ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 179

“เป็นเวลากว่าห้าปี ยังมีสภาพอยู่เป็นเช่นนี้ บ่งบอกได้ว่าพวกเจ้าไม่ได้เป็นโจรภูเขาจริง ๆ”

"รีบเปลี่ยนอาชีพเถอะ"

ทันทีที่ลู่ยุ๋นหลัวพูดประโยคนี้ ผู้คนที่อยู่ด้านล่างก็โวยวายไม่พอใจ

“ถ้าพวกข้าไม่เป็นโจรภูเขา แล้วพวกข้าจะทำอะไร ?”

"ถูกต้อง ! สภาพพวกเราเช่นนี้ ต่อให้เข้าไปในเมืองก็ไม่มีใครกล้าจ้างพวกเรา"

พวกเขาคนเหล่านี้ หน้าตาต่างล้วนดูดุร้ายและน่ากลัว

ยังมีคนบางส่วนที่มีประวัติอาชญากรรม

เถ้าแก่ทั่วไปเมื่อเห็นพวกเขาต่างก็วิ่งหนีหวาดกลัวทั้งนั้น จะเอาความกล้าที่ไหนมาจ้างพวกเขากัน ?

พวกเขานอกจากร่างกายพละกำลังและความป่าเถื่อนเพื่อแย่งชิงแล้ว ก็ยังคิดหาวิธีการอื่นไม่ออกว่าจะหาเลี้ยงชีพด้วยวิธีไหน 

ซึ่งถ้ามีวิธีอื่น ใครก็ไม่อยากมาเป็นโจรกันทั้งนั้น จริงไหม ?

ลู่ยุ๋นหลัวยิ้มเล็กน้อย "พวกเจ้าทั้งหมดเปลี่ยนไปทำการเกษตรให้ข้าซะ !"

หา ?

พวกโจรภูเขาสีหน้าตกตะลึง

ทำการเกษตร ?

พวกเขาไม่ได้ยินผิดไปใช่หรือไม่ ?

ให้กลุ่มโจรภูเขาอย่างพวกเขากันไปทำอาชีพการเกษตร ?

"เมื่อสักครู่ข้าได้เห็นแล้ว ตำแหน่งที่ตั้งค่ายของพวกเจ้านั้นดีมาก ตีนเขาอยู่ติดกับแม่น้ำ ปกติก็สามารถจับปลาจับกุ้งได้ ในภูเขายังล่าสัตว์และเก็บผักป่าอื่น ๆ ได้ พวกเจ้าจะไปอดตายได้เยี่ยงไร"

"พวกเจ้ามีค่ายชิงหลงซึ่งเป็นสถานที่ที่ใหญ่ถึงเพียงนี้ มีทั้งภูเขา มีทั้งแม่น้ำลำธารและผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ เอาพื้นที่รกร้างต่าง ๆ ถางออกให้โล่งและเปลี่ยนเป็นพื้นที่เพาะปลูก ถางออกมายังไงพื้นที่ก็ไม่มีทางเล็กไปกว่าที่อื่นได้ รอจนถึงปีหน้า ก็สามารถเก็บเกี่ยวธัญพืชได้แล้ว เก็บส่วนหนึ่งไว้บริโภคทั้งปี ส่วนที่เหลือก็เอาไปขาย จะยังไงก็ดีกว่าพวกเจ้าในสภาพเช่นนี้”

“แล้วก็ยังมีอีก ข้าเห็นว่ายังมีต้นชาจำนวนมากบนภูเขาของพวกเจ้า พวกเจ้าต้องรู้ ใบชานี้มีมูลค่ามาก หลังจากนี้จะแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเอาไว้ปลูกชาโดยเฉพาะ แล้วก็เอาใบชาพวกนี้ไปขาย นั่นก็ทำเงินได้มากมายมหาศาลแล้ว"

เจ้าพวกคิดน้อยและใจกล้าบ้านบิ่นพวกนี้ บางทีในสายตาของพวกเขา ต้นไม้ใบไม้แบบไหนก็คงคิดว่าโตมาเป็นแบบเดียวกันหมดเป็นแน่ ?

ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลังจากอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลาห้าปี ล้วนไม่รู้ว่ามีต้นชาที่เติบโตในป่าด้านหลังอยู่หลายต้น

เดิมทีกลุ่มโจรภูเขาเมื่อได้ยินให้พวกเขาไปทำการเกษตรก็รู้สึกว่าคำพูดเหล่านั้นไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่

ทำการเกษตรสมัยนี้จะทำเงินได้สักเท่าไหร่กัน ?

หาเลี้ยงตัวเองได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว

แต่หลังจากที่ลู่ยุ๋นหลัวพูดคำพูดเหล่านี้ ก็รู้สึกว่าค่อนข้างสมเหตุสมผล

อย่างน้อยการทำการเกษตร ก็มีข้าวกินได้ทุกวัน ซึ่งคงไม่เหมือนทุกวันนี้ที่กินข้าวก็ต้องอดมื้อกินมื้อ

ยิ่งไปกว่านั้น ก็ยังมีใบชาอะไรอีก ได้ยินมาว่ามีแต่พวกคนรวยเท่านั้นที่จะดื่มได้ ซึ่งมันก็ค่อนข้างแพงจริง ๆ ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีของล้ำค่าเช่นนี้บนภูเขา ?

โจรภูเขาหลายคนแววตาทั้งสองข้างก็เริ่มทอประกายขึ้นมา

แม้ว่าเหล่าโจรภูเขาพวกนี้ไม่เคยดื่มชามาก่อน แต่เมื่อพวกเขาได้ยินว่าใบชาพวกนี้อย่างน้อยก็ขายได้ 30 เหวินต่อครึ่งขีด ตาของพวกเขาก็สุกสกาว จนพวกเขาตั้งใจฟังอย่างน่าประหลาดใจ

จากนั้นลู่ยุ๋นหลัวก็พูดต่อถึงแผนการบางส่วนหลังจากนี้

เช่น ล้อมพื้นที่ส่วนหนึ่งเพื่อเลี้ยงไก่ เป็ด ห่าน และก็ล้อมพื้นที่อีกส่วนสำหรับเลี้ยงหมู

ไม่ต้องพูดถึงการนำเอาไปขาย อย่างน้อยแค่เอาเนื้อมารับประทานก็เพียงพอแล้ว

ส่วนเรื่องการทำการเกษตร ตอนนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ยังต้องรอถึงปีหน้าช่วงเดือนสี่เดือนห้าถึงจะเริ่มทำการเพาะปลูกได้

ในช่วงนี้ ก็สามารถหาใบชามาไปขายเลี้ยงยังชีพไปก่อน คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรนัก

เมื่อมีเวลาว่าง ก็ค่อย ๆ ถางพื้นที่รกร้างบนภูเขาออกให้ดี เมื่อถึงเวลาหว่านเมล็ดในปีหน้าก็จะสามารถเพาะปลูกได้ทันที

พอผ่านไปหลายปี เมื่อค่ายชิงหลงบนภูเขาหยานเซียกลายเป็นพื้นที่การเกษตรที่มีชื่อเสียง ช่วงเวลานั้นโจรภูเขาเหล่านั้นต่างก็ซาบซึ้งใจกับโชคชะตา พร้อมกับลูบไปที่ศีรษะของหลานตนเองและพูดด้วยความระลึกถึง "เรื่องนี้มันเริ่มขึ้นตอนที่ปีนั้นปู่ได้ตามปู่จางลงเขาไปและปล้นแม่นางท่านหนึ่ง... "

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น