ในเมื่อนางคราวนี้พุ่งเล็งมายังข้าวสาลีของตำหนักเย็นอย่างไม่สะทกสะท้าน สนมเหยาจะต้องมั่นใจแล้วว่าลู่ยุ๋นหลัวต้องไม่มีวิธีในการรับมือกับนาง
ชื่อเสียงและเกียรติยศที่ตามมาหลังจากปลูกข้าวสาลีสำเร็จ สนมเหยาคงคิดว่าคุ้มค่ากับแผนการของนางแล้ว
“ใช่แล้วเพคะนายหญิง บ่าวยังได้ยินมาว่าไม่กี่วันก่อน สนมเหยาสั่งให้คนทำลายพืชผลอื่น ๆ ที่ปลูกเอาไว้ทั้งหมดด้วยเพคะ”
"อะไรนะ ?"
สีหน้าของลู่ยุ๋นหลัวหมองหม่นลง
ตำหนักเย็นมีพื้นที่ทั้งหมด 300 หมู่
นอกจากข้าวสาลีที่ปลูกไว้ 100 หมู่แล้ว พื้นที่ 200 หมู่ที่เหลือ ก่อนที่จะออกจากวังไปก็ได้ปลูกพืชผักฤดูใบไม้ร่วงเอาไว้
โดยพื้นที่กว่า 100 หมู่ก็ได้ปลูกมันฝรั่งเอาไว้
ผลผลิตของมันฝรั่งมีมากเป็นห้าเท่าของข้าวสาลี !
เดิมทีนางวางแผนที่จะรอให้มันฝรั่งงอกโตออกมาพร้อมกับข้าวสาลีและแจกจ่ายให้กับพสกนิกรไปเพาะปลูก พอถึงเวลานั้นก็ค่อยทูลบอกข่าวแก่จี้อู๋เจวี๋ย
แต่ไม่คาดคิดว่าจะถูกสนมเหยานางผู้หญิงตัวร้ายคนนี้ทำลายทิ้งเสียจนหมด ?
ถ้าปลูกออกมาได้จริงโดยไม่ถูกทำลายไปก่อน นั่นก็เป็นธัญพืชถึง 7,500 ชึ !
ถ้าเอามาคำนวนเป็นกิโลกรัม นั่นเท่ากับธัญพืชมากกว่า 350,000 กิโลกรัม !
นั่นสามารถเลี้ยงผู้คนได้ตั้งกี่คน ?
ลู่ยุ๋นหลัวใบหน้าบึ้งตึงเดินตรงไปยังพื้นที่การเกษตร
ยังไม่ทันที่นางจะเดินเข้าไปดี นางหยุดห่างจากที่ไกล ๆ ก็เห็นสนมเหยายืนอยู่ข้าง ๆ โดยที่ข้ารับใช้ของนางก็กำลังแจกเงินตำลึงให้กับเหล่าขันทีและนางข้าหลวงที่กำลังเลิกงาน
ลู่ยุ๋นหลัวหรี่สายตามองจากระยะไกล
จากนั้นก็ตรงไปยังที่มุมของพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ
อ้างอิงคำนวณจากเวลาแล้ว พืชผักที่ปลูกก่อนหน้านี้ตอนนี้ก็ควรที่จะงอกต้นกล้าขึ้นมาแล้ว
แต่จากที่ดูตอนนี้ นอกจากพื้นที่ 100 หมู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ที่เริ่มงอกต้นกล้าสีเขียวของข้าวสาลีแล้ว พื้นที่ส่วนที่เหลือก็ถูกถางเป็นหน้าดินใหม่แล้วทั้งหมด
ไม่เเห็นแม้แต่เงาของต้นกล้าที่งอกขึ้นมาสักส่วน ?
สายตากวาดมองไปรอบ ๆ ก็เห็นต้นกล้าที่ถูกถอนออกมากองแห้งเป็นกองใหญ่ตรงที่ไม่ห่างไกลนัก
แห้งเฉาตายจนไม่รู้จะแห้งตายอย่างไรแล้ว !
"เสด็จพี่" สนมเหยาหลังจากเห็นลู่ยุ๋นหลัว ก็เดินเข้ามาหาด้วยตัวนางเอง
"เสด็จพี่ ท่านดูสิ ข้าวสาลีพวกนี้กำลังเติบโตดีขึ้นเรื่อย ๆ ปีหน้าหลังจากเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ก็จะสามารถสร้างประโยชน์แก่พสกนิกรได้แล้ว" สนมเหยามองดูข้าวสาลีในทุ่งด้วยความพึงพอใจอย่างมาก ราวกับว่านางไม่สังเกตเห็นใบหน้าเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ ของลู่ยุ๋นหลัว
"ข้าแต่ก่อนได้ปลูกพืชผักชนิดอื่นเอาไว้ เป็นเจ้าที่สั่งให้ข้ารับใช้ถอนทิ้งทั้งหมดงั้นรึ ?" ลู่ยุ๋นหลัวมองไปที่ใบหน้าที่ราวกับมีมารยาทอันอ่อนโยน พยายามอย่างเต็มที่ที่จะยับยั้งที่จะไม่ออกหมัดยกขึ้นชก
“อ้อ เจ้าพูดถึงพวกวัชพืชพวกนั้นน่ะเหรอ ? ข้าได้ยินมาจากเจ้าหน้าที่การเกษตร กล่าวว่าต้องรีบกำจัดวัชพืชในไร่เกษตรอย่างเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นสารอาหารในดินจะถูกแย่งไป พอถึงเวลาจะซึ่งส่งผลร้ายต่อการเจริญเติบโตของข้าวสาลี เจ้าเห็นไหม เสด็จน้องจัดการเป็นเช่นไรบ้าง ?"
"แย่งสารอาหาร?" ลู่ยุ๋นหลัวเกือบจะหัวเราะอย่างโกรธแค้นกับเหตุผลนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ยิน ว่าที่ดิน 300 หมู่ที่ปลูกข้าวสาลีเพียงแค่ 100 หมู่
แล้วผืนดินส่วนที่เหลืออีก 200 หมู่จำเป็นต้องรักษาสารอาหารในผืนดินให้แก่พืชผลที่ดิน 100 หมู่
ตรรกะป่วย ๆ แบบนี้ เกรงว่าเด็กสามขวบก็ยังไม่เชื่อเรื่องไร้สาระนี้เลยเถอะ?
เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ยังคงยิ้มเยาะอยู่ข้างหน้านาง นางก็ได้แต่ระงับความโกรธเอาไว้ในใจ
แม้ว่าสนมเหยาจะมาที่นี่มีจุดมุ่งหมายที่ข้าวสาลี มีจุดมุ่งหมายที่ตัวนาง แต่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำให้ธัญพืชให้เสียหายแบบนี้สิ ?
ดีมาก !
"เสด็จพี่ ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้าโกรธมาก แต่ท้ายที่สุดแล้วข้าวสาลีนี้ได้ฝากความหวังทั้งหมดของอาณาจักรตงหลานไว้ พืชผักประเภทอื่น ๆ ก็ต้องยอมให้กับข้าวสาลีอยู่แล้ว ต่อให้เจ้าไปทูลต่อฝ่าบาท ก็คงได้คำตอบเช่นนี้"
พูดได้ไม่กี่ประโยค สนมเหยาคนนี้ก็โยงข้าวสาลีเอามาพูดอีกจนได้
ในท้ายที่สุด ลู่ยุ๋นหลัวก็ได้แต่มองสนมเหยาอย่างลึกซึ้งพินิจพิเคราะห์
ช่างเถอะ !
อย่างไรก็ตาม ในมิติพิเศษของนางก็ยังมีมันฝรั่งที่ปลูกไว้อยู่
ก็แค่น่าเสียดายที่ต้องสูญเสียธัญพืชราว 50,000 กิโลกรัมไป !
นางไม่ได้พูดต่อปากต่อคำอะไรอีกพร้อมกับเดินกลับไปที่ห้องนอนของนางเองในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...
มาต่อหน่อยค่า...
รบกวนอัพต่อให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ...