ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 190

โดยเฉพาะข้ารับใช้ทั้งสองอย่างแม่นมโจวและหยินชวางที่อยู่ข้างกายนาง

หากการที่สาวน้อยหลานหลัวออกไปโดยไม่ทักทายอะไรใครจริง อีกทั้งพอตกกลางคืนก็ไม่ได้กลับจวนมา หยินซวางและแม่นมโจวจะต้องรีบมาหาพวกเขาแล้ว ทำไมพวกนางถึงรอให้ฝ่าบาทมาหาถึงจะรู้ตัวว่านายหญิงของพวกนางไม่อยู่แล้ว

“แม่นมโจว เจ้าว่าอย่างนั้นไหม ?”

ซูโม่หลานกวาดสายตามองไปยังแม่นมโจวที่สีหน้าดูกังวลอยู่ข้าง ๆ

แม่นมโจวตกใจ

คำพูดนี้ของท่านชายน้อย ทำไมถึงดูเหมือนว่าเขาจะรู้อะไรสักอย่าง 

อย่างไรก็ตาม นางก็ยังไม่มั่นใจเหมือนกันว่าท่านชายน้อยหมายถึงอะไร ดังนั้นจึงได้แต่พยักหน้าเห็นตามไปด้วย ส่วนในใจก็ได้แต่เฝ้ารอว่านายหญิงจะรีบกลับมา

จวนจี้เรือนรอง

เป็นจวนประทับของฝ่าบาทสมัยก่อนขึ้นครองราชย์สมัยยังทรงเป็นมกุฎราชกุมาร

หลังจากขึ้นครองราชย์แล้ว ข้ารับใช้ในจวนก็ไม่ได้ถูกปลดแต่อย่างใดและส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ทำงานต่อ

แพทย์หลวงท่านหนึ่งถูกเรียกตัวออกจากบ้านพักอย่างเร่งรีบ

ทันทีที่มาถึง เขาก็เห็นฝ่าบาทที่ทรงแผ่บรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัวออกมา

บรรยากาศที่อึมครึมพร้อมกับความกดดันทำให้ข้ารับใช้ทุกคนในเรือนต่างอึดอัดจนพวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

"ถ้ารักษาไม่ได้ โทษของเจ้าก็คือประหาร !" จี้อู๋เจวี๋ยตรัสด้วยพระเนตรอันเย็นเยียบและพระพักตร์ที่เย็นชา

ตอนที่ฝ่าบาททรงพระราชดำเนินอยู่บนถนนเขาทรงเห็นกับพระเนตรของตนว่านางล้มลงไป

ในภาพความทรงจำของเขาก็ปรากฏภาพเสด็จพ่อและเสด็จแม่ทิวงคต(ทิวงคต แปลว่า ตาย)อย่างทนทุกข์ทรมานซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ทันใดนั้นเขาก็ทรงกลัวจะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นกับแม่นางคนนี้

ครั้งที่แล้ว แพทย์หลวงเฉินก็ได้กล่าวไว้ ว่าในร่างกายนางอาจได้รับพิษของอาณาจักรหนานเจียง

ถ้าเป็นเช่นนั้น แม่นางคนนี้ก็อาจเพราะพิษของอาณาจักรหนานเจียงเลย...

เป็นไปไม่ได้

เขาจะไม่ทรงปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้อีก !

ภายใต้สายพระเนตรอันน่าเกรงขามของจี้อู๋เจวี๋ย แพทย์หลวงผู้นั้นถึงกับตัวสั่นเดินเข้าไปในห้อง

เขาเริ่มแมะชีพจรให้กับลู่ยุ๋นหลัวที่ข้างเตียงภายใต้บรรยากาศอันน่ากดดัน

ผ่านไปเป็นเวลานาน.

สีหน้าของแพทย์หลวงผู้นั้นก็แปลกออกไป

หลังจากแมะชีพจรตรวจสอบอยู่หลายครั้งจนเขามั่นใจ แพทย์หลวงผู้นั้นถึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมกับเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของเขา จากนั้นก็ออกไปนอกห้องเพื่อทูลต่อจี้อู๋เจวี๋ย

“ฝ่าบาท นายหญิงเพียงแค่บรรทมหลับไป ซึ่งอาจจะบรรทมลึกไปบ้าง ให้นายหญิงได้พักผ่อนเยอะอีกสักหน่อยก็จะดีขึ้นเองพะยะค่ะ”

ทันทีที่แพทย์หลวงทูลจบ ผู้คนภายในห้องต่างก็ส่งเสียงโล่งใจออกมาอย่างเห็นพ้องต้องกัน

จี้อู๋เจวี๋ยประทับยืนอยู่ที่ปากประตูพร้อมทอดพระเนตรมองเข้าไปในห้องโดยไม่ได้ทรงตรัสอะไร เห็นเพียงแต่แม่นางที่นอนหลับบนเตียงซึ่งกำลังเปลี่ยนท่วงท่าให้สบาย อืม ก็หลับสนิทจริง ๆ นั่นแหละ

ความเย็นชาที่พระเนตรของจี้อู๋เจวี๋ยค่อย ๆ จางหายไป “ข้าทราบแล้วล่ะ เจ้าไปได้”

ลู่ยุ๋นหลัวหมดสติหลับครั้งนี้กลับไม่ได้นานนัก

เพราะตอนที่นางหลับอยู่นั้น จู่ ๆ ก็รู้สึกราวกับมีภูเขาไฟที่ร้อนระอุอยู่ข้าง ๆ

สัมผัสได้ถึงความแข็งและไม่สบายเป็นอย่างมาก

เมื่อนางลืมตาตื่นขึ้น ก็พบเข้ากับใบหน้าอันหล่อเหลาและสมบูรณ์แบบที่ปรากฏในสายตา

ใบหน้าที่หล่อเหลาสมส่วน ดั้งจมูกที่โด่ง สันกรามที่สมบูรณ์ ริมฝีปากสีแดงสด

เมื่อทอดมองลงไปก็เห็นลำคอและลูกกระเดือกอันยั่วยวนใจ

ไม่คาดคิดมาก่อนว่าพ่อหนุ่มชุดเขียวจะมีเสน่ห์มากแม้ในเวลาที่หลับ

ลู่ยุ๋นหลัวนอนไม่หลับอีกต่อไป

การเผชิญหน้าหนุ่มหล่อราวกับเทพบุตรขนาดนี้

ใครบ้างที่จะไม่ฉุกคิดถึงเรื่องนั้นบ้าง ?

เมื่อนางนึกถึงความทรงจำคราวก่อนที่หลงเหลืออยู่ที่ได้ถอดเสื้อผ้าของเขาออกก็ภาพตัดไป ซึ่งน่าเสียดายเป็นอย่างมาก

สายตาของนางเริ่มพรุบต่ำลงมองไปที่แผงอกของชายตรงหน้าอย่างไม่รู้ตัว

พอเห็นเขาหลับสนิท

นางก็เหยียดมือออกไปสัมผัสแผงอกนั้นอย่างกล้าหาญ

ทั้งแข็งแกร่งและฟิตแน่น !

สัมผัสที่ปลายมือช่างดีเป็นอย่างมาก !

ทำยังไงดี ?

จับเขากดขืนใจตรงนี้เลยดีมั๊ย ?

ภายในใจของลู่ยุ๋นหลัวสับสนยุ่งเหยิงเป็นอย่างมาก

ในที่สุดนางก็ต้านทานต่อแรงกระตุ้นในใจและพลิกตัวหันหลังให้เขา

พอเถอะ ขนาดตัวเองนางยังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร ยังจะไปลักหลับพ่อหนุ่มหล่อแบบนี้ตอนนอนหลับอีก นอนเถอะ

แต่เมื่อขณะที่ลู่ยุ๋นหลัวพลิกตัว จี้อู๋เจวี๋ยก็ลืมพระเนตรตื่นขึ้นแล้ว

เขาทรงโอบกอดลู่ยุ๋นหลัวไว้ในอ้อมพระอุระ(พระอุระ หมายถึง อก)

เขาตรัสด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มลึกและแหบซ่านข้าง ๆ หูของลู่ยุ๋นหลัว "เป็นอะไรไป ? สนมคนโปรดไม่อยากทำอะไรกับฝ่าบาทต่อแล้วเหรอ ?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น