ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 182

ลู่ยุ๋นหลัวกระพริบตาปริบ ๆ

นางเมื่อสักครู่คงไม่ได้ยินผิดไป ที่เถ้าแก่คนนั้นพูดว่า "เบอร์อันดับต้น ๆ "!

สายตาของนางกวาดมองไปยังแถวของหนุ่มวัยเยาว์ราวกับเนื้อสดใหม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้านางทีละคน ๆ

จนความคิดที่อันกล้าหาญก็ผุดขึ้นในหัวของนาง

นางได้เข้ามาในหอนางโลมโสเภณีชายในสมัยโบราณ ?

ทันใดนั้นลู่ยุ๋นหลัวก็สนใจในทันใด

ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีสถานที่แบบนี้ในสมัยโบราณ ? 

บ่งบอกชัดแล้วใช่หรือไม่ ว่าหนุ่ม ๆ ตรงนี้นางอยากจะแทะโลมยังไงก็ได้ ?

ดวงตาของลู่ยุ๋นหลัวเป็นประกายในทันที

แต่ทันทีที่ความคิดนี้แล่นขึ้นมาได้ไม่นาน ความคิดนี้ก็ถูกนางทำให้หายไปในทันที

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด

นางกลับมีลางสังหรณ์ที่รุนแรงเป็นอย่างมาก

ถ้านางกล้าที่จะทำตามอำเภอใจแทะโลมเหล่าชายหนุ่มพวกนี้อย่างไม่เกรงกลัวแล้ว ชะตากรรมของนางคงจะต้องตายอย่างน่าอนาถเป็นแน่ !

จะตายอยู่ในสภาพเช่นไร นางก็ไม่รู้เช่นกัน

ถึงยังไงก็คงตายอย่างน่าสมเพชแน่ !

แววตาเดิมทีที่ร่าเริงและสนใจเป็นอย่างมากของลู่ยุ๋นหลัว ทันใดนั้นก็ดับวูบลงเฉยชาในทันใด

เอาเถอะ !

เมื่อเทียบกับความสนุกชั่วข้ามคืนแล้ว ชีวิตยังไงก็คงสำคัญที่สุด

ถึงอย่างไร อย่างน้อยถ้าไม่ได้ด้วยมือ แต่ถ้าใช้สายตามองเชยชมสักหน่อยคงจะไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม ?

ด้วยเหตุนี้ ลู่ยุ๋นหลัวจึงย้ายเก้าอี้ขนาดเล็กมานั่งลงในห้องพักทางด้านซ้ายของห้องโถง

พร้อมกับชื่นชมการแสดงความสามารถของเหล่าหนุ่มงามเหล่านี้อย่างจริงจัง

เช่น ดีดพิณ

เช่น เป่าขลุ่ย

เช่น รำดาบ

เดี๋ยวก่อน กระแอ่ม รำดาบก็รำดาบสิ จะรำดาบอะไรกันแน่ถึงต้องถอดเสื้อผ้าด้วย

ลู่ยุ๋นหลัวตกใจตัวสั่น นางรู้สึกอยู่ตลอดว่าชายหนุ่มพวกนี้ต้องการทำร้ายนาง

นางใช้เหตุผลตามครรลองคลองธรรมรีบให้ชายหนุ่มเหล่านั้นสวมเสื้อผ้าทันที

“ข้าชื่นชมความสามารถของพวกเจ้า แต่ไม่ใช่เพราะความงดงามของพวกเจ้า ข้าพูดเช่นนี้ พวกเจ้าคงเข้าใจใช่รึไม่ ?”

ท่าทางเคร่งขรึมจริงจังของนางนั้นทำให้ชายหนุ่มทั้งห้าคนที่ซึ่งมักจะอยู่ท่ามกลางฝูงหญิงสาวรู้สึกได้รับความเคารพเป็นครั้งแรก

แม้ว่าพวกเขาจะปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าไม่มากนัก แต่ก็ไม่เคยมีใครที่เหมือนกับลู่ยุ๋นหลัวแบบนี้ ที่ให้พวกเขาเอาเสื้อผ้าที่เพิ่งถอดไปรีบใส่กลับเหมือนเดิม !

เหล่าชายหนุ่มทั้งห้าคนสบตากันอย่างเงียบ ๆ จนดูเหมือนทำให้พวกเขามีบางอย่างอันอบอุ่นไหลผ่านตรงอกของพวกเขาขึ้นมาอย่างช้า ๆ

ลู่ยุ๋นหลัวยังคิดว่าตนเองทำให้พวกเขาอารมณ์ไม่ดีที่ไม่ให้พวกเขาถอดเสื้อผ้าออก

นางจึงรีบหยิบตั๋วเงินอีกไม่กี่ใบใบออกมาจากช่องกระเป๋าตรงอกและถือว่าเป็นเงินค่าบริการเล็กน้อยแก่พวกเขา

เหล่าหนุ่ม ๆ ทั้งห้าคนเมื่อได้รับตั๋วเงินมาแล้วก็ตัวลั่นขึ้นมาทันที

ตั๋วเงินหนึ่งใบนี่มันเท่ากับ 1,000 ตำลึงเลยนะ !

ซึ่งที่ต้องรู้คือเงิน 1,000 ตำลึงนี้เพียงพอที่จะเป็นค่าไถ่ตัวพวกเขาได้แล้ว

"สาวน้อย เงินรางวัลนี้มากเกินไปหรือเปล่า ?" เซี่ยถิงที่สวมชุดสีเหลืองถาม

"มากไป ?" ลู่ยุ๋นหลัวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

เงินจำนวนนี้แค่ค่าที่พักคืนเดียวเองไม่ใช่เหรอ ?

เยอะมากเหรอ ?

เมื่อคิดว่ายังมีตั๋วเงินปึกใหญ่อยู่ในอ้อมอกของนาง นางก็รีบพูดอย่างเฉยเมยว่า "ไม่เป็นไร พวกเจ้าควรค่าพอกับเงินมากขนาดนี้ !"

คำพูดสบาย ๆ ของลู่ยุ๋นหลัวเมื่อเข้าหูพวกเขาทั้งห้าก็กลับไม่สามารถสงบอารมณ์ได้อีกต่อไป

พวกเขาตั้งแต่ยังเด็กก็มีภูมิหลังที่ต่ำต้อย เลวทราม !

คนรอบข้างก็มักจะดูถูกพวกเขา

หลังจากเข้ามาสู่วงการอาชีพนี้ ก็ไม่กล้าที่จะออกไปไหนเพราะกลัวคนอื่นจะด่าว่าเลวทรามต่ำต้อย

แต่ก่อนที่บริการลูกค้าท่านอื่น หากที่อยากจะได้เงินค่าบริการมาก ๆ ก็ต้องยอมจ่ายความอัปยศอดสูและมูลค่าอันมหาศาล

ไม่เคยมีใครจ่ายเงินมากมายขนาดนี้ให้กับความสามารถของพวกเขา

พวกเขาบางส่วนสามคนถึงกับมีแววตาที่แดงระเรื่อ

ส่วนอีกสองคนเมื่อมองไปที่ลู่ยุ๋นหลัวอีกครั้ง แววตาตาของพวกเขาก็ยิ่งอ่อนโยนมากขึ้นเรื่อย ๆ

ในจวนกั๋วกงติ้ง มีบรรยากาศที่กดดันและมืดหม่นเป็นอย่างมาก

หยินซวาง แม่นมโจวและนางข้าหลวงทั้งหกที่ถูกพาออกมาจากวังต่างก็คุกเข่าบนพื้นและตัวสั่นงันงก

แม้ว่าท่านผู้อาวุโสและซูโม่หลานจะไม่ได้คุกเข่าลง แต่สีหน้าที่พวกเขาแสดงออกมากลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

จี้อู๋เจวี๋ยประทับบนที่นั่งสูงพร้อมกับทรงมองผู้คนด้านล่างด้วยพระพักตร์ที่หมองหม่น "พูดมา ว่านางไปไหนกันแน่ ?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น