ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 187

เถ้าแก่เงยหน้าขึ้น ก็ได้เห็นแม่นางที่มีใบหน้างดงามที่ยากจะมีใครเทียบได้ที่กำลังจูงชายอีกคนหนึ่งที่หล่อเหลาไม่ต่างกันเดินเข้ามาในร้านของเขา

ทั้งสองมีบรรยากาศที่แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไปอีกทั้งยังมีรูปลักษณ์ที่งดงามน่าเชยชม เถ้าแก่เห็นเพียงแวบเดียวก็รู้สึกเวียนหัวตาลายกับความงามนั้น

เขารีบย่างก้าวสั้น ๆ เพื่อต้อนรับทั้งสองเข้ามา

พร้อมกับสีหน้าอัธยาศัยดีพาลู่ยุ๋นหลัวนำไปชั้นตู้เครื่องประดับของอิสตรี

ลู่ยุ๋นหลัวขมวดคิ้ว “ข้าอยากซื้อเครื่องประดับสำหรับผู้ชาย”

เถ้าแก่มองไปยังชายรูปงามคนนั้นที่กำลังถูกลู่ยุ๋นหลัวกุมมือไว้อยู่ด้วยสายตาที่เข้าใจถ่องแท้

พร้อมกับเอ่ยยิ้มออกมา “ซื้อให้สามีเจ้าล่ะซิ ?”

“ไม่ใช่ !” ลู่ยุ๋นหลัวยังไม่ทันคิดก็ปฏิเสธออกไปในทันที

เสียงคำพูดยังไม่ทันแว่วจางหาย นางก็ได้สัมผัสได้ถึงสายตาเตือนมาจากพ่อชุดเขียวที่อยู่ข้าง ๆ

นางรับรู้ได้ทันทีว่าสายอาชีพของพ่อหนุ่มชุดเขียวผู้นี้จะต้องอ่อนไหวกับสถานะของตนเองมาก

อีกอย่างนางก็พูดไม่ได้ว่า ว่าเป็นชู้รักที่นางเหมาเอาไว้ทั้งคืน ?

ในสมัยโบราณเช่นนี้คงจะเป็นเรื่องต้องห้ามอย่างมากแน่

นางจึงรีบเปลี่ยนคำพูดพร้อมกับพยักหน้าและพูดตามน้ำไป “ใช่ ใช่ เจ้ารีบเอาประดับสำหรับชายออกมาให้ข้าดูหน่อยเถอะ”

เถ้าแก้มองทั้งสองคนอย่างสงสัย

รู้สึกราวกับว่าทั้งสองคนมีลับลมคมในอะไรสักอย่าง

แม่นางคนนี้เมื่อกี้ยังปฏิเสธอยู่เลย

พอต่อมาทำไมถึงเปลี่ยนคำพูดซะล่ะ

หรือว่าทั้งสองคนแอบเล่นชู้กันหรอกนะ ?

เถ้าแก่มองด้วยสายตาสงสัยไปยังคนทั้งสอง

ชายคนนั้นก็เอาแต่กุมมือของแม่นางคนนี้อยู่ตลอด ไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ

จะต้องมีอะไรน่าสงสัยแน่

เถ้าแก่สงสายตาเป็นนัยให้กับเสี่ยวเอ้อ เสี่ยวเอ้อก็เข้าใจความหมายในทันที

พร้อมกับเข้าไปห้องด้านในเพื่อนำเครื่องประดับสำหรับชายสองกล่องออกมา

ภายในกล่องมีเข็มขัดจี้หยกของบุรุษ และยังมีปิ่นรวบผมของชายรวมถึงรัดเกล้า

ส่วนรูปแบบก็ยังมีหลากหลายชนิด

ลู่ยุ๋นหลัวแถบจะไม่ได้เลือกอะไร นางมองเพียงแวบเดียวก็ต้องตาให้กับมงกุฎหยกสีเขียวเข้ม

และยังมีปิ่นหยกสีเขียวที่เข้ากันอย่างดีอีก

ซึ่งเหมาะเข้ากับชุดเสื้อผ้าของพ่อหนุ่มชุดเขียวคนนี้อย่างมาก

อีกทั้งมงกุฎหยกไม่เพียงแต่ใหญ่และสะดุดตา สีเขียวของหยกนี้ยังเป็นสีเขียวที่ตรงตามมาตรฐาน ไม่มีสิ่งเจือปน ควรจะเป็นหยกชั้นดีมาก.....หรือเปล่า ?

ลู่ยุ๋นหลัวนำมาเทียบกับที่พระเศียรของจี้อู๋เจวี๋ย พบว่าเข้ากันได้อย่างพอดีมาก

นางจึงรีบเอ่ยไป “งั้นก็อันนี้แหละ เปิดราคามาเลย”

เถ้าแก่คนนั้นคอยแอบสังเกตุทั้งสองคนอยู่ตลอดขณะที่ลู่ยุ๋นหลัวกำลังเลือกเครื่องประดับอยู่

จนสุดท้ายก็ได้ข้อสรุปที่มั่นใจว่า

สองคนนี้จะต้องเป็นชู้กันแน่นอน

เมื่อสักครู่ที่เขาให้เสี่ยวเอ้อไปยังห้องด้านในเพื่อไปหยิบเครื่องประดับมานั้นล้วนเป็นของปลอมทั้งหมด

เขาคนนี้เป็นคนที่เกลียดพวกชิงสุกก่อนห่ามมากที่สุด

ตอนนี้ได้มาอยู่ในกำมือเขา เถ้าแก่จึงหลอกโกงพวกเขาอย่างโหดร้าย

ต่อให้หลังจากนี้พวกเขาพบว่านี่เป็นของปลอม แต่ก็คงไม่กล้าที่จะมาหาเรื่องถึงหน้าร้านเขา

เรื่องพวกนี้ถ้าถูกเปิดเผยออกมา ก็คงต้องถูกเอาไปขังกรงหมูถ่วงน้ำเป็นแน่ (ขังกรงหมูถ่วงน้ำ เป็นการลงโทษโดยเอาไปใส่ในกรงหมูแล้วโผล่พ้นน้ำเพียงน้อยนิดเพื่อลงโทษ)

ดูจากคำพูดคำจาของแม่นางคนนี้ดูเหมือนคงจะมีเงินอยู่มาก

ด้วยเหตุนี้เถ้าแก่จึงเอ่ยพูดผ่อนคลายแต่หนักแน่นราวกับราชสีห์ด้วยราคาที่สูงระฟ้า “2,000 ตำลึง ไม่ต่อราคา”

ลู่ยุ๋นหลัวสีหน้าปลื้มใจ “ถูกขนาดนี้เลยเหรอ ?”

2,000 ตำลึงก็คือตั๋วเงินที่ซุกไว้ในอกนางแค่สองใบเองมิใช่หรือ ?

ก็คือค่าที่พักแค่สองคืน

ไม่คิดมาก่อนว่าราคาของในสมัยโบราณจะสูงถึงระดับนี้ไปแล้ว

เถ้าแก่เมื่อได้ยินสิ่งที่ลู่ยุ๋นหลัวกล่าว ทันใดนั้นกล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาก็กระตุกในทันที

2,000 ตำลึงนี่ยังถูกอีกเหรอ ?

ในใจของเขาก็รู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก

ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้พูดราคาไว้สูงกว่านี้สักหน่อยดีกว่า

แต่ว่าเขาก็ได้บอกเปิดราคาไปแล้ว ไม่มีทางแก้ไขได้อีก

หลังจากที่เขารับตั๋วเงินของลู่ยุ๋นหลัวมาแล้ว ก็แอบสบถด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ฝากไว้ก่อนเถอะ”

เถ้าแก่นำมงกุฎหยกที่ลู่ยุ๋นหลัวเลือกมาส่งให้กับเสี่ยวเอ้อ เสี่ยวเอ้อก็รับมาบรรจุห่อใส่กล่องและส่งให้กับนาง

ลู่ยุ๋นหลัวรับกล่องนั้นมาอย่างสบายอกสบายใจพร้อมกับคล้องแขนของจี้อู๋เจวี๋ยเดินออกจากร้านไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น