นั่นคือเงินเกือบ 30,000 ตำลึงเลยนะ...
ภายในก็เจ็บปวดราวกับมีเลือดไหลออกมา...
นางอุตส่าห์ถ่อไปถึงถ้ำนอกเมืองเพื่อวิวัฒนาการมิติพิเศษแล้ว ใครก็ได้บอกกนางทีว่านางกลับมาได้อย่างไร !
ลู่ยุ๋นหลัวทุกข์ใจจนกุมไปที่อกของนางเอง
ช่างเถอะ
ไปจัดการเรื่องโสเภณีชายพวกนี้ก่อนแล้วกัน
เรือนภายในจวนกั๋วกงติ้ง มีชายหนุ่มรูปงามยืนกันอยู่เป็นแถว
ในห้องโถงด้านหน้า ท่านผู้อาวุโสเดินไปมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล
แม้แต่ซูโมหลานเมื่อมองไปที่แถวของโสเภณีชายข้างนอกก็ถึงกับต้องขมวดคิ้วอยู่บ่อยครั้ง
หากเรื่องนี้ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม เกรงว่าอาจส่งผลเสียต่อหลานหลัวไม่ดีอย่างมาก
ส่วนจี้อู๋เจวี๋ยซึ่งประทับอยู่เบื้องบนสีพระพักตร์กลับดูเฉยเมย
เมื่อลู่ยุ๋นหลัวมาถึง พวกชาวบ้านที่ชอบกินเผือกอยู่นอกประตูทั้งหมดก็ได้ถูกไล่ออกไปแล้ว
นางหายใจเข้าลึก ๆ
หลังจากเตรียมการมาพอสมควรแล้ว คราวนี้นางก็ฉีกยิ้มออกมาและย่างก้าวผ่านประตูใหญ่ของจวนกั๋วกงติ้ง
ภายในจวนมีพ่อหนุ่มทั้งห้าคนยืนอยู่ หลังจากได้เห็นลู่ยุ๋นหลัวมาถึงสีหน้าก็ดีใจขึ้นมาทันที
“แม่นาง ที่แท้เจ้าก็อาศัยอยู่ที่นี่จริง ๆ ด้วย”
แต่หลังจากที่แม่นางจากไปเมื่อคืนนี้ พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะไถ่ตัวเองและแบกหน้าไปขออาศัยกับนาง
เมื่อวานแม่นางท่านนี้ให้เงินแก่พวกเขาคนละ 3,000 ตำลึง
หยิบเงินออกมาแค่ 1,000 ตำลึงก็เพียงจะไถ่ตัวเองและยังมีเงินเหลือด้วยซ้ำ
แต่สุดท้ายก็ยังไม่รู้จักตัวตนของแม่นางอยู่ดี
ไม่คิดมาก่อนว่าในตอนเช้าตรู่ จะมีคนมาบอกพวกเขาว่าแม่นางในคืนก่อนได้อาศัยอยู่ในจวนกั๋วกงติ้ง และยังบอกด้วยว่าแม่นางคนนั้นขอให้พวกเขาเข้าไปพบ
พวกเขาไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เลยใช้เงินไถ่ตัวเอง พร้อมกับขนของถุงใบเล็กใบน้อยมายังจวนกั๋วกงติ้งแบกหน้ามาหานาง
แต่ใครจะรู้ว่าคนของจวนกั๋วกงติ้งจะบอกว่าไม่ได้ส่งใครให้ไปบอกข่าวถึงพวกเขาอีกทั้งยังขับไล่พวกเขาให้รีบออกไป
โชคดีที่พวกเขายังคงดึงดันที่จะอยู่ต่อ จนในที่สุดพวกเขาก็พบแม่นาง
ลู่ยุ๋นหลัวยิ้มให้กับพวกเขาเล็กน้อย
แม้ว่านางจะจำไม่ได้สักนิดเลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่นางก็รู้ว่าตัวนางเองว่าได้ไปที่หอชุนเฟิงโหลวเมื่อคืนนี้แน่นอน
นางช่างมีความสามารถจริง ๆ
พริบตาก็สามารถพาชายทั้งห้าคนกลับมาจวนได้
ก็ไม่รู้เช่นกันว่าจี้อู๋เจวี๋ยจะจัดการนางเอาให้ตายเลยรึไม่ ?
เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวนอกเรือน ผู้อาวุโสก็รีบวิ่งออกมาพร้อมกับดึงหลานหลัวเอาไว้ข้างกาย "หลานหลัว เมื่อคืนวานเจ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?"
โสเภณีชายทั้งห้าจากสถานที่เสพสุขสำราญเช่นนี้มาหาถึงจวน ถ้าสิ่งนี้ถูกเผยแพร่ไป ชื่อเสียงของหลานหลัวก็คงจะต้องถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่าบาทที่ทรงประทับอยู่ด้านใน
หากไม่มีคำอธิบายดี ๆ โทษฐานเป็นสตรีสำส่อนก็คงตกมาอยู่ที่นาง หลังจากนี้ก็คงจะไม่มีชีวิตอยู่รอดในตำหนักในเป็นแน่
ลู่ยุ๋นหลัวลูบไปที่มือท่านตาของนาง "วางใจเถอะ ข้าจะจัดการเอง"
สิ่งที่ยากที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่วิธีการจัดการกับโสเภณีชายเหล่านี้ แต่คือจะทูลอธิบายกับจี้อู๋เจวี๋ยเยี่ยงไรต่างหาก
ลู่ยุ๋นหลัวยืนอยู่นอกโถงด้านหน้า ยังไม่ทันที่นางจะเข้าไปก็สัมผัสได้ถึงความเย็นภายในห้องนั้นราวกับหิมะที่โปรยอยู่เต็มพื้นในเหมันต์ฤดูอย่างใดอย่างนั้น
นางเพียงแค่เหลือบมอง ก็ไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะก้าวเข้าไป
กลัวจนหัวของนางเผลอหดเข้าไป
เอาเถอะ นางจัดการกับพวกพ่อหนุ่มพวกนี้ก่อนก็แล้วกัน
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่ไม่เป็นมิตรของลู่ยุ๋นหลัว ชายคนหนึ่งในชุดสีชมพูนามว่าฮัวเฉินก็กล่าวออกมา "แม่นาง ท่านไม่ต้องการพวกเราแล้วใช่รึไม่ ?"
ด้วยใบหน้าที่ดูเศร้าสร้อยและระแวดระวัง ไม่มีใครที่จะฟังและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นทุกข์ใจ
"แม่นาง พวกเราไถ่ตนเองออกมาแล้ว ถ้าท่านไม่ต้องการพวกเรา พวกเราก็ไม่มีที่จะไปเช่นกัน" ชายคนหนึ่งในชุดฟ้าอีกคนก็พูดขึ้น
แม้ว่าแม่นางท่านนี้เมื่อวานจะให้รางวัลเป็นเงินมากมายแก่พวกเขา ผนวกกับการที่พวกเขาประหยัดเงินก่อนหน้านี้ ขอเพียงแค่เขาประหยัดอีกเล็กน้อย เงินพวกนี้ก็แทบจะเพียงเอาไปใช้ได้ถึงชาติหน้าแล้วเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม แม้ท้องฟ้าและผืนดินจะกว้างใหญ่ แต่ก็ไม่มีที่สำหรับพวกเขา
พวกเขาไม่มีบ้านและครอบครัวตั้งนานแล้ว
เป็นเพราะแม่นางที่ให้ความอบอุ่นแก่พวกเขา
ถ้าแม่นางท่านนี้ไม่ต้องการพวกเขาแล้ว
พวกเขาก็แถบจะไม่มีที่ให้จะไปแล้วจริง ๆ
เมื่อเห็นใบหน้าที่โศกเศร้าของชายทั้งห้า หัวของลู่ยุ๋นหลัวก็ปวดจนแทบจะระเบิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...
มาต่อหน่อยค่า...
รบกวนอัพต่อให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ...