ลู่ยุ๋นหลัวกระพริบตาปริบ ๆ
นางเมื่อสักครู่คงไม่ได้ยินผิดไป ที่เถ้าแก่คนนั้นพูดว่า "เบอร์อันดับต้น ๆ "!
สายตาของนางกวาดมองไปยังแถวของหนุ่มวัยเยาว์ราวกับเนื้อสดใหม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้านางทีละคน ๆ
จนความคิดที่อันกล้าหาญก็ผุดขึ้นในหัวของนาง
นางได้เข้ามาในหอนางโลมโสเภณีชายในสมัยโบราณ ?
ทันใดนั้นลู่ยุ๋นหลัวก็สนใจในทันใด
ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีสถานที่แบบนี้ในสมัยโบราณ ?
บ่งบอกชัดแล้วใช่หรือไม่ ว่าหนุ่ม ๆ ตรงนี้นางอยากจะแทะโลมยังไงก็ได้ ?
ดวงตาของลู่ยุ๋นหลัวเป็นประกายในทันที
แต่ทันทีที่ความคิดนี้แล่นขึ้นมาได้ไม่นาน ความคิดนี้ก็ถูกนางทำให้หายไปในทันที
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด
นางกลับมีลางสังหรณ์ที่รุนแรงเป็นอย่างมาก
ถ้านางกล้าที่จะทำตามอำเภอใจแทะโลมเหล่าชายหนุ่มพวกนี้อย่างไม่เกรงกลัวแล้ว ชะตากรรมของนางคงจะต้องตายอย่างน่าอนาถเป็นแน่ !
จะตายอยู่ในสภาพเช่นไร นางก็ไม่รู้เช่นกัน
ถึงยังไงก็คงตายอย่างน่าสมเพชแน่ !
แววตาเดิมทีที่ร่าเริงและสนใจเป็นอย่างมากของลู่ยุ๋นหลัว ทันใดนั้นก็ดับวูบลงเฉยชาในทันใด
เอาเถอะ !
เมื่อเทียบกับความสนุกชั่วข้ามคืนแล้ว ชีวิตยังไงก็คงสำคัญที่สุด
ถึงอย่างไร อย่างน้อยถ้าไม่ได้ด้วยมือ แต่ถ้าใช้สายตามองเชยชมสักหน่อยคงจะไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม ?
ด้วยเหตุนี้ ลู่ยุ๋นหลัวจึงย้ายเก้าอี้ขนาดเล็กมานั่งลงในห้องพักทางด้านซ้ายของห้องโถง
พร้อมกับชื่นชมการแสดงความสามารถของเหล่าหนุ่มงามเหล่านี้อย่างจริงจัง
เช่น ดีดพิณ
เช่น เป่าขลุ่ย
เช่น รำดาบ
เดี๋ยวก่อน กระแอ่ม รำดาบก็รำดาบสิ จะรำดาบอะไรกันแน่ถึงต้องถอดเสื้อผ้าด้วย
ลู่ยุ๋นหลัวตกใจตัวสั่น นางรู้สึกอยู่ตลอดว่าชายหนุ่มพวกนี้ต้องการทำร้ายนาง
นางใช้เหตุผลตามครรลองคลองธรรมรีบให้ชายหนุ่มเหล่านั้นสวมเสื้อผ้าทันที
“ข้าชื่นชมความสามารถของพวกเจ้า แต่ไม่ใช่เพราะความงดงามของพวกเจ้า ข้าพูดเช่นนี้ พวกเจ้าคงเข้าใจใช่รึไม่ ?”
ท่าทางเคร่งขรึมจริงจังของนางนั้นทำให้ชายหนุ่มทั้งห้าคนที่ซึ่งมักจะอยู่ท่ามกลางฝูงหญิงสาวรู้สึกได้รับความเคารพเป็นครั้งแรก
แม้ว่าพวกเขาจะปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าไม่มากนัก แต่ก็ไม่เคยมีใครที่เหมือนกับลู่ยุ๋นหลัวแบบนี้ ที่ให้พวกเขาเอาเสื้อผ้าที่เพิ่งถอดไปรีบใส่กลับเหมือนเดิม !
เหล่าชายหนุ่มทั้งห้าคนสบตากันอย่างเงียบ ๆ จนดูเหมือนทำให้พวกเขามีบางอย่างอันอบอุ่นไหลผ่านตรงอกของพวกเขาขึ้นมาอย่างช้า ๆ
ลู่ยุ๋นหลัวยังคิดว่าตนเองทำให้พวกเขาอารมณ์ไม่ดีที่ไม่ให้พวกเขาถอดเสื้อผ้าออก
นางจึงรีบหยิบตั๋วเงินอีกไม่กี่ใบใบออกมาจากช่องกระเป๋าตรงอกและถือว่าเป็นเงินค่าบริการเล็กน้อยแก่พวกเขา
เหล่าหนุ่ม ๆ ทั้งห้าคนเมื่อได้รับตั๋วเงินมาแล้วก็ตัวลั่นขึ้นมาทันที
ตั๋วเงินหนึ่งใบนี่มันเท่ากับ 1,000 ตำลึงเลยนะ !
ซึ่งที่ต้องรู้คือเงิน 1,000 ตำลึงนี้เพียงพอที่จะเป็นค่าไถ่ตัวพวกเขาได้แล้ว
"สาวน้อย เงินรางวัลนี้มากเกินไปหรือเปล่า ?" เซี่ยถิงที่สวมชุดสีเหลืองถาม
"มากไป ?" ลู่ยุ๋นหลัวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เงินจำนวนนี้แค่ค่าที่พักคืนเดียวเองไม่ใช่เหรอ ?
เยอะมากเหรอ ?
เมื่อคิดว่ายังมีตั๋วเงินปึกใหญ่อยู่ในอ้อมอกของนาง นางก็รีบพูดอย่างเฉยเมยว่า "ไม่เป็นไร พวกเจ้าควรค่าพอกับเงินมากขนาดนี้ !"
คำพูดสบาย ๆ ของลู่ยุ๋นหลัวเมื่อเข้าหูพวกเขาทั้งห้าก็กลับไม่สามารถสงบอารมณ์ได้อีกต่อไป
พวกเขาตั้งแต่ยังเด็กก็มีภูมิหลังที่ต่ำต้อย เลวทราม !
คนรอบข้างก็มักจะดูถูกพวกเขา
หลังจากเข้ามาสู่วงการอาชีพนี้ ก็ไม่กล้าที่จะออกไปไหนเพราะกลัวคนอื่นจะด่าว่าเลวทรามต่ำต้อย
แต่ก่อนที่บริการลูกค้าท่านอื่น หากที่อยากจะได้เงินค่าบริการมาก ๆ ก็ต้องยอมจ่ายความอัปยศอดสูและมูลค่าอันมหาศาล
ไม่เคยมีใครจ่ายเงินมากมายขนาดนี้ให้กับความสามารถของพวกเขา
พวกเขาบางส่วนสามคนถึงกับมีแววตาที่แดงระเรื่อ
ส่วนอีกสองคนเมื่อมองไปที่ลู่ยุ๋นหลัวอีกครั้ง แววตาตาของพวกเขาก็ยิ่งอ่อนโยนมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในจวนกั๋วกงติ้ง มีบรรยากาศที่กดดันและมืดหม่นเป็นอย่างมาก
หยินซวาง แม่นมโจวและนางข้าหลวงทั้งหกที่ถูกพาออกมาจากวังต่างก็คุกเข่าบนพื้นและตัวสั่นงันงก
แม้ว่าท่านผู้อาวุโสและซูโม่หลานจะไม่ได้คุกเข่าลง แต่สีหน้าที่พวกเขาแสดงออกมากลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
จี้อู๋เจวี๋ยประทับบนที่นั่งสูงพร้อมกับทรงมองผู้คนด้านล่างด้วยพระพักตร์ที่หมองหม่น "พูดมา ว่านางไปไหนกันแน่ ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...
มาต่อหน่อยค่า...
รบกวนอัพต่อให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ...