ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 198

ในเมื่อนางคราวนี้พุ่งเล็งมายังข้าวสาลีของตำหนักเย็นอย่างไม่สะทกสะท้าน สนมเหยาจะต้องมั่นใจแล้วว่าลู่ยุ๋นหลัวต้องไม่มีวิธีในการรับมือกับนาง

ชื่อเสียงและเกียรติยศที่ตามมาหลังจากปลูกข้าวสาลีสำเร็จ สนมเหยาคงคิดว่าคุ้มค่ากับแผนการของนางแล้ว

“ใช่แล้วเพคะนายหญิง บ่าวยังได้ยินมาว่าไม่กี่วันก่อน สนมเหยาสั่งให้คนทำลายพืชผลอื่น ๆ ที่ปลูกเอาไว้ทั้งหมดด้วยเพคะ”

"อะไรนะ ?"

สีหน้าของลู่ยุ๋นหลัวหมองหม่นลง

ตำหนักเย็นมีพื้นที่ทั้งหมด 300 หมู่

นอกจากข้าวสาลีที่ปลูกไว้ 100 หมู่แล้ว พื้นที่ 200 หมู่ที่เหลือ ก่อนที่จะออกจากวังไปก็ได้ปลูกพืชผักฤดูใบไม้ร่วงเอาไว้

โดยพื้นที่กว่า 100 หมู่ก็ได้ปลูกมันฝรั่งเอาไว้

ผลผลิตของมันฝรั่งมีมากเป็นห้าเท่าของข้าวสาลี !

เดิมทีนางวางแผนที่จะรอให้มันฝรั่งงอกโตออกมาพร้อมกับข้าวสาลีและแจกจ่ายให้กับพสกนิกรไปเพาะปลูก พอถึงเวลานั้นก็ค่อยทูลบอกข่าวแก่จี้อู๋เจวี๋ย

แต่ไม่คาดคิดว่าจะถูกสนมเหยานางผู้หญิงตัวร้ายคนนี้ทำลายทิ้งเสียจนหมด ?

ถ้าปลูกออกมาได้จริงโดยไม่ถูกทำลายไปก่อน นั่นก็เป็นธัญพืชถึง 7,500 ชึ !

ถ้าเอามาคำนวนเป็นกิโลกรัม นั่นเท่ากับธัญพืชมากกว่า 350,000 กิโลกรัม !

นั่นสามารถเลี้ยงผู้คนได้ตั้งกี่คน ?

ลู่ยุ๋นหลัวใบหน้าบึ้งตึงเดินตรงไปยังพื้นที่การเกษตร

ยังไม่ทันที่นางจะเดินเข้าไปดี นางหยุดห่างจากที่ไกล ๆ ก็เห็นสนมเหยายืนอยู่ข้าง ๆ โดยที่ข้ารับใช้ของนางก็กำลังแจกเงินตำลึงให้กับเหล่าขันทีและนางข้าหลวงที่กำลังเลิกงาน

ลู่ยุ๋นหลัวหรี่สายตามองจากระยะไกล

จากนั้นก็ตรงไปยังที่มุมของพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ

อ้างอิงคำนวณจากเวลาแล้ว พืชผักที่ปลูกก่อนหน้านี้ตอนนี้ก็ควรที่จะงอกต้นกล้าขึ้นมาแล้ว

แต่จากที่ดูตอนนี้ นอกจากพื้นที่ 100 หมู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ที่เริ่มงอกต้นกล้าสีเขียวของข้าวสาลีแล้ว พื้นที่ส่วนที่เหลือก็ถูกถางเป็นหน้าดินใหม่แล้วทั้งหมด

ไม่เเห็นแม้แต่เงาของต้นกล้าที่งอกขึ้นมาสักส่วน ?

สายตากวาดมองไปรอบ ๆ ก็เห็นต้นกล้าที่ถูกถอนออกมากองแห้งเป็นกองใหญ่ตรงที่ไม่ห่างไกลนัก

แห้งเฉาตายจนไม่รู้จะแห้งตายอย่างไรแล้ว !

"เสด็จพี่" สนมเหยาหลังจากเห็นลู่ยุ๋นหลัว ก็เดินเข้ามาหาด้วยตัวนางเอง

"เสด็จพี่ ท่านดูสิ ข้าวสาลีพวกนี้กำลังเติบโตดีขึ้นเรื่อย ๆ ปีหน้าหลังจากเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ก็จะสามารถสร้างประโยชน์แก่พสกนิกรได้แล้ว" สนมเหยามองดูข้าวสาลีในทุ่งด้วยความพึงพอใจอย่างมาก ราวกับว่านางไม่สังเกตเห็นใบหน้าเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ ของลู่ยุ๋นหลัว

"ข้าแต่ก่อนได้ปลูกพืชผักชนิดอื่นเอาไว้ เป็นเจ้าที่สั่งให้ข้ารับใช้ถอนทิ้งทั้งหมดงั้นรึ ?" ลู่ยุ๋นหลัวมองไปที่ใบหน้าที่ราวกับมีมารยาทอันอ่อนโยน พยายามอย่างเต็มที่ที่จะยับยั้งที่จะไม่ออกหมัดยกขึ้นชก

“อ้อ เจ้าพูดถึงพวกวัชพืชพวกนั้นน่ะเหรอ ? ข้าได้ยินมาจากเจ้าหน้าที่การเกษตร กล่าวว่าต้องรีบกำจัดวัชพืชในไร่เกษตรอย่างเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นสารอาหารในดินจะถูกแย่งไป พอถึงเวลาจะซึ่งส่งผลร้ายต่อการเจริญเติบโตของข้าวสาลี เจ้าเห็นไหม เสด็จน้องจัดการเป็นเช่นไรบ้าง ?"

"แย่งสารอาหาร?" ลู่ยุ๋นหลัวเกือบจะหัวเราะอย่างโกรธแค้นกับเหตุผลนี้

นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ยิน ว่าที่ดิน 300 หมู่ที่ปลูกข้าวสาลีเพียงแค่ 100 หมู่

แล้วผืนดินส่วนที่เหลืออีก 200 หมู่จำเป็นต้องรักษาสารอาหารในผืนดินให้แก่พืชผลที่ดิน 100 หมู่

ตรรกะป่วย ๆ แบบนี้ เกรงว่าเด็กสามขวบก็ยังไม่เชื่อเรื่องไร้สาระนี้เลยเถอะ?

เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ยังคงยิ้มเยาะอยู่ข้างหน้านาง นางก็ได้แต่ระงับความโกรธเอาไว้ในใจ

แม้ว่าสนมเหยาจะมาที่นี่มีจุดมุ่งหมายที่ข้าวสาลี มีจุดมุ่งหมายที่ตัวนาง แต่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำให้ธัญพืชให้เสียหายแบบนี้สิ ?

ดีมาก !

"เสด็จพี่ ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้าโกรธมาก แต่ท้ายที่สุดแล้วข้าวสาลีนี้ได้ฝากความหวังทั้งหมดของอาณาจักรตงหลานไว้ พืชผักประเภทอื่น ๆ ก็ต้องยอมให้กับข้าวสาลีอยู่แล้ว ต่อให้เจ้าไปทูลต่อฝ่าบาท ก็คงได้คำตอบเช่นนี้"

พูดได้ไม่กี่ประโยค สนมเหยาคนนี้ก็โยงข้าวสาลีเอามาพูดอีกจนได้

ในท้ายที่สุด ลู่ยุ๋นหลัวก็ได้แต่มองสนมเหยาอย่างลึกซึ้งพินิจพิเคราะห์

ช่างเถอะ !

อย่างไรก็ตาม ในมิติพิเศษของนางก็ยังมีมันฝรั่งที่ปลูกไว้อยู่

ก็แค่น่าเสียดายที่ต้องสูญเสียธัญพืชราว 50,000 กิโลกรัมไป !

นางไม่ได้พูดต่อปากต่อคำอะไรอีกพร้อมกับเดินกลับไปที่ห้องนอนของนางเองในทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น