นายหญิงฮองเฮาท่านนี้เป็นบุตรสาวของอดีตอัครมหาเสนาบดีลู่ เขาไม่เคยได้เลยยินว่าอัครมหาเสนาบดีลู่ส่งนางไปเรียนแพทย์ด้วย ?
แม้ว่าในใจของเก่อเทียนจะยังสงสัยอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
คนอื่นหลังจากได้ยินสิ่งที่ผู้เฒ่าเก่อพูดก็ไม่ได้ลังเลอะไรอีกพร้อมกับรีบสวมใส่ทันที
ถึงอย่างไรอีกสักพักพวกเขาก็ต้องไปยังสถานที่ที่เกิดการระบาดร้ายแรงที่สุด
หากสามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้
การใส่ไว้แม้จะไม่สบายสักนิดหน่อยก็ไม่เป็นไร
หลิวยู่ชึเมื่อเห็นผู้เฒ่าเก่อพูดถึงขั้นนี้ ดังนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมอีก
ผู้เฒ่าเก่อคนนี้ได้รับความเคารพอย่างสูง ในเมื่อเขาพูดเช่นนั้น ก็บอกชัดแล้วว่ามีเหตุมีผลของมัน
แม้ว่าเขาจะรู้สึกขัดใจ แต่สุดท้ายก็สวมใส่อยู่ดี
อย่างไรก็ตาม เขาและผู้เฒ่าเก่อยังรู้สึกสงสัยอยู่ดี ว่าทำไมของแปลกประหลาดเช่นนี้นายหญิงฮองเฮาถึงรู้จักได้ ?
หลังจากที่ผ่านมาหลายวัน เขาก็พบว่านายหญิงฮองเฮาท่านนี้ได้ต่างไปจากอิสตรีทั่วไปอยู่บ้าง
จนในขณะนี้เขาก็ได้เหลือบมองลู่ยุ๋นหลัวอยู่หลายครั้ง
ผู้คนก็เริ่มออกเดินทางต่อ
เมื่อมาถึงปากประตูอำเภอไท่หลิง ประตูเมืองไท่หลิงยังคงถูกปิดอย่างแน่นหนา แม้จะอยู่ห่างออกมาไกลก็ยังเห็นเปลวไฟและกลุ่มควันที่ล่องลอยอยู่เต็มผืนฟ้า
ขณะที่สับสนอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชและเสียงโหยหวนอันน่าหวาดกลัวอยู่ภายใน
แต่ทหารอารักขาที่ประจำการอยู่ด้านนอกประตูเมืองกลับมีท่าทีเหมือนกับไม่ได้ยินอะไรเลยอย่างใดอย่างนั้น ราวกับต่อให้เสียงคร่ำครวญนั้นลั่นฟ้าสะเทือนดินก็ไม่แยแสแม้แต่น้อย
สีหน้าลู่ยุ๋นหลัวขุ่นหมองในทันใด นางรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างร้ายแรงเกิดขึ้นภายใน
สีหน้าหลิวยู่ชึก็ยากที่จะดูได้เช่นเดียวกัน
เขาไม่ต้องรอคำสั่งของลู่ยุ๋นหลัว ก็รีบเข้าไปถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน
เดิมทีทหารอารักขาไม่กี่นายเหล่านั้นก็ไม่ได้เตรียมตัวที่จะสนใจกับหลิวยู่ชึอยู่แล้ว
แต่หลังจากเห็นเอกสารราชการที่หลิวยู่ชึนำออกมา พวกเขาก็รีบคุกเข่าด้วยความตกใจทันที
อย่างไรก็ตาม ทหารอารักขาเหล่านี้ก็ทำงานกะกลางคืน
ก็เลยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน
พวกเขาบอกเพียงแค่เรื่องที่เจ้าอำเภอเฉาได้ออกจากเมืองไป
หลิวยู่ชึก็สีหน้าจริงจังขึ้นมา
เมื่อพิจารณาจากประสบการณ์หลายปีในฐานะข้าราชการ เฉาจือต๋าคนนี้เกรงว่าจะทำเรื่องผิดมหันต์ร้ายแรงอะไรเลยรีบหนีไปก่อนแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องราวกับไม่มีที่สิ้นสุด เขาก็พูดอย่างโกรธเคือง "ยังไม่รีบเปิดประตูเมืองอีก ?"
"แต่ว่า เจ้าอำเภอเฉาได้สั่งไว้ว่าไม่ให้เปิดประตูหากไม่มีคำสั่งของเขา อีกทั้งตอนนี้โรคระบาดก็กำลังลุกลามอยู่ภายใน ถ้าประตูเมืองเปิดออก..." ทหารอารักขาคนนั้นยังไม่ทันพูดจบก็ถูกหลิวยู่ชึทีบล้มไปกองกับพื้นอย่างแรง
ตอนนี้มันเวลาอะไร !
ยังจะอ้างเจ้าอำเภอเฉาอยู่อีก !
หากยังไม่เปิดประตูและปล่อยให้พวกเขาเข้าไปช่วยชีวิตผู้คน ป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าต้องตายไปกี่ชีวิตแล้ว !
“เปิดประตูเมือง !” หลิวยู่ชึคำรามด้วยความโกรธ
ในที่สุดประตูเมืองก็เปิดออกช้า ๆ
เดิมทีเสียงกรีดร้องอันน่าสมเพชที่ถูกประตูเมืองปิดกั้นเอาไว้ ไม่ว่าจะเสียงร้องไห้รวมไปถึงเสียงดังลั่นที่ผสมปนเปกัน เพียงพริบตาก็เหมือนกับเสียงที่ปรับให้ดังเป็นสิบเท่ากระจายไปถึงหูของทุกคนในทันที ทำให้ผู้คนส่งเสียงฮือฮา
ยังไม่ทันเดินเข้าสู่ประตูเมือง ก็สัมผัสได้ถึงความน่าเวทนาและความเจ็บปวดของผู้คนที่กระจายไปทุกหย่อมหญ้า
ในเวลานี้ท้องฟ้าได้สว่างแล้ว
ภายในเมืองรอบด้านต่างก็ลุกโชนไปด้วยเปลวไฟและกลุ่มควันพวยพุ่งสู่ท้องฟ้า
สีแดงฉานของเปลวเพลิงได้ย้อมเผากว่าครึ่งเมืองจนเป็นสีแดง
บนพื้นมีผู้บาดเจ็บอยู่ทุกที่
บางคนก็ถูกไฟไหม้ บางคนก็เลือดตกยางออก บางคนก็นอนหายใจรวยรินนอนรอความตายที่พื้น
แต่ก็ยังมีผู้ที่รอดพ้นจากภัยพิบัติมาได้ แต่สมาชิกในครอบครัวของพวกเขาทั้งหมดก็เสียชีวิตในเปลวเพลิง
ที่ข้างหูยังคงได้ยินเสียงร้องไห้ที่แหบแห้งราวกับตะโกนจนสุดชีวิตดังไปทั่ว
ความสิ้นหวัง เสียงกู่ร้องและความเจ็บปวด
ราวกับเลือดที่ได้ยอมไปทั่วทั้งเมืองไท่หลิง
ไม่ต้องให้ลู่ยุ๋นหลัวรับสั่งใด ผู้เฒ่าเก่อก็รีบสั่งการเหล่าแพทย์ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาให้เริ่มรักษาผู้บาดเจ็บทันที
แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เขากลับไม่เห็นเหล่าแพทย์ที่ท่านอ๋องเฉินนำขบวนพลมากลุ่มแรกเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออ่านอยู่นะคะ...
ชอบเรื่องนี้มากนางเอกไม่อยากอยู่ในวัง..มาอัพต่อนะคะรออ่านค่ะ......
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...