ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 186

น้ำเสียงของเขาอันเย็นชาพร้อมกับแว่วเสียงแห่งความโกรธ

นางคนนี้ดูเหมือนจะเอาแต่คิดอยู่ตลอดว่าจะหนีหน้าเขาได้อย่างไร !

นางไม่เต็มใจที่จะพบเขาขนาดนี้ หลีกเลี่ยงเขาอย่างกับภัยพิบัติอย่างกับสัตว์ประหลาดเลยเหรอ ?

เมื่อเขาทรงนึกถึงการที่นางไปสถานที่อย่างหอชุนเฟิงเพื่อแสวงหาความสนุกสนานตามลำพังในตอนกลางคืน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ให้คำอธิบายแก่เขาเลย ความโกรธที่ทรงถูกระงับก่อนหน้านี้จะพุ่งขึ้นออกมาอีกครั้ง

ลู่ยุ๋นหลัวได้แต่แอบคิด

ชั่วแวบหนึ่งภายใต้จิตสำนึกอยากจะอาศัยจังหวะก่อนที่ชายคนนี้จะโมโหออกมารีบหนีห่างเพื่อรักษาชีวิตก่อน

แต่ชายคนนี้ยังจับคอเสื้อของนางเอาไว้อยู่ในมือ นางแม้แต่จะไปไหนสักก้าวก็ยังทำไม่ได้

นางไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมชายผู้นี้จะต้องโกรธอะไรมากขนาดนี้ด้วย ?

นางพิจารณาตัวเองอย่างรวดเร็ว

คงไม่ใช่เพราะเหตุว่านางกำลังจะหนีจากไปหรอกใช่ไหม ?

ต้องใช่สิ !

พ่อชุดเขียวคนนี้คือคนของหอชุนเฟิง !

ตอนนี้เงินแม้แต่แดงเดียวนางก็ยังไม่ได้ให้เขาเลย ก็ไม่แปลกที่เขาจะโกรธเป็นเรื่องธรรมดา

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่นางจากไปก็ไม่มีใครใช้บริการเขา !

ถ้าไม่มีใครใช้บริการ เขาก็หาเงินไม่ได้น่ะสิ !

ดังนั้นจึงไม่ไปปล่อยนางไป !

ยิ่งลู่ยุ๋นหลัวคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้มากขึ้นเท่านั้น

จนตอนนี้นางก็แอบภูมิใจในความฉลาดเหมือนกับน้ำแข็งและหิมะ(ฉลาดเหมือนกับน้ำแข็งและหิมะ หมายถึง ฉลาดเป็นกรด)ของนาง

แม้ว่านางจะสูญเสียความทรงจำไป

แต่ความฉลาดของนางยังคงไม่ได้ลืมเลือนไปไหน

เมื่อทราบสาเหตุแล้ว นางก็ไม่ได้ตื่นตระหนกมากนัก

ถึงอย่างไรบนตัวนางก็ยังมีตั๋วเงินอยู่บ้าง จะเหมาทั้งคืนก็มีปัญญาเหมา

ก็แค่ตั๋วเงินใบเดียวเองไม่ใช่เหรอ

ทันใดนั้นเสียงคำพูดปลอบใจก็ลอยออกมา “เอาล่ะ เลิกโกรธได้แล้ว ข้าไม่ไปไหนก็พอแล้วใช่ไหม คืนนี้ข้าจะอยู่กับเจ้าเองเป็นไง”

จี้อู๋เจวี๋ยทรงจ้องที่นางเป็นเวลานาน นางคนนี้คิดว่าเขาโง่งั้นหรือ ?

เมื่อกี้ยังคิดจะหนีอยู่เลย พอตอนนี้จะมาบอกว่าคืนนี้จะอยู่เขา ?

คงไม่ใช่ว่านางจะเล่นแง่อะไรหรอกนะ ?

เมื่อลู่ยุ๋นหลัวเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไร นางก็ยิ่งคิดว่าตนเองเดาถูกแล้ว นางจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

พอรู้ที่มาของเรื่องก็จัดการง่ายขึ้นล่ะ

นางจับพระหัตถ์ใหญ่อีกข้างของจี้อู๋เจวี๋ยพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยราวกับดวงดาวแห่งจักรวาลที่ส่องแสง "ไปกันเถอะ ไปเดินเล่นกันซักพักก่อน"

พระวรกายของจี้อู๋เจวี๋ยก็สั่นไหวเล็กน้อย

พระพักตร์ของเขาซึ่งเคยทรงเคร่งขรึมและเย่อหยิ่งมาตลอด ในตอนนี้กลับกลายไม่เป็นอย่างปกติเช่นเคย

เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงมือขวาที่อ่อนนุ่มราวกับไร้กระดูก เรียบเนียนและบอบบางที่จับพระหัตถ์ของเขาอยู่

สัมผัสที่นุ่มนวลและละเอียดอ่อนทำให้เขาทรงรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาในพระหฤทัย

ความรู้สึกนี้เขาเองก็ไม่สามารถทรงอธิบายให้ชัดเจนได้

แต่กลับทำให้เขามีทรงมีความสุขเป็นอย่างมาก

ฝ่าพระหัตถ์ที่จับคอเสื้อของลู่ยุ๋นหลัวก็ค่อย ๆ คลายออก

เขาแบบนี้ก็เหมือนกับเด็กตัวโตที่ซุ่มซ่ามเอาแต่ใจอย่างใดอย่างนั้น ปล่อยให้ลู่ยุ๋นหลัวจูงมือเดินพาไปมารอบเมืองหลวงในช่วงกลางคืน

ลู่ยุ๋นหลัวรู้สึกแปลกใจและอยากรู้เกี่ยวกับตลาดในสมัยโบราณมาก

เมื่อได้เห็นสิ่งของแปลก ๆ ใหม่ ๆ ในสมัยโบราณก็จะรู้สึกสนใจอยากรู้อยากเห็นทุกครั้ง

"เจ้าชอบอะไรเหรอ ? ข้าจะซื้อให้เจ้า" ลู่ยุ๋นหลัวพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำตัวเป็นลูกค้าที่เหมาะสม

ในความเห็นของนาง บุคลิกของพ่อชุดเขียวคนนี้เป็นบุคคลที่น่าจะเป็นคนที่ชอบให้มีคนมอบของมีค่าแก่เขาแน่นอน

เหมือนนักธุรกิจผู้มั่งคั่งที่มักจะมอบกระเป๋าและเครื่องประดับให้คนรักของตัวเอง

จี้อู๋เจวี๋ยทรงจ้องอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตรัส "ข้าไม่มีของอะไรที่ชอบ"

ตั้งแต่ทรงพระเยาว์และทรงเติบโตขึ้นมา เขาในฐานะมกุฎราชกุมาร ไม่ว่าเขาจะทรงชอบอะไร วันต่อมาก็จะมีคนเอามาถวายให้เขาต่อเบื้องพระพักตร์ตลอด จนเมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ทรงพบว่าตนเองดูเหมือนจะไม่มีสิ่งของอะไรที่ทรงชอบพอเป็นพิเศษ

ลู่ยุ๋นหลัวก็เลยถือซะว่าคำพูดของเขานั้นแค่แสดงออกถึงความเกรงใจ

ก็เลยไม่ได้เอามาใส่ใจเช่นกัน

จากนั้นก็พาจี้อู๋เจวี๋ยไปที่ร้านขายเครื่องประดับ

ผนังของร้านขายเครื่องประดับแห่งนี้ประดับด้วยไข่มุกราตรีขนาดใหญ่หลายเม็ด แม้จะในเวลากลางคืน ภายในร้านค้าก็ยังสว่างไสวราวกับกลางวัน

"เถ้าแก่ เอาเครื่องประดับที่แพงที่สุดในร้านของเจ้าให้ข้าดูหน่อย" นางจะต้องเลือกเครื่องประดับสีทองเปล่งประกาย ที่เมื่อพ่อชุดเขียวเห็นจะต้องภูมิใจที่นางเป็นคนมอบให้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น