ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 180

ณ จวนกั๋วกงติ้ง

หยินซวางตอนนี้กระวนกระวายจนเริ่มเดินไปมา

"ทำไงดี แม่นมโจว เจ้าดูสิ นายหญิงตอนนี้ยังไม่กลับมาอีก" หยินซวางถือจดหมายของลู่ยุ๋นหลัวที่เหลือทิ้งไว้พร้อมกับน้ำตาซึมที่ใกล้จะไหลริน

“แม่นมโจว เจ้าคิดว่าพวกเราควรบอกท่านอาวุโสเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ ?”

“อย่าเพิ่งร้อนลนไป เอาจดหมายของนายหญิงมาให้ข้าหน่อย” แม่นมโจวรับจดหมายนั้นมา

มีเพียงคำง่าย ๆ เก้าพยางค์ที่เขียนอยู่บนกระดาษ "คืนนี้ไม่กลับจวน ไม่ต้องกังวล"

แม้แต่ลายเซ็นก็ไม่มี

ดูจากตัวอักษรแล้ว ก็เป็นลายมือของนายหญิงจริง ๆ

“แม่นมโจว เจ้าคิดว่าพวกเราควรทำอย่างไรดี ?” ถ้าคนอื่นรู้ว่านายหญิงกลางค่ำกลางคืนไม่กลับจวน ก็ไม่รู้ว่าจะมีข่าวลือน่าเกลียดอะไรออกมาเผยแพร่บ้าง

แม่นมโจวท้ายที่สุดก็ยังสงบนิ่งมากกว่าหยินซวางมาก "ในเมื่อนายหญิงไม่ได้บอกเหตุผลแก่พวกเรา แสดงว่านางต้องคิดไว้ก่อนแล้ว คืนนี้เราเก็บเป็นความลับไว้ก่อน ถ้าพรุ่งนี้นางยังไม่กลับมา เราค่อยมาพิจารณากันว่าจะบอกหรือไม่บอกท่านผู้อาวุโส”

“เจ้าพานางข้าหลวงที่ออกมาจากพระราชวังด้วยกันพาออกไปก่อน” แม่นมโจวพูดขึ้นหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง

ถึงอย่างไรนางข้าหลวงพวกนี้ก็เป็นคนของฝ่าบาท

ถ้าหากฝ่าบาทรู้เรื่องนี้เข้า จนเคลือบแคลงสงสัยในตัวนายหญิงขึ้นมาก็คงจะไม่ดีนัก

“ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”

แม่นมโจวเก็บกระดาษจดหมายนั้นไว้ หว่างคิ้วยังมีร่องรอยของความกังวล นายหญิง ท่านไปไหนกันแน่ ?

ภูเขาหยานเซีย

ลู่ยุ๋นหลัวยังคงต้องวิวัฒนาการมิติพิเศษอีก เพราะฉะนั้นนางจึงออกมาจากค่ายชิงหลง

เมื่อรู้สึกว่าที่ตีนเขานั้นก็ไม่ปลอดภัย นางจึงหาถ้ำแห่งหนึ่งที่ซ่อนอยู่สักที่บนภูเขา

เพราะนางเองก็ไม่รู้ว่าตอนวิวัฒนาการจะสามารถเปิดมิติพิเศษได้หรือไม่ นางจึงเอายากล่อมประสาทออกมาสามห่อเพื่อไว้ใช้ป้องกันตัวเอง

เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้วก็รีบหยิบผลไม้วิวัฒนาการสีชมพูจากมิติพิเศษมาอย่างรวดเร็ว

สัมผัสรสชาติหอมหวานที่เข้าปากไป รสชาติก็ไม่ต่างอะไรจากแอปเปิล

ต่างกันที่ไม่มีแกนกลาง ลู่ยุ๋นหลัวทานเข้าไปจนหมดไม่เหลือเลยแม้แต่น้อย

ขอล่ะ ขอล่ะ หวังว่าการวิวัฒนาการมิติพิเศษครั้งนี้จะราบรื่นและปลอดภัยทีเถอะ

หลังจากนั้นไม่นาน ศีรษะของนางก็เริ่มรู้สึกวิงเวียน จากนั้นนางก็ค่อย ๆ หลับไป

และก็ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว

เมื่อนางตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตนเองมีอาการปวดหัวรุนแรง

นางใช้แรงเคาะที่หัวตัวเองอย่างหนัก แต่นางก็ยังคงจำไม่ได้ว่าตนเองเป็นใคร...

ณ เวลาเดียวกัน ในห้องห้องทรงตำรา

ร่างเงาสีดำกำลังทูลรายงานผลการติดตามลู่ยุ๋นหลัวกว่าสองวันต่อเบื้องพระพักตร์ของจี้อู๋เจวี๋ย 

หลังจากที่จี้อู๋เจวี๋ยทรงได้ยินว่าลู่ยุ๋นหลัวไปที่จวนของท่านอ๋องเฉินเมื่อวานนี้ พระพักตร์ของฝ่าบาทก็ทรงดูไม่ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ

ฝ่าบาททรงทิ้งพู่กันในพระหัตถ์ลงทันทีจนฝ่าบาทไม่ได้มีพระทัยที่จะทรงแก้พระราชฎีกาอีกต่อไป

“เฉาจงฉวน ไปจัดเตรียมการให้ข้าที ข้าต้องการจะออกไปนอกวัง !”

หลังจากปล่อยให้นางออกไปนอกวังตั้งนานแล้ว ก็ถึงเวลาที่ควรจะกลับมาได้แล้ว

"พะยะค่ะ !"

เมืองหลวงในยามค่ำคืนที่ครึกครื้นมีชีวิตชีวา

หลังจากที่ลู่ยุ๋นหลัวออกมาจากถ้ำก็พบเข้ากับกลุ่มโจรภูเขาที่มีน้ำใจเป็นพิเศษ พวกเขาไม่เพียงแค่บอกวิธีการเข้าเมืองหลวงให้นางเท่านั้น แต่ยังพานางไปส่งที่ตีนเขาด้วย

นางไม่คิดมาก่อนว่าจะโชคดีขนาดนี้ ขนาดพบกับพวกโจรภูเขาก็ยังดีต่อนางมาก

ในที่สุดก็เข้าเมืองหลวงไปได้ก่อนที่ประตูเมืองจะปิดลง

เมื่อมองดูผู้คนจำนวนมากที่เดินไปเดินมาอย่างไม่จบไม่สิ้น ลู่ยุ๋นหลัวก็รู้สึกมึนงงเล็กน้อย

เมื่อตอนที่นางถามทางก็พบว่าคนที่นี่ล้วนสวมใส่ชุดสมัยโบราณ รวมทั้งตัวนางเองด้วยเช่นกัน

แม้ว่านางจะนึกไม่ออกว่านางเป็นใคร แต่อย่างน้อยนางก็รู้ว่าคนเหล่านี้ที่เดินไปมาต่อหน้านางล้วนเหมือนคนในสมัยโบราณ

เป็นไปได้ไหมว่านางทะลุมิติมา ?

นางพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรนางก็คิดไม่ออก แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งปวดหัวมากขึ้นไปอีก

ในที่สุด นางก็ได้ต้องยอมแพ้เลิกที่จะคิดย้อนกลับไปเช่นนี้

ตอนนี้ดูเหมือนว่า นางจะต้องหาสักที่หนึ่งเพื่อพักอาศัยก่อน จากนี้ก็ค่อยว่ากันใหม่

นางเดินวนไปมา จนในที่สุดสายตาของนางก็สบเข้ากับร้านหนึ่งที่ชื่อว่าหอชุนเฟิงโหลว เหมือนว่าแถวนี้ จะมีแค่ชื่อร้านนี้ที่ดูเหมือนจะคล้ายกับชื่อสถานที่ที่ใช้สำหรับนอนหลับพักผ่อนได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น