้าอยู่มาตั้งห้าปีแต่ไม่มีเงินเก็บไว้แม้แต่สักเหรียญทองแดงเดียวเนี่ยนะ ?" ลู่ยุ๋นหลัวพูดด้วยสีหน้าเหยีดหยาม

ความสามารถในงานด้านนี้ของพวกเขา ก็ไม่ใช่ว่าจะแย่

“พวกข้าแต่ก่อนก็ใช้ชีวิตกันไม่เลวเลยทีเดียว ไม่ใช่เพราะการขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดิองค์ใหม่หรอกรึ จนด่านตรวจเข้าเมืองทุกช่องทางก็ก็มีทหารอารักขาตรวจตรา ค่ายชิงหลงของเรามีพี่น้องต้องกินต้องดื่มเยอะขนาดนี้ แน่นอนว่าเงินเก็บก็ใช้กันจนหมดไปแล้ว” หัวหน้าโจรภูเขาก็หมดหนทางเช่นกัน แต่นี่คือความจริง

ทุกวันนี้ เป็นโจรภูเขาไม่ง่ายแล้วล่ะ

"ไอที่เจ้าบอกใช้ชีวิตได้ไม่เลวคือเป็นเยี่ยงไร ?" ลู่ยุ๋นหลัวถามขณะที่มองไปที่กระท่อมมุงหลังคาจากที่ทรุดโทรมเป็นแถวเรียงราย

“ก็แค่วันหนึ่งได้ทานข้าวสามมื้อแบบปกติ ไม่ต้องอดอยาก บางครั้งก็สามารถไปที่เมืองหลวงซื้อเหล้าได้สองสามขวด” หัวหน้าโจรภูเขากล่าวไปพลางขณะที่นึกถึงวันเก่า ๆ ไปพลาง

เขาจำได้ว่ามีร้านขายเหล้าแห่งหนึ่งในเมืองหลวง เหล้าที่ร้านนั้นต้ม รสชาติเหล้านั้น มันช่างสุดยอดจริง ๆ

เอาเถอะ

แน่นอนว่าทุกคนมีมาตรฐานชีวิตที่ดีแตกต่างกันออกไป

ลู่ยุ๋นหลัวก็ถือว่าเข้าใจแล้ว ว่าทำไมค่ายชิงหลงถึงสามารถอยู่ใกล้เมืองหลวงและดำรงอยู่ได้นานขนาดนี้

ทั้งหมดก็เพราะเหตุที่ว่า โจรภูเขาพวกนี้ไร้ค่าเกินไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น