ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 197

แม้แต่ร้านขายของชำของนางและนางข้าหลวงที่ทำชานมก็ล้วนถูกแทนที่ด้วยคนของนางทั้งหมด

"นางสนมเหยาคนนี้จะทำมากเกินไปแล้วนะ ! นางมาที่นี่เพื่อแย่งความดีความชอบชัด ๆ" หยินซวางกล่าวด้วยอารมณ์โกรธแค้น

คนอื่นอาจไม่รู้ว่าเมล็ดข้าวสาลีกว่าร้อยหมู่มีที่มาที่ไปอย่างไร แต่นางรู้ !

เพราะนั่นคือข้าวสาลีที่นางและนายหญิงลำบากลำบนปลูกตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ !

ตอนนั้นอากาศก็แห้งแล้งและไม่มีฝนตกต่อเนื่องกว่าหลายเดือน เป็นนางและนายหญิงสองคนที่ต้องแบกน้ำใส่ถังจากแม่น้ำมาเพื่อรดทีละถัง ๆ

ถึงจะปลูกขาวสาลีกว่าสองหมู่นั้นให้งอกเงยขึ้นมาได้!

ต่อมาถึงมีเมล็ดข้าวสาลีที่เอามาปลูกในพื้นที่เกษตรกว่า 100 หมู่ตอนนี้ !

ทุกคนต่างรู้ถึงความสำคัญของข้าวสาลีนี้ที่มีต่ออาณาจักรตงหลาน

ผู้ใดที่ปลูกข้าวสาลีนี้ได้ ผู้นั้นก็จะเป็นคนสร้างความสุขแก่พสกนิกร ได้รับความเคารพรักจากประชาชน แม้กระทั่งยังจะได้รับการบันทึกลงในประวัติศาสตร์ และชื่อของผู้นั้นก็จะถูกจารึกเอาไว้ตลอดไป !

แต่พอมาวันนี้ สนมเหยานั่นกลับมองเห็นข้อดีข้อนี้ อาศัยช่วงที่นายหญิงไม่อยู่ ถ่อตรงมาถึงตำหนักเย็นเพื่อเอาความดีความชอบ !

นี่มันไม่ใช่การกลั่นแกล้งกันหรอกเหรอ ?

แม่นมโจวตอนนี้รีบกุลีกุจอกลับมาจากด้านนอก

“นายหญิงเพคะ สนมเหยาตอนนี้กำลังตบรางวัลให้แก่เหล่าขันทีและนางข้าหลวงที่เพิ่งเสร็จงานในไร่เกษตรเพคะ เมื่อสักครู่บ่าวเพิ่งได้ไปถามมา เห็นว่าคนนึงได้ถึงห้าตำลึงเลยนะเพคะ”

แม่นมโจวสีหน้าดูเป็นกังวล

สนมเหยาผู้นี้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก แค่เห็นก็รู้ว่านางกำลังมุ่งหมายไปที่ข้าวสาลีในไร่

ตอนนี้ยังจะตบรางวัลให้แก่คนงานเป็นเงินตำลึงอีก ดูเหมือนว่าต้องการติดสินบนคนงานทั้งหมดในตำหนักเย็นอยู่แน่

ลู่ยุ๋นหลัวขมวดคิ้ว

แผนการเดินหมากของสนมเหยาครั้งนี้ช่างรอบคอบยิ่งนัก

ถ้าเป็นเรื่องอื่นก็ยังพอจะจัดการได้

แต่เมื่อเป็นข้าวสาลีในไร่ของตำหนักเย็นเพียงหนึ่งเดียวนี้ นางไม่สามารถที่จะลงมือตัดสินได้

ประการแรก ตำหนักเย็นแห่งนี้ไม่ใช่ที่ของนาง

ที่แห่งนี้ยังมีราชวังที่รกร้างอยู่อีกหลายแห่ง

ถ้าลู่ยุ๋นหลัวสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้ ดังนั้นสนมคนอื่น ๆ ก็อยู่ได้เช่นกัน

ประการที่สอง ข้าวสาลีนี้แม้ว่าจะเป็นนางที่นำออกมาจากมิติพิเศษ จากนั้นก็อาศัยกำลังของนางปลูกขึ้นมา

แต่อย่างไรข้าวสาลีนี้ก็ไม่ใช่ของนาง

แต่เป็นของในวัง !

เป็นของฝ่าบาท !

เป็นของพสกนิกรของอาณาจักรตงหลาน !

สนมเหยาอาศัยตอนที่นางไม่อยู่ตำหนักเย็นเพื่อเข้ามาในตำหนักเย็นและรับช่วงต่อดูแลข้าวสาลี และยังเป็นพระราชอนุญาตจากพระพันปีหลวงอีก

ต่อให้นางจะไม่ต้องการ จนต้องไปโวยวายต่อฝ่าบาท หรือโวยวายถึงราชสำนัก นั่นก็ยังไม่มีเหตุผลที่มากเพียงพอ

ตอนนี้แม้ว่านางจะกลับมาแล้ว แต่หากยังไม่ได้ทูลต่อฝ่าบาทและพระพันปีหลวงให้ทราบ นางก็ไม่มีสิทธิ์ที่ไปขับไล่สนมเหยาให้ออกไปได้

“นายหญิงเพคะ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งเพคะ”

"ว่ามา" ลู่ยุ๋นหลัวนั่งลงพร้อมกับหยิบชาที่หยินซวางเพิ่มชงมาให้จิบไปหนึ่งอึก

“หลังจากเหยากุ้ยเหรินได้แทนที่คนทั้งหมดในร้านขายของชำเป็นคนของนางแล้ว ตอนนี้ก็ได้สั่งหยุดผลิตเครื่องดื่มและของที่เย็นทั้งหมดแล้ว ยังบอกอีกว่าหินที่ใช้ทำก้อนน้ำแข็งเป็นของพระราชวัง ไม่สามารถนำมาใช้ได้อีกต่อไป อีกทั้งหินบนเนินเขาที่ใช้ทำน้ำแข็งตอนนี้ก็ห้ามไม่ให้ใครเข้าใกล้แล้วเพคะ”

แม่นมโจวสีหน้ายากที่จะทนดูได้

วิธีการใช้หินชนิดนั้นในการทำน้ำแข็งคือนายหญิงเป็นคนค้นพบเป็นคนแรก เดิมทีก็มีเพียงคนที่ทำงานในตำหนักเย็นเท่านั้นที่จะรู้เรื่องนี้ แต่พอมาวันนี้ ไม่เพียงแต่จะสนมเหยาล่วงรู้แล้ว แต่นางใช้วิธีนี้ในการเอามาต่อกรกับนายหญิงอีก

เห็นได้ชัดว่าสนมเหยานั้นจงใจ

"ปล่อยนางทำไป" ลู่ยุ๋นหลัวจิบชาต่อไป

ถึงยังไงอากาศก็หนาวแล้ว ช่วงนี้เครื่องดื่มและของที่เย็นก็ขายไม่ค่อยดี

“นายหญิงเพคะ ท่านไม่โกรธหรือเพคะ ?” หยินซวางโกรธจนตัวสั่นไปทั้งตัวอยู่ด้านข้าง เมื่อหันมามองนายหญิงของนางอีกครั้ง นางกลับยังคงนั่งอย่างสงบอารมณ์พร้อมกับจิบชา ?

ลู่ยุ๋นหลัวยิ้มเยาะขึ้นมาเล็กน้อย "โกรธไปก็ไม่มีประโยชน์"

นางเคยปฏิสัมพันธ์กับสนมเหยาคนนี้มาหลายครั้ง นางเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบ

หากไม่มีความมั่นใจในระดับหนึ่ง นางจะไม่ลงมือง่าย ๆ เด็ดขาด

หากการคาดเดาของนางไม่ผิดพลาด การกระทำของสนมเหยาเป็นไปได้ว่าจะทำเพื่อยั่วยุนาง

แค่ทำให้นางโกรธ ทำให้นางรำคาญ

หรือผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือการที่นางเอะอะโวยวายออกมา

ไม่ว่าสาเหตุจะเป็นอะไร สุดท้ายนางก็จะต้องเอาเรื่องข้าวสาลีมาผูกโยงเข้ากันจนได้

พอเมื่อถึงเวลานั้นก็จะกลายเป็นประเด็นใหญ่สำคัญถึงระดับพสกนิกรและระดับอาณาจักรไปแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น