ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 193

นั่นคือเงินเกือบ 30,000 ตำลึงเลยนะ...

ภายในก็เจ็บปวดราวกับมีเลือดไหลออกมา...

นางอุตส่าห์ถ่อไปถึงถ้ำนอกเมืองเพื่อวิวัฒนาการมิติพิเศษแล้ว ใครก็ได้บอกกนางทีว่านางกลับมาได้อย่างไร !

ลู่ยุ๋นหลัวทุกข์ใจจนกุมไปที่อกของนางเอง

ช่างเถอะ

ไปจัดการเรื่องโสเภณีชายพวกนี้ก่อนแล้วกัน

เรือนภายในจวนกั๋วกงติ้ง มีชายหนุ่มรูปงามยืนกันอยู่เป็นแถว

ในห้องโถงด้านหน้า ท่านผู้อาวุโสเดินไปมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล

แม้แต่ซูโมหลานเมื่อมองไปที่แถวของโสเภณีชายข้างนอกก็ถึงกับต้องขมวดคิ้วอยู่บ่อยครั้ง

หากเรื่องนี้ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม เกรงว่าอาจส่งผลเสียต่อหลานหลัวไม่ดีอย่างมาก

ส่วนจี้อู๋เจวี๋ยซึ่งประทับอยู่เบื้องบนสีพระพักตร์กลับดูเฉยเมย

เมื่อลู่ยุ๋นหลัวมาถึง พวกชาวบ้านที่ชอบกินเผือกอยู่นอกประตูทั้งหมดก็ได้ถูกไล่ออกไปแล้ว

นางหายใจเข้าลึก ๆ

หลังจากเตรียมการมาพอสมควรแล้ว คราวนี้นางก็ฉีกยิ้มออกมาและย่างก้าวผ่านประตูใหญ่ของจวนกั๋วกงติ้ง

ภายในจวนมีพ่อหนุ่มทั้งห้าคนยืนอยู่ หลังจากได้เห็นลู่ยุ๋นหลัวมาถึงสีหน้าก็ดีใจขึ้นมาทันที

“แม่นาง ที่แท้เจ้าก็อาศัยอยู่ที่นี่จริง ๆ ด้วย”

แต่หลังจากที่แม่นางจากไปเมื่อคืนนี้ พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะไถ่ตัวเองและแบกหน้าไปขออาศัยกับนาง

เมื่อวานแม่นางท่านนี้ให้เงินแก่พวกเขาคนละ 3,000 ตำลึง

หยิบเงินออกมาแค่ 1,000 ตำลึงก็เพียงจะไถ่ตัวเองและยังมีเงินเหลือด้วยซ้ำ

แต่สุดท้ายก็ยังไม่รู้จักตัวตนของแม่นางอยู่ดี

ไม่คิดมาก่อนว่าในตอนเช้าตรู่ จะมีคนมาบอกพวกเขาว่าแม่นางในคืนก่อนได้อาศัยอยู่ในจวนกั๋วกงติ้ง และยังบอกด้วยว่าแม่นางคนนั้นขอให้พวกเขาเข้าไปพบ

พวกเขาไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เลยใช้เงินไถ่ตัวเอง พร้อมกับขนของถุงใบเล็กใบน้อยมายังจวนกั๋วกงติ้งแบกหน้ามาหานาง

แต่ใครจะรู้ว่าคนของจวนกั๋วกงติ้งจะบอกว่าไม่ได้ส่งใครให้ไปบอกข่าวถึงพวกเขาอีกทั้งยังขับไล่พวกเขาให้รีบออกไป

โชคดีที่พวกเขายังคงดึงดันที่จะอยู่ต่อ จนในที่สุดพวกเขาก็พบแม่นาง

ลู่ยุ๋นหลัวยิ้มให้กับพวกเขาเล็กน้อย

แม้ว่านางจะจำไม่ได้สักนิดเลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่นางก็รู้ว่าตัวนางเองว่าได้ไปที่หอชุนเฟิงโหลวเมื่อคืนนี้แน่นอน

นางช่างมีความสามารถจริง ๆ

พริบตาก็สามารถพาชายทั้งห้าคนกลับมาจวนได้

ก็ไม่รู้เช่นกันว่าจี้อู๋เจวี๋ยจะจัดการนางเอาให้ตายเลยรึไม่ ?

เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวนอกเรือน ผู้อาวุโสก็รีบวิ่งออกมาพร้อมกับดึงหลานหลัวเอาไว้ข้างกาย "หลานหลัว เมื่อคืนวานเจ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?"

โสเภณีชายทั้งห้าจากสถานที่เสพสุขสำราญเช่นนี้มาหาถึงจวน ถ้าสิ่งนี้ถูกเผยแพร่ไป ชื่อเสียงของหลานหลัวก็คงจะต้องถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่าบาทที่ทรงประทับอยู่ด้านใน

หากไม่มีคำอธิบายดี ๆ โทษฐานเป็นสตรีสำส่อนก็คงตกมาอยู่ที่นาง หลังจากนี้ก็คงจะไม่มีชีวิตอยู่รอดในตำหนักในเป็นแน่

ลู่ยุ๋นหลัวลูบไปที่มือท่านตาของนาง "วางใจเถอะ ข้าจะจัดการเอง"

สิ่งที่ยากที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่วิธีการจัดการกับโสเภณีชายเหล่านี้ แต่คือจะทูลอธิบายกับจี้อู๋เจวี๋ยเยี่ยงไรต่างหาก

ลู่ยุ๋นหลัวยืนอยู่นอกโถงด้านหน้า ยังไม่ทันที่นางจะเข้าไปก็สัมผัสได้ถึงความเย็นภายในห้องนั้นราวกับหิมะที่โปรยอยู่เต็มพื้นในเหมันต์ฤดูอย่างใดอย่างนั้น

นางเพียงแค่เหลือบมอง ก็ไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะก้าวเข้าไป

กลัวจนหัวของนางเผลอหดเข้าไป

เอาเถอะ นางจัดการกับพวกพ่อหนุ่มพวกนี้ก่อนก็แล้วกัน

เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่ไม่เป็นมิตรของลู่ยุ๋นหลัว ชายคนหนึ่งในชุดสีชมพูนามว่าฮัวเฉินก็กล่าวออกมา "แม่นาง ท่านไม่ต้องการพวกเราแล้วใช่รึไม่ ?"

ด้วยใบหน้าที่ดูเศร้าสร้อยและระแวดระวัง ไม่มีใครที่จะฟังและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นทุกข์ใจ

"แม่นาง พวกเราไถ่ตนเองออกมาแล้ว ถ้าท่านไม่ต้องการพวกเรา พวกเราก็ไม่มีที่จะไปเช่นกัน" ชายคนหนึ่งในชุดฟ้าอีกคนก็พูดขึ้น

แม้ว่าแม่นางท่านนี้เมื่อวานจะให้รางวัลเป็นเงินมากมายแก่พวกเขา ผนวกกับการที่พวกเขาประหยัดเงินก่อนหน้านี้ ขอเพียงแค่เขาประหยัดอีกเล็กน้อย เงินพวกนี้ก็แทบจะเพียงเอาไปใช้ได้ถึงชาติหน้าแล้วเลยด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม แม้ท้องฟ้าและผืนดินจะกว้างใหญ่ แต่ก็ไม่มีที่สำหรับพวกเขา

พวกเขาไม่มีบ้านและครอบครัวตั้งนานแล้ว

เป็นเพราะแม่นางที่ให้ความอบอุ่นแก่พวกเขา

ถ้าแม่นางท่านนี้ไม่ต้องการพวกเขาแล้ว

พวกเขาก็แถบจะไม่มีที่ให้จะไปแล้วจริง ๆ

เมื่อเห็นใบหน้าที่โศกเศร้าของชายทั้งห้า หัวของลู่ยุ๋นหลัวก็ปวดจนแทบจะระเบิด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น