ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 195

เมื่อครู่ที่นางขอให้จี้อู๋เจวี๋ยจัดการชายเหล่านั้นให้ไปที่ค่ายชิงหลง จนตอนนี้นางก็ยังจะรีบขอให้ตนเองได้อยู่ต่ออีกสองวันอีก

ซึ่งดูเหมือนทำให้คิดโยงถึงเรื่องบางอย่างไปแบบนั้นได้ง่ายมากขึ้น

"ลู่ยุ๋นหลัว หรือว่าข้าจะตามใจเจ้ามากไป ?" จี้อู๋เจวี๋ยทรงมองมาที่นางอย่างเย็นชา

ลู่ยุ๋นหลัวได้แต่ก้มศีรษะต่ำลง

นางเองก็ไม่ได้ต้องการแบบนี้เช่นกัน

แต่อย่างน้อยกรรมวิธีการจัดการใบชาก็ควรให้นางได้สอนกับโจรภูเขาพวกนั้นสักหน่อย

จนในท้ายที่สุด จี้อู๋เจวี๋ยก็ไม่ทรงเห็นด้วย

ลู่ยุ๋นหลัวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจดรายละเอียดขั้นตอนกรรมวิธีการจัดการชาทั้งหมดลงกระดาษ

และสุดท้ายก็มอบกระดาษให้กับพ่อหนุ่มห้าคนนั้นของหอชุนเฟิงโหลวและขอให้พวกเขานำไปที่ค่ายชิงหลง

ก่อนจากไป ลู่ยุ๋นหลัวได้มอบยาเก้าฟื้นวิญญาณสี่เม็ดให้กับท่านน้าของนาง

ถึงอย่างไรก็ตาม นางก็ไม่ได้บอกเขาว่ามียาอะไรอยู่ด้านใน บอกเพียงแค่ว่าให้เปิดมันเมื่อชีวิตตกอยู่ในอันตรายเท่านั้น

จากนั้นก็กำชับท่านน้าให้หมั่นเพียรกายภาพฟื้นฟูร่างกาย

และก็ให้ท่านตาดูและสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดี

สีหน้าของนางที่ราวกับไม่อยากจะจากไป เพียงจี้อู๋เจวี๋ยทรงเห็นก็ถึงกับพระขนงกระตุก

ไม่ใช่แค่กลับเข้าวังหรอกเหรอ ?

ทำอย่างกับจะตายจากกันไปได้

ด้วยเหตุนี้ ลู่ยุ๋นหลัวจึงถูกจี้อู๋เจวี๋ยทรงลากขึ้นไปบนรถม้าทันที

ท่านผู้อาวุโสและซูโม่หลานเฝ้ามองดูรถม้าจนลาลับขอบถนนไปถึงกลับเข้าจวน

ณ ตำหนักหยุนเยว่

ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองชูหยาง ที่แห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยภูเขาต่อเนื่องไร้สิ้นสุด ทับซ้อนกันเป็นหุบเขามากมายอันสูงชัน อีกทั้งยังล้อมรอบด้วยหมอกหนาตลอดทั้งปี จึงทำให้ยากที่จะมองเห็นลักษณะที่แท้จริงของหุบเขาแห่งนี้

ในหุบเขานั้นมีทิวเขาแห่งหนึ่งที่สูงเสียดทะลุเมฆ

ที่จุดยอดสุดของทิวเขานี้ มีสิ่งปลูกสร้างแห่งหนึ่งที่สูงตระหง่านตั้งอยู่

ชายชุดแดงผู้หนึ่งยืนอยู่ ณ ยอดเขาเหล่านี้ ใบหน้ารูปลักษณ์งดงามราวกับดอกไม้ที่ผลิบานขึ้นบนหน้าผาก ที่ทั้งอันตรายและชั่วร้าย

นี่คือชายคนหนึ่งที่มีเสน่ห์เป็นอย่างมากต่อให้ตายกลับมาเกิดอีกหกชาติก็ยากที่จะพบได้

ในมือของเขาถือเอกสารที่ลู่ยุ๋นหลัวได้ลงนามในวันนั้นที่หอเซียนแพทย์

หลังจากนั้นไม่นาน ที่มุมปากของเขาก็ได้เผยรอยยิ้มราวกับดอกไม้ต้องห้ามที่แย้มบาน "ในที่สุดก็หาเจ้าเจอ... "

เพียงพริบตาร่างเงาสีแดงนั้นก็จางหายไปในเมฆหมอก——

ภายในรถม้า

มีเพียงแค่ลู่ยุ๋นหลัวและจี้อู๋เจวี๋ยเพียงสองคน

ภายในเกี้ยวรถม้านี้กลับเงียบจนน่าประหลาด

ลู่ยุ๋นหลัวจ้องมองไปที่พระพักตร์อันเย็นชาของฝ่าบาทที่อยู่ข้างนาง ซึ่งฝ่าบาททรงให้ความร่วมมือกับบรรยากาศอันเงียบเชียบภายในเกี้ยวนี้ได้เป็นอย่างดี

"เจ้าไม่คิดว่าเรื่องที่หอชุนเฟิงโหลวนั้นเจ้ายังติดค้างคำอธิบายแก่ข้าอยู่รึ ?" จี้อู๋เจวี๋ยทรงรออยู่เป็นเวลานาน พบว่าแม่นางคนนี้แถบไม่ได้มีความตั้งใจที่จะอธิบายให้เขาทรงรับฟังเลยแม้แต่น้อย จนสุดท้ายก็ต้องให้เขาตรัสเอ่ยถามเองถึงสิ่งที่เขาอยากจะตรัสถามตั้งแต่เมื่อวาน

เขาทรงไม่เข้าใจจริง ๆ ในฐานะเป็นถึงนายหญิงแห่งตำหนักในแล้ว นางถึงยังไม่สนใจชื่อเสียงของตนเองถ่อไปยังหอชุนเหิงโหลวสถานที่เช่นนั้นได้ ?

ลู่ยุ๋นหลัวเงียบไม่พูดอะไร

แต่ภายในใจกลับใกล้จะร้องไห้อยู่แล้ว

จะให้นางอธิบายได้เยี่ยงไร ?

นางเองก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองวิ่งถ่อไปที่หอชุนเฟิงโหลวได้อย่างไร

ไหนยังจะไปไถ่ตัวคนออกมาอีก

ไหนจะเงินของตัวเองเกือบ 30,000 ตำลึงที่ทำหายไปอีก

นางพูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “ฝ่าบาท ถ้าหม่อมฉันทูลกล่าว ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานหม่อมฉันลืมไปแล้วทั้งหมด ฝ่าบาทจะทรงเชื่อหม่อมฉันรึไม่เพคะ ?”

จี้อู๋เจวี๋ยทรงมองที่นางและแย้มสรวลอย่างเย้ยหยัน

แม่นางคนนี้คิดว่าเขาเป็นคนโง่รึไง

รถม้าเกี้ยวเสด็จถูกจี้อู๋เจวี๋ยทรงเรียกให้หยุดลง ลู่ยุ๋นหลัวถูกเขาทรงไล่ลงออกจากรถม้าอย่างไร้ความปราณี

ลู่ยุ๋นหลัวแหงนมองท้องฟ้าและถอนหายใจ

สมัยนี้พูดความจริงก็ยังไม่มีใครเชื่อเลย

หรือนางต้องโกหกเหรอ ?

เห้อ !

ลู่ยุ๋นหลัวส่ายหัวของนาง และในที่สุดก็ปีนขึ้นไปบนเกี้ยวรถม้าด้านหลัง เมื่อเปิดม่านออก ด้านในมีหยินซวาง แม่นมโจวและนางข้าหลวงห้าคนที่พาออกมาจากวังก่อนหน้านี้นั่งอยู่

"เอา เอา เอา เบียดเบียดหน่อย เอาที่ว่างให้ข้าหน่อย"

“นายหญิง ไม่ใช่ว่าท่านกับฝ่าบาทอยู่ในรถม้าคันเดียวกันหรอกรึเพคะ ? ทำไมถึงมายังรถม้าของพวกบ่าว ?” หยินซวางถามด้วยความสับสน

นี่คือรถม้าสำหรับข้ารับใช้

แม่นมโจวส่งสัญญาณขยิบตาให้กับหยินซวางทันที

ยังมองไม่ออกอีกเหรอ ว่าฝ่าบาทกับนายหญิงจะต้องงอนกันแล้วแน่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น