ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 221

นายหญิงฮองเฮาท่านนี้เป็นบุตรสาวของอดีตอัครมหาเสนาบดีลู่ เขาไม่เคยได้เลยยินว่าอัครมหาเสนาบดีลู่ส่งนางไปเรียนแพทย์ด้วย ?

แม้ว่าในใจของเก่อเทียนจะยังสงสัยอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้

คนอื่นหลังจากได้ยินสิ่งที่ผู้เฒ่าเก่อพูดก็ไม่ได้ลังเลอะไรอีกพร้อมกับรีบสวมใส่ทันที

ถึงอย่างไรอีกสักพักพวกเขาก็ต้องไปยังสถานที่ที่เกิดการระบาดร้ายแรงที่สุด

หากสามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้

การใส่ไว้แม้จะไม่สบายสักนิดหน่อยก็ไม่เป็นไร

หลิวยู่ชึเมื่อเห็นผู้เฒ่าเก่อพูดถึงขั้นนี้ ดังนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมอีก

ผู้เฒ่าเก่อคนนี้ได้รับความเคารพอย่างสูง ในเมื่อเขาพูดเช่นนั้น ก็บอกชัดแล้วว่ามีเหตุมีผลของมัน

แม้ว่าเขาจะรู้สึกขัดใจ แต่สุดท้ายก็สวมใส่อยู่ดี

อย่างไรก็ตาม เขาและผู้เฒ่าเก่อยังรู้สึกสงสัยอยู่ดี ว่าทำไมของแปลกประหลาดเช่นนี้นายหญิงฮองเฮาถึงรู้จักได้ ?

หลังจากที่ผ่านมาหลายวัน เขาก็พบว่านายหญิงฮองเฮาท่านนี้ได้ต่างไปจากอิสตรีทั่วไปอยู่บ้าง

จนในขณะนี้เขาก็ได้เหลือบมองลู่ยุ๋นหลัวอยู่หลายครั้ง

ผู้คนก็เริ่มออกเดินทางต่อ

เมื่อมาถึงปากประตูอำเภอไท่หลิง ประตูเมืองไท่หลิงยังคงถูกปิดอย่างแน่นหนา แม้จะอยู่ห่างออกมาไกลก็ยังเห็นเปลวไฟและกลุ่มควันที่ล่องลอยอยู่เต็มผืนฟ้า

ขณะที่สับสนอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชและเสียงโหยหวนอันน่าหวาดกลัวอยู่ภายใน

แต่ทหารอารักขาที่ประจำการอยู่ด้านนอกประตูเมืองกลับมีท่าทีเหมือนกับไม่ได้ยินอะไรเลยอย่างใดอย่างนั้น ราวกับต่อให้เสียงคร่ำครวญนั้นลั่นฟ้าสะเทือนดินก็ไม่แยแสแม้แต่น้อย

สีหน้าลู่ยุ๋นหลัวขุ่นหมองในทันใด นางรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างร้ายแรงเกิดขึ้นภายใน

สีหน้าหลิวยู่ชึก็ยากที่จะดูได้เช่นเดียวกัน

เขาไม่ต้องรอคำสั่งของลู่ยุ๋นหลัว ก็รีบเข้าไปถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน

เดิมทีทหารอารักขาไม่กี่นายเหล่านั้นก็ไม่ได้เตรียมตัวที่จะสนใจกับหลิวยู่ชึอยู่แล้ว

แต่หลังจากเห็นเอกสารราชการที่หลิวยู่ชึนำออกมา พวกเขาก็รีบคุกเข่าด้วยความตกใจทันที

อย่างไรก็ตาม ทหารอารักขาเหล่านี้ก็ทำงานกะกลางคืน

ก็เลยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน

พวกเขาบอกเพียงแค่เรื่องที่เจ้าอำเภอเฉาได้ออกจากเมืองไป

หลิวยู่ชึก็สีหน้าจริงจังขึ้นมา

เมื่อพิจารณาจากประสบการณ์หลายปีในฐานะข้าราชการ เฉาจือต๋าคนนี้เกรงว่าจะทำเรื่องผิดมหันต์ร้ายแรงอะไรเลยรีบหนีไปก่อนแล้ว

เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องราวกับไม่มีที่สิ้นสุด เขาก็พูดอย่างโกรธเคือง "ยังไม่รีบเปิดประตูเมืองอีก ?"

"แต่ว่า เจ้าอำเภอเฉาได้สั่งไว้ว่าไม่ให้เปิดประตูหากไม่มีคำสั่งของเขา อีกทั้งตอนนี้โรคระบาดก็กำลังลุกลามอยู่ภายใน ถ้าประตูเมืองเปิดออก..." ทหารอารักขาคนนั้นยังไม่ทันพูดจบก็ถูกหลิวยู่ชึทีบล้มไปกองกับพื้นอย่างแรง

ตอนนี้มันเวลาอะไร !

ยังจะอ้างเจ้าอำเภอเฉาอยู่อีก !

หากยังไม่เปิดประตูและปล่อยให้พวกเขาเข้าไปช่วยชีวิตผู้คน ป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าต้องตายไปกี่ชีวิตแล้ว !

“เปิดประตูเมือง !” หลิวยู่ชึคำรามด้วยความโกรธ

ในที่สุดประตูเมืองก็เปิดออกช้า ๆ

เดิมทีเสียงกรีดร้องอันน่าสมเพชที่ถูกประตูเมืองปิดกั้นเอาไว้ ไม่ว่าจะเสียงร้องไห้รวมไปถึงเสียงดังลั่นที่ผสมปนเปกัน เพียงพริบตาก็เหมือนกับเสียงที่ปรับให้ดังเป็นสิบเท่ากระจายไปถึงหูของทุกคนในทันที ทำให้ผู้คนส่งเสียงฮือฮา

ยังไม่ทันเดินเข้าสู่ประตูเมือง ก็สัมผัสได้ถึงความน่าเวทนาและความเจ็บปวดของผู้คนที่กระจายไปทุกหย่อมหญ้า

ในเวลานี้ท้องฟ้าได้สว่างแล้ว

ภายในเมืองรอบด้านต่างก็ลุกโชนไปด้วยเปลวไฟและกลุ่มควันพวยพุ่งสู่ท้องฟ้า

สีแดงฉานของเปลวเพลิงได้ย้อมเผากว่าครึ่งเมืองจนเป็นสีแดง

บนพื้นมีผู้บาดเจ็บอยู่ทุกที่

บางคนก็ถูกไฟไหม้ บางคนก็เลือดตกยางออก บางคนก็นอนหายใจรวยรินนอนรอความตายที่พื้น

แต่ก็ยังมีผู้ที่รอดพ้นจากภัยพิบัติมาได้ แต่สมาชิกในครอบครัวของพวกเขาทั้งหมดก็เสียชีวิตในเปลวเพลิง

ที่ข้างหูยังคงได้ยินเสียงร้องไห้ที่แหบแห้งราวกับตะโกนจนสุดชีวิตดังไปทั่ว

ความสิ้นหวัง เสียงกู่ร้องและความเจ็บปวด

ราวกับเลือดที่ได้ยอมไปทั่วทั้งเมืองไท่หลิง

ไม่ต้องให้ลู่ยุ๋นหลัวรับสั่งใด ผู้เฒ่าเก่อก็รีบสั่งการเหล่าแพทย์ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาให้เริ่มรักษาผู้บาดเจ็บทันที

แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เขากลับไม่เห็นเหล่าแพทย์ที่ท่านอ๋องเฉินนำขบวนพลมากลุ่มแรกเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น