ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 183

"ทูล...ทูลฝ่าบาท บ่าว...บ่าวไม่ทราบจริง ๆ พะยะค่ะ" หยินซวางในฐานะสาวรับใช้ข้างกายของลู่ยุ๋นหลัว พูดตามหลักแล้ว ทุกครั้งที่นายหญิงไปยังหนใดนางควรจะต้องติดตามไปด้วย

แต่นายหญิงกลับชอบออกไปคนเดียวทุกครั้งอยู่ร่ำไป

ตอนนี้นายหญิงหายไปไม่เห็นแม้แต่เงา ฝ่าบาทจะต้องทรงถามหาหยินซวางเป็นคนแรกก่อนอยู่แล้ว !

แม่นมโจวเกรงว่าภายใต้แรงกดดันของฝ่าบาท หยินซวางจะพลาดเผลอพูดถึงจดหมายที่นายหญิงของนางทิ้งไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ นางจึงรีบพูดขึ้นในทันที "ฝ่าบาท นายหญิงของบ่าวออกไปคนเดียวตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้วพะยะค่ะ จนกระทั่งตอนนี้นางก็ยังไม่กลับมา นายหญิงคงไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายใช่หรือไม่ ?”

ตั้งแต่นางทราบว่าฝ่าบาทจะเสด็จมาที่จวนกั๋วกงติ้ง นางก็ได้จัดการจดหมายฉบับนั้นที่นายหญิงทิ้งเอาไว้เรียบร้อยไปตั้งนานแล้ว

ถึงอย่างไร นายหญิงก็ได้บอกไว้ว่าคืนนี้จะไม่กลับมาที่จวน

หากให้ฝ่าบาทได้ทรงรู้ว่านายหญิงตั้งใจไม่กลับจวน เกรงว่าผลที่จะตามมาคงจะร้ายแรงยิ่งกว่านี้

ในเมื่อนายหญิงไม่ได้กลับมา นั่นจึงมีได้แค่สถานการณ์เดียวเท่านั้น นั่นคือนายหญิงกำลังตกอยู่ในอันตรายแล้ว

ใบหน้าของท่านอาวุโสเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขารีบเรียกข้ารับใช้ให้เข้ามาและให้รีบออกไปตามหานางทันที

ถ้าฝ่าบาทไม่เสด็จมาที่จวนนี้ เขาก็คงไม่รู้ว่าหลานหลัวออกไปตั้งแต่ตอนเที่ยงจนตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา

เมื่อคิดว่าหลานหลัวอาจตกอยู่ในอันตราย เขาก็กระสับกระส่ายกระวนกระวายอย่างมาก

ในทางกลับกัน ซูโม่หรานกลับมีสีหน้าสงบนิ่งและไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

ในเวลานี้ มีทหารอารักขาคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก "ฝ่าบาท แย่แล้วพะยะค่ะ มีคนเห็นนายหญิงไปที่หอชุนเฟิง !"

"อะไรนะ ?"

คนทั้งห้องตกตะลึงทันที

หอชุนเฟิง เป็นสถานที่แห่งเดียวในเมืองหลวงที่หญิงสาวจะสามารถเสพสุขสำราญได้

โสเภณีชายในนั้นไม่เพียงแค่เชี่ยวชาญด้านดนตรี หมากรุก งานพู่กัน และงานวาดภาพเท่านั้น แม้แต่รูปลักษณ์ของพวกเขายังงดงามยอดเยี่ยมอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม การที่จะสามารถไปที่หอชุนเฟิงได้ โดยพื้นฐานก็มักจะเป็นเหล่าแม่หม้ายที่ร่ำรวยและมีอำนาจหรือไม่ก็แม่นางที่สูงอายุและเหงาโดดเดี่ยวเท่านั้นถึงจะไป

แต่ตอนนี้ นายหญิงกลับยังคงไปสถานที่เช่นนี้ ?

พระพักตร์ของจี้อู๋เจวี๋ยทรงดูไม่ได้เป็นอย่างมาก

ทั่วทั้งร่างราวกับมีกลิ่นไอของการล่าสังหารอันน่าสะพรึงกลัวปลดปล่อยออกมา

แม่นมโจวที่คอยช่วยปกปิดให้กับลู่ยุ๋นหลัวในตอนนี้ก็ตัวสั่นงันงกในทันทีอีกทั้งยังรู้สึกว่าภาพตรงหน้ากลับมืดมัวไปหมด

จบแล้ว ! 

แม้ว่านายหญิงจะไม่ได้ทำอะไรให้ฝ่าบาทขุ่นเคืองพระทัย แต่เมื่อข่าวที่ว่านายหญิงไปยังหอชุนเฟิงแพร่กระจายออกไป ชื่อเสียงของนางก็จะถูกทำลายในทันที

จี้อู๋เจวี๋ยเสด็จออกไปโดยไม่ได้ทรงตรัสอะไรด้วยพระพักตร์ที่บูดบึ้ง

ท่านผู้อาวุโสและแม่นมโจวก็รีบตามไปทันที

จี้อู๋เจวี๋ยมองกลับมาด้วยสายพระเนตรที่เย็นชา "ใครก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไป !"

เขาต้องการเห็นว่านางคนนี้อยู่ในหอชุนเฟิงทำอะไรกันแน่!

ในห้องพักชั้นดีของหอชุนเฟิง

เสียงบรรเลงเครื่องสายดังไพเราะจับใจ

ลู่ยุ๋นหลัวกำลังกินของหวานอยู่ด้านล่างเวที

ก็ไม่อยากจะพูดเท่าไหร่นักว่าพ่อชุดดำคนนี้ถึงแม้จะดูเย็นชา แต่เมื่อบรรเลงเครื่องสายแล้วกลับไม่เลวเลยทีเดียว

พ่อชุดดำนะหรอ ก็เป็นพ่อหนุ่มน้อยในชุดสีดำไงล่ะ

เนื่องจากนางยังแยกแยะจำชื่อพ่อหนุ่มทั้งห้าคนไม่ได้ นางจึงใช้สีของเสื้อผ้าเพื่อแยกแยะพวกเขา

นี่จึงง่ายต่อการจดจำและช่วยไม่ให้จำผิด

พ่อชุดดำเล่นเครื่องสาย พ่อชุดฟ้าก็รำดาบดาบตามจังหวะของเสียงบรรเลงอยู่ด้านข้าง

นี่ก็เป็นคนที่สามแล้วที่ขึ้นไปรำดาบ

เอกลักษณ์ของทุกคนล้วนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

อย่างเช่นพ่อชุดฟ้า ทุกการเคลื่อนไหวของเขาราวกับมังกรที่พุ่งทยานแหวกออกมาจากอากาศ ด้วยบรรยากาศที่ดุดันและแสงคมดาบที่แสดงให้เห็นออกมา จากนั้นก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลงตามจังหวะของเสียงบรรเลง สัมผัสถึงความรู้สึกความยิ่งใหญ่แต่ไม่โอ้อวดตนเฉกเช่นคมในฝัก

ลู่ยุ๋นหลัวนั่งไขว่ห้างและมองชมการแสดงอย่างเพลิดเพลิน

ส่วนอีกด้านพ่อชุดชมพู พ่อชุดม่วง และพ่อชุดเหลืองกลับอยู่ข้าง ๆ ลู่ยุ๋นหลัวเพื่อบริการนางอย่างดีเช่น นวดหัวไหล่ รินเหล้า และป้อนของว่างให้นาง

แต่แม่นางท่านนี้กลับบอกว่าไม่ต้องมาดูแลนาง ขอแค่ให้พวกเขานั่งลงและสนุกกับการแสดง

พวกเขาก็ได้แต่ต้องนั่งลง

อีกทั้งแม่นางท่านนี้ไม่ยอมให้พวกเขานั่งใกล้ แถมยังให้พวกเขานั่งห่างออกไปอีก

อย่าว่าแต่จะต้องบริการนางเลย จนตอนนี้การจะพูดคุยกับนางก็ทำไม่ได้ด้วยซ้ำ

ทั้งสามมองหน้ากันอย่างเงียบ ๆ จากที่ไกล ๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น