ณ จวนกั๋วกงติ้ง
หยินซวางตอนนี้กระวนกระวายจนเริ่มเดินไปมา
"ทำไงดี แม่นมโจว เจ้าดูสิ นายหญิงตอนนี้ยังไม่กลับมาอีก" หยินซวางถือจดหมายของลู่ยุ๋นหลัวที่เหลือทิ้งไว้พร้อมกับน้ำตาซึมที่ใกล้จะไหลริน
“แม่นมโจว เจ้าคิดว่าพวกเราควรบอกท่านอาวุโสเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ ?”
“อย่าเพิ่งร้อนลนไป เอาจดหมายของนายหญิงมาให้ข้าหน่อย” แม่นมโจวรับจดหมายนั้นมา
มีเพียงคำง่าย ๆ เก้าพยางค์ที่เขียนอยู่บนกระดาษ "คืนนี้ไม่กลับจวน ไม่ต้องกังวล"
แม้แต่ลายเซ็นก็ไม่มี
ดูจากตัวอักษรแล้ว ก็เป็นลายมือของนายหญิงจริง ๆ
“แม่นมโจว เจ้าคิดว่าพวกเราควรทำอย่างไรดี ?” ถ้าคนอื่นรู้ว่านายหญิงกลางค่ำกลางคืนไม่กลับจวน ก็ไม่รู้ว่าจะมีข่าวลือน่าเกลียดอะไรออกมาเผยแพร่บ้าง
แม่นมโจวท้ายที่สุดก็ยังสงบนิ่งมากกว่าหยินซวางมาก "ในเมื่อนายหญิงไม่ได้บอกเหตุผลแก่พวกเรา แสดงว่านางต้องคิดไว้ก่อนแล้ว คืนนี้เราเก็บเป็นความลับไว้ก่อน ถ้าพรุ่งนี้นางยังไม่กลับมา เราค่อยมาพิจารณากันว่าจะบอกหรือไม่บอกท่านผู้อาวุโส”
“เจ้าพานางข้าหลวงที่ออกมาจากพระราชวังด้วยกันพาออกไปก่อน” แม่นมโจวพูดขึ้นหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
ถึงอย่างไรนางข้าหลวงพวกนี้ก็เป็นคนของฝ่าบาท
ถ้าหากฝ่าบาทรู้เรื่องนี้เข้า จนเคลือบแคลงสงสัยในตัวนายหญิงขึ้นมาก็คงจะไม่ดีนัก
“ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
แม่นมโจวเก็บกระดาษจดหมายนั้นไว้ หว่างคิ้วยังมีร่องรอยของความกังวล นายหญิง ท่านไปไหนกันแน่ ?
ภูเขาหยานเซีย
ลู่ยุ๋นหลัวยังคงต้องวิวัฒนาการมิติพิเศษอีก เพราะฉะนั้นนางจึงออกมาจากค่ายชิงหลง
เมื่อรู้สึกว่าที่ตีนเขานั้นก็ไม่ปลอดภัย นางจึงหาถ้ำแห่งหนึ่งที่ซ่อนอยู่สักที่บนภูเขา
เพราะนางเองก็ไม่รู้ว่าตอนวิวัฒนาการจะสามารถเปิดมิติพิเศษได้หรือไม่ นางจึงเอายากล่อมประสาทออกมาสามห่อเพื่อไว้ใช้ป้องกันตัวเอง
เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้วก็รีบหยิบผลไม้วิวัฒนาการสีชมพูจากมิติพิเศษมาอย่างรวดเร็ว
สัมผัสรสชาติหอมหวานที่เข้าปากไป รสชาติก็ไม่ต่างอะไรจากแอปเปิล
ต่างกันที่ไม่มีแกนกลาง ลู่ยุ๋นหลัวทานเข้าไปจนหมดไม่เหลือเลยแม้แต่น้อย
ขอล่ะ ขอล่ะ หวังว่าการวิวัฒนาการมิติพิเศษครั้งนี้จะราบรื่นและปลอดภัยทีเถอะ
หลังจากนั้นไม่นาน ศีรษะของนางก็เริ่มรู้สึกวิงเวียน จากนั้นนางก็ค่อย ๆ หลับไป
และก็ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว
เมื่อนางตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตนเองมีอาการปวดหัวรุนแรง
นางใช้แรงเคาะที่หัวตัวเองอย่างหนัก แต่นางก็ยังคงจำไม่ได้ว่าตนเองเป็นใคร...
ณ เวลาเดียวกัน ในห้องห้องทรงตำรา
ร่างเงาสีดำกำลังทูลรายงานผลการติดตามลู่ยุ๋นหลัวกว่าสองวันต่อเบื้องพระพักตร์ของจี้อู๋เจวี๋ย
หลังจากที่จี้อู๋เจวี๋ยทรงได้ยินว่าลู่ยุ๋นหลัวไปที่จวนของท่านอ๋องเฉินเมื่อวานนี้ พระพักตร์ของฝ่าบาทก็ทรงดูไม่ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
ฝ่าบาททรงทิ้งพู่กันในพระหัตถ์ลงทันทีจนฝ่าบาทไม่ได้มีพระทัยที่จะทรงแก้พระราชฎีกาอีกต่อไป
“เฉาจงฉวน ไปจัดเตรียมการให้ข้าที ข้าต้องการจะออกไปนอกวัง !”
หลังจากปล่อยให้นางออกไปนอกวังตั้งนานแล้ว ก็ถึงเวลาที่ควรจะกลับมาได้แล้ว
"พะยะค่ะ !"
เมืองหลวงในยามค่ำคืนที่ครึกครื้นมีชีวิตชีวา
หลังจากที่ลู่ยุ๋นหลัวออกมาจากถ้ำก็พบเข้ากับกลุ่มโจรภูเขาที่มีน้ำใจเป็นพิเศษ พวกเขาไม่เพียงแค่บอกวิธีการเข้าเมืองหลวงให้นางเท่านั้น แต่ยังพานางไปส่งที่ตีนเขาด้วย
นางไม่คิดมาก่อนว่าจะโชคดีขนาดนี้ ขนาดพบกับพวกโจรภูเขาก็ยังดีต่อนางมาก
ในที่สุดก็เข้าเมืองหลวงไปได้ก่อนที่ประตูเมืองจะปิดลง
เมื่อมองดูผู้คนจำนวนมากที่เดินไปเดินมาอย่างไม่จบไม่สิ้น ลู่ยุ๋นหลัวก็รู้สึกมึนงงเล็กน้อย
เมื่อตอนที่นางถามทางก็พบว่าคนที่นี่ล้วนสวมใส่ชุดสมัยโบราณ รวมทั้งตัวนางเองด้วยเช่นกัน
แม้ว่านางจะนึกไม่ออกว่านางเป็นใคร แต่อย่างน้อยนางก็รู้ว่าคนเหล่านี้ที่เดินไปมาต่อหน้านางล้วนเหมือนคนในสมัยโบราณ
เป็นไปได้ไหมว่านางทะลุมิติมา ?
นางพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรนางก็คิดไม่ออก แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งปวดหัวมากขึ้นไปอีก
ในที่สุด นางก็ได้ต้องยอมแพ้เลิกที่จะคิดย้อนกลับไปเช่นนี้
ตอนนี้ดูเหมือนว่า นางจะต้องหาสักที่หนึ่งเพื่อพักอาศัยก่อน จากนี้ก็ค่อยว่ากันใหม่
นางเดินวนไปมา จนในที่สุดสายตาของนางก็สบเข้ากับร้านหนึ่งที่ชื่อว่าหอชุนเฟิงโหลว เหมือนว่าแถวนี้ จะมีแค่ชื่อร้านนี้ที่ดูเหมือนจะคล้ายกับชื่อสถานที่ที่ใช้สำหรับนอนหลับพักผ่อนได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...
มาต่อหน่อยค่า...
รบกวนอัพต่อให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ...