ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 188

“ที่ข้าสัญญาไว้ ข้ามอบสิ่งนี้ให้เจ้า”

จี้อู๋เจวี๋ยเหลือบพระเนตรมองกล่องใบนั้นอยู่ครู่ เขาก็ทรงมองออกว่ามงกุฏหยกนี้ไม่ได้ทำมาจากหยกแท้แน่นอน

เขาก็อยากจะตรัสบอกนางอยู่ว่านี่คือหยกปลอม

แต่เมื่อได้ทรงเห็นลู่ยุ่นหลัวกระตือรือร้นและเอาใจใส่ สุดท้ายเขาก็ได้แต่ทรงอดกลั้นไม่ได้ตรัสบอกนาง

ถึงอย่างไรของชิ้นนี้ก็ไม่ได้แพง ก็แค่ 2,000 ตำลึงถือซะว่าให้นางได้มีความสุขก็แล้วกัน

มุมพระโอษฐ์ก็เผยรอยยิ้มอ่อน ๆ ขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ตัวพระองค์เองก็ไม่ทันรู้สึกตัว แม่นางคนนี้ไม่ได้โง่ขั้นธรรมดาจริง ๆ

เขาทรงรับกล่องจากลู่ยุ๋นหลัวมาโดยไม่พูดอะไร ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นของขวัญชิ้นแรกที่นางมอบให้เขา

ลู่ยุ๋นหลัวอารมณ์ดีอย่างมาก

ราคาเท่าผักกาดขาวหัวใหญ่(ราคาผักกาดหัวใหญ่ หมายถึง ราคาถูกมาก)ก็สามารถซื้อหยกราคาดีขนาดนี้ได้แล้ว

หรือว่านางควรจะกลับไปซื้อเก็บเอาไว้มากกว่านี้ดี ?

ถ้าราคาของหยกนี้เพิ่มขึ้นในอนาคต นั่นไม่ใช่ว่านางจะมั่งคั่งหรอกเหรอ ?

เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ นางก็รีบลากจี้อู๋เจวี๋ยกลับไปที่ร้านนั้นทันที

"เถ้าแก่ !"

ยังไม่ทันจะเข้าร้านดี เสียงกังวานดังลั่นของลู่ยุ๋นหลัวก็ลอยมาถึงในร้าน

เถ้าแก่ที่กำลังดีดลูกคิดคำนวณรายได้ของวันนี้อยู่ ทันใดนั้นเขาก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงที่ลอยมานี้

เมื่อแหงนหน้ามองขึ้นไปก็เห็นว่าเป็นแม่นางคนนั้น เขายังคิดว่านางคงจะรู้ตัวแล้วว่าซื้อหยกปลอมไปชิ้นหนึ่ง เลยจะต้องเอามาคืนอย่างแน่นอน

เขาเหลือบเปลือกตาขึ้นและพูดอย่างไม่สนใจใยดี "สินค้าทั้งหมดในร้านนี้ เมื่อออกจากร้านไปแล้วจะไม่รับผิดชอบคืนหรือเปลี่ยนแต่อย่างใด"

ขณะที่เถ้าแก่พูดก็ส่งสายตาให้กับเสี่ยวเอ้อที่อยู่ข้าง ๆ

ถ้าแม่นางคนนี้ยังโวยวายสร้างปัญหาอยู่ ก็จะให้เสี่ยวเอ้อรีบวิ่งไปที่ประตูและเปิดโปงเรื่องชู้สาวของพวกเขาทันที

เขาไม่เชื่อว่าแม่นางคนนี้ยังจะต่อปากต่อคำกับเขาได้อยู่อีก ?

"ข้าไม่ได้มาเพื่อเอาของมาคืน เจ้าเอาหยกทั้งหมดในร้านของเจ้าออกมาให้ที ข้าแค่อยากได้หยกทีมีสีและคุณภาพเหมือนที่ข้าซื้อเมื่อครู่แบบนั้นก็ได้แล้ว ข้าต้องการทั้งหมด !" ลู่ยุ๋นหลัวพูดจาราวกับอวดรวยฟู่ฟ่า

เถ้าแก่ตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนี้

“เจ้าไม่ได้มาคืนสินค้า แต่เจ้ามาเพื่อซื้อหยกทั้งหมดในร้านของพวกข้างั้นรึ ?” เถ้าแก่ถามอีกครั้งเพราะกลัวว่าตนเองได้ยินผิดไป

ลู่ยุ๋นหลัวพยักหน้า

“เจ้ายังต้องการหยกที่มีสีและคุณภาพเดียวกันกับที่เจ้าเพิ่งซื้อจากข้าที่นี่ไปงั้นรึ ?” เถ้าแก่ถามอีกครั้ง

ลู่ยุ๋นหลัวพยักหน้าอย่างกระวนกระวายใจ ทำไมเถ้าแก่ถึงถามอะไรเยอะแยะขนาดนี้ ?

เถ้าแก่เป็นสุขในทันที

ไม่คิดมาก่อนว่าวันนี้จะเจอคนที่ถูกหลอกให้โง่เสียเงินได้ขนาดนี้

ในเมื่อรีบอยากจะซื้อของปลอมจากร้านของเขานัก

เขาก็รีบสั่งให้เสี่ยวเอ้อเข้าไปข้างในร้านและนำสินค้าเก่าข้างปีทั้งหมดออกมา

ซึ่งมีไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นเครื่องประดับสำหรับอิสตรี

แค่กล่องไม้ขนาดเล็กสองใบก็ใส่ลงได้ทั้งหมดแล้ว

ลู่ยุ๋นหลัวชำเลืองมองอยู่ครู่

ในกล่องเต็มไปด้วยสินค้าหยกที่มีสีเดียวกับมงกุฏหยกที่เพิ่งซื้อให้จี้อู๋เจวี๋ย

สีเขียวชะอุ่มดูแล้วสบายตามาก

นางไม่พูดพร่ำทำเพลงพร้อมกับหยิบตั๋วเงินตรงบริเวณอกออกมาหนึ่งปึกวางไว้บนโต๊ะคิดเงิน "เจ้าดูสิ ว่าเพียงพอไหม ?"

เถ้าแก่หยิบตั๋วเงินปึกหนึ่งขึ้นมานับดู มีตั๋วเงินอยู่เกือบ 13,000 ตำลึง

หลังจากนับเสร็จแล้ว ทุกคนก็ตกตะลึงทันที

แม่นางคนนี้ต้องการใช้เงินจำนวนมหาศาลมาซื้อของไร้ค่าของเขาแค่กองเดียวเนี่ยนะ ?

เกรงว่าสมองนางไม่ได้ป่วยอะไรใช่ไหม ?

ลู่ยุ๋นหลัวคิดว่าเงินที่ให้ไปไม่เพียงพอ นางจึงหยิบตั๋วเงินที่เหลืออยู่ไม่กี่ใบอ้อมอกของนางออกมา "เจ้าดูสิ ว่านี่เพียงพอไหม ?"

มือของเถ้าแก่ที่ถือตั๋วเงินอยู่นั้นสั่นเล็กน้อย

แม้ว่าเขาเพิ่งจะขายของปลอมให้กับแม่นางคนนี้ แต่นั่นเขาขายเพราะไม่ชอบไอพวกผิดประเวณีที่กระทำเช่นนี้

ซึ่งปกติเขาก็ล้วนเป็นคนซื่อตรงทำมาหากินและทำธุรกิจบริสุทธิ์มาโดยตลอด

หลุมพรางนั่น นางถูกหลอกเป็นเงิน 2,000 ตำลึงไม่พอ

แต่ตอนนี้มันเป็นเงิน 10,000 กว่าตำลึงเชียวนะ !

เงินเหล่านี้สามารถซื้อร้านค้าของเขาเช่นนี้ได้อีกหลายร้านได้เลยด้วยซ้ำ

ต่อให้เขาจะพยายามสอนบทเรียนให้กับแม่นางคนนี้มากแค่ไหน แต่ตั๋วเงินขนาดนี้ก็มากเกินไป !

เขาอยู่ในธุรกิจมานานหลายปี เขารู้ซึ้งดีว่าอะไรควรจะเอา อะไรไม่ควรจะเอา

การค้าครั้งนี้ เขาไม่สามารถทำได้จริง ๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น