พวกเขาทำอะไรผิดไปหรือเปล่าที่ทำให้แม่นางคนนี้ไม่พอใจ ?
ถึงไม่ให้พวกเขาคอยบริการอย่างใกล้ชิด ?
ทั้งสามมองไปที่หน้าของลู่ยุ๋นหลัวด้วยความคับข้องใจ
เมื่อลู่ยุ๋นหลัวรู้สึกถึงการจ้องมองของพวกเขา นางก็คิดว่าเป็นเพราะนางให้เงินไม่เพียงพอ
ดังนั้นนางจึงใจกว้างควักตั๋วเงินอีกสองสามใบให้แก่พวกเขาแต่ละคน
พ่อหนุ่มทั้งห้ารู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย แค่นี้พวกเขาแต่ละคนก็รับเงินรางวัลไปแล้วถึง 3,000 ตำลึง สายตาของพวกเขาดูที่จ้องมองลู่ยุ๋นหลัวก็ไม่สบายใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
คนที่แสดงบนเวาทีก็ดีหน่อย เพราะได้แสดงทักษะเฉพาะตัวให้ลู่ยุ๋นหลัวได้เพลิดเพลินสุนทรีได้
เนื่องจากลู่ยุ๋นหลัวได้ตั้งข้อกำหนดขึ้นมา ทำให้พ่อหนุ่มที่อยู่ด้านล่างเวทีทั้งสามได้แต่เหลือบมองด้วยสายตารักใคร่ส่งไปให้ลู่ยุ๋นหลัว
ตราบใดที่ลู่ยุ๋นหลัวเหลือบมองดูพวกเขา พวกเขาก็จะตื่นเต้นขึ้นทันที
เมื่อจี้อู๋เจวี๋ยเข้ามาด้วยพระพักตร์ที่หมองหม่น ลู่ยุ๋นหลัวก็กำลังเพลิดเพลินกับการแสดงบนเวทีอย่างสบาย ๆ ในขณะที่รับประทานของว่างไปด้วย
สายพระเนตรกวาดไปทั่วห้อง
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวคนนี้ยังคงสงวนเนื้อสงวนตัวรักษาระยะห่างจากโสเภณีชายเหล่านี้ภายในหอ ดวงพระเนตรที่แต่เดิมเป็นไฟลุกโชนด้วยความโกรธก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
แต่ความโกรธยังคงแผดเผาอย่างรุนแรงในแววพระเนตร
หลังจากตระหนักว่ามีคนเข้ามา ลู่ยุ๋นหลัวก็หันศีรษะของนางไปมองและเห็นชายคนหนึ่งที่มีรูปลักษณ์ที่ราวกับปีศาจชั่วร้าย
สวมฉลองพระองค์เป็นผ้าไหมสีเขียวอ่อน
เพียงแสงที่ลอดผ่านไปยังบุคคลที่เพิ่งเข้ามาและยืนอยู่ตรงนั้น บรรยากาศอาฆาตนั้นก็แทบจะคร่าชีวิตเหล่าพ่อหนุ่มที่อยู่ในห้องก่อนหน้านี้ไปได้ทั้งหมด
นี่คือชายหนุ่มชั้นยอด !
ดวงตาของลู่ยุ๋นหลัวทั้งสองข้างเป็นประกาย
นางคาดไม่ถึงว่าจะมีชายหนุ่มรูปงามที่ไม่มีใครเทียบได้เช่นนี้ในหอชุนเฟิง!
เดี๋ยวก่อน
ทำไมชายรูปงามคนนี้นางดูเหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน !
อ้อ——
นางจำได้แล้ว
นางจำได้ว่าครั้งล่าสุด ดูเหมือนว่านางเคยใช้เงินจำนวนมากเพื่อนอนกับชายหนุ่มรูปงามคนนี้ !
ที่แท้เขาก็เป็นคนของหอชุนเฟิงนี่เอง !
เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็รีบโบกมือให้จี้อู๋เจวี๋ยเข้ามา
"พ่อชุดเขียว ! ที่แท้เจ้าก็เป็นคนของหอชุนเฟิง ! มาดื่มกับข้าสักจอกสิ"
นางจำอะไรไม่ได้เลยตอนนี้
นางจำได้แค่พ่อชุดเขียวคนนี้เท่านั้น
ทันใดนั้นนางรู้สึกว่าพ่อชุดเขียวใจดีกับนางมากราวกับเหมือนญาติ
สายตาของคนอื่น ๆ ในห้องก็จับจ้องไปที่จี้อู๋เจวี๋ย
พ่อชุดเขียว ?
อาจเป็นหยุนเหนียงเพิ่งรับคนเข้ามาใหม่งั้นเหรอ ?
ผู้คนในห้องเมื่อเห็นอริยาบถที่ไม่ธรรมดาของจี้อู๋เจวี๋ยและพระพักตร์ที่ชั่วร้าย ทุกคนต่างก็รู้สึกถึงภัยอันตรายเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้น สายตาพ่อนุ่มทุกคนที่จ้องก็ราวกับมีควันดินปืนที่มองไม่เห็นพวยพุ่งออกจากตาของพวกเขา
แต่เมื่อจี้อู๋เจวี๋ยทรงได้ยินลู่ยุ๋นหลัวเรียกเขาว่าพ่อชุดเขียว พระวรกายของเขาก็ทรงสั่น จนเขาเกือบจะทรงยับยั้งความโกรธไม่ไหวและอยากโยนนางออกไปอย่างรุนแรง
นางคนนี้แกล้งโง่อยู่งั้นรึ ?
พระวรกายที่เต็มไปด้วยความโกรธทรงย่างก้าวมาที่ด้านข้างของลู่ยุ๋นหลัว พร้อมกับทรงคิดว่าจะจัดการกับนางคนนี้อย่างไรดี ทันใดนั้นเขาก็ถูกนางดึงให้นั่งลงทันที
จากนั้นก็นำขนมชิ้นหนึ่งป้อนเข้าพระโอษฐ์ของเขา “เอาสิ อ้าปาก"
จี้อู๋เจวี๋ยทรงมองอย่างเย็นชาไปที่ใบหน้าที่งดงามยากจะมีใครเทียบได้ซึ่งเข้ามาใกล้เขา
เขาทรงพยายามที่จะมองหาร่องรอยพิรุธของความตื่นตระหนกบนใบหน้าของนาง
แต่กลับไม่มี
กลับกันภายใต้สายพระเนตรที่จับจ้องของเขา นางคนนี้กลับแสดงออกว่า เอ่อ กำลังหมกมุ่นอยู่กับเขา
ไม่พูดก็คงจะไม่ได้
ว่าเขาทรงพอใจมากกับสายตาที่นางมองเขาในตอนนี้
ดังนั้นความโกรธที่เดือดดาลเมื่อสักครู่ก็ดูเหมือนจะสงบลงได้อย่างง่ายดายในขณะนี้
เขาอ้าพระโอษฐ์อย่างว่านอนสอนง่ายและเสวยขนมที่นางป้อนลงไป
หวานมาก
เมื่อเทียบกับตอนที่นางป้อนของหวานแก่เขาในงานเลี้ยงคืนนั้นก็ช่างแตกต่างซะเหลือเกิน
"แม่นาง พวกข้าก็อยากกินเหมือนกัน !"
พ่อชุดชมพูเมื่อเห็นภาพฉากนี้ พ่อชุดม่วงและพ่อชุดดำก็เริ่มไม่พอใจพร้อมกับกล่าวอย่างน้อยใจ
เอาอะไรมาตัดสินให้พวกเขาต้องไปนั่งซะห่างไกลและดูแลนางอย่างใกล้ชิดไม่ได้
แต่ผู้มาใหม่คนนี้กลับสามารถกินขนมที่แม่หญิงป้อนเองกับมือได้ ?
พวกเขารับไม่ได้
จี้อู๋เจวี๋ยกวาดพระเนตรราวกับแสงอันเย็นเยียบ
เป็นอะไร ?
เดี๋ยวนี้ชายร่างใหญ่พวกนี้ไม่มีแม้แต่มือที่จะหยิบของกินเองรึไง ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...
มาต่อหน่อยค่า...
รบกวนอัพต่อให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ...