ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 216

ปรนนิบัติ ?

ลู่ยุ๋นหลัวพริบตาก็ตาสว่างตื่นขึ้นทันที

ชายที่อยู่ต่อหน้าคนนี้ไม่ใช่ชายที่หล่อธรรมดา แต่เป็นจี้อู๋เจวี๋ยองค์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรตงหลาน !

พอนอนกับเขาแล้วไม่พอพระทัยขึ้นมาก็จะมาเอาเงินกับนางประเภทนั้น !

พอนางนึกถึงคราวก่อนก็เกือบโดนเขาหลอกแล้ว

ถ้าคืนเดียวมีค่าถึงทองพันชั่ง ต่อให้เอาตัวนางไปขายก็เอาเงินมาคืนไม่ไหว

นางสีหน้าลำบากใจพร้อมกับคลำไปที่ตั๋วเงินที่ได้มาจากสนมเหยา เงินก้อนนี้นางเอาไว้เป็นทุนสำหรับตั้งตัวเมื่อออกจากวังไปแล้ว

พอมองไปที่พระพักตร์ที่หล่อเหลาอันเศร้าหมองนางก็พูดอย่างระมัดระวัง "ฝ่าบาท เงินของหม่อมฉันอาจไม่พอกระมังคะ"

นางจำได้ว่านางเคยพูดไว้ ว่าต่อให้ทองหมื่นชั่งก็คงเทียบได้แค่พระเกศาของจี้อู๋เจวี๋ยเส้นเดียวเท่านั้น

เห็นได้ชัดว่าเงินน้อยนิดก้อนนี้ของนางขนาดพระเกศาเส้นหนึ่งของจี้อู๋เจวี๋ยก็ยังไม่คู่ควร

จี้อู๋เจวี๋ยทรงตกตะลึงเล็กน้อย

เมื่อคิดถึงเขาแต่ก่อนที่เคยตรัสไว้ว่าการเหมาตัวเขาทั้งคืนใช้เงินถึง 3,000 ตำลึงและยังบอกอีกว่าใช้ร่างกายในการใช้หนี้

นางคนนี้คงไม่คิดว่านางปรนนิบัติครั้งหนึ่งจะต้องให้นางชำระเงินครั้งหนึ่งหรอกนะ ?

ไม่น่าแปลกใจที่นางไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เขาอยู่ตลอด

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ พระพักตร์ที่เศร้าหมองของเขาก็ค่อย ๆ ดีขึ้น

เขาทรงโอบรัดไปที่เอวของลู่ยุ๋นหลัวพร้อมกับทรงเดินใบที่เตียงผืนใหญ่

หลังจากวางนางลงบนเตียงโดยร่างกายก็ถูกเขากดเอาไว้

พระเนตรของเขาที่ลึกล้ำราวกับแอ่งน้ำเย็นเยียบอันไร้ก้นบึ้งกลับมองนางด้วยสายพระเนตรอันร้อนแรง

"ไม่ต้องใช้เงินหรอก !"

จี้อู๋เจวี๋ยก้มพระเศียรของและต้องการประกบริมฝีปากสีแดงที่อ่อนนุ่มตรงเบื้องพระพักตร์ของเขา

พระพักตร์ที่หล่อเหลาอันน่าหลงใหลค่อย ๆ เข้าใกล้นางไปทีละนิด ๆ

"เดี๋ยว...เดี๋ยวก่อน..."

แม้ว่าการขัดจังหวะในเวลานี้จะทำให้เสียอารมณ์เป็นอย่างมาก

แต่ลู่ยุ๋นหลัวไม่มีทางเลือก

นางก็ไม่รู้ว่าอะไรอยู่ใต้เอวของนางจนมันแยงมาที่เอวของนางจนเจ็บไปหมด

โดยไม่สนใจพระพักตร์ที่เศร้าหมองของจี้อู๋เจวี๋ย นางรีบเอื้อมมือไปด้านหลังเอวและดึงสิ่งที่อยู่ใต้ร่างกายของนางออกมาในที่สุด

นางหยิบสิ่งนั้นเผยต่อเบื้องพระพักตร์ของจี้อู๋เจวี๋ยอย่างมีความสุขมาก "ดูสิเพคะ ของสิ่งนี้มันแยงอยู่ที่เอวของหม่อมฉันอยู่เพคะ"

ความหมายของคำพูดนี้คือนางไม่ได้ตั้งใจที่จะขัดจังหวะ

เจ้าอย่ามาโทษข้า

ขณะที่พูดอยู่นั้น ลู่ยุ๋นหลัวก็ชำเลืองมองสิ่งของที่อยู่ในมือของนาง

เพียงเหลือบเห็น ทันใดนั้นนางก็แทบจะกระอักเลือดออกมา

สิ่งที่นางถืออยู่ในมือ คือตำราเล่มเก่านั้นที่นางเคยวาดไว้ !

ความคิดอยากจะตายของลู่ยุ๋นหลัวก็มีขึ้นมาในใจแล้วเช่นกัน

นางไม่คิดก็รู้ได้ทันที ว่าต้องเป็นแม่นมโจวพอเห็นฝ่าบาทเสด็จมาก็คงแอบเอาตำราเล่มนี้มาวางไว้บนเตียงของนาง !

จี้อู๋เจวี๋ยหยิบหนังสือจากมือของลู่ยุ๋นหลัวด้วยพระพักตร์อารมณ์ที่ใจเย็น

อีกทั้งยังตั้งใจเปิดดูตำราหน้าที่ลู่ยุ๋นหลัวเปิดไว้

ลู่ยุ๋นหลัวหน้าแดงก่ำ

ฝ่าบาท !

ได้โปรดท่านอย่าดูอีกเลย !

จะไม่ไว้หน้านางเลยเหรอ ?

น่าเสียดาย แน่นอนว่าจี้อู๋เจวี๋ยไม่มีทางที่จะไว้หน้านาง

หลังจากดูแล้วก็ยังตรัสชมเชยเป็นพิเศษอีก "วาดได้ไม่เลว"

ลู่ยุ๋นหลัวตอนนนี้ไม่มีหน้าที่จะไปพบผู้คนแล้ว

ตำรานั้นถูกโยนไปด้านข้าง จี้อู๋เจวี๋ยโน้มตัวลงอีกครั้งพร้อมกับสายพระเนตรอันร้อนแรงที่จับจ้องนาง "สนมคนโปรดจะลองดูสักหน่อยไหม ?"

ลู่ยุ๋นหลัวรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว

ลองบ้าอะไร !

ตำราเล่มนั้นนางวาดเพื่อไปขายทำงาน ไม่ได้ให้เอามาใช้กับตัวของนางเอง

จี้อู๋เจวี๋ยก้มพระเศียรลงและค่อย ๆ เขยิบพระพักตร์เข้าใกล้ริมฝีปากสีแดง

หัวใจของนางเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง

มันจบแล้ว !

ทำไมขาของนางถึงอ่อนนุ่ม ?

ภายในใจมีสองเสียงที่ดุเดือดเถียงกันอยู่

เสียงหนึ่งได้เอ่ยบอก หลับตาและเสพสุขไปเถอะ เป็นถึงชายรูปหล่อแห่งพรหมลิขิต !

อีกเสียงหนึ่งได้เอ่ยบอกขึ้นมา ผลักเขาออกไป ! แม้ว่าเขาจะไม่ได้ต้องการเงิน แต่เขาก็เป็นผักกาดขาวต้นหนึ่งที่ถูกคนอื่นรุมแทะ !

แต่ว่าก็หล่อมากจริง ๆ!

ทำอย่างไรดี ?

ลู่ยุ๋นหลัวต่อสู้อย่างหนักภายในใจของนาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น