ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 222

นอกจากกำลังพลที่ตนเองนำมาแล้ว เขายังหาคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บร่วมมือกัน จากนั้นก็ไปยังจวนอำเภอ

ข้างในเป็นอาคารที่ว่างเปล่าไม่มีคนตั้งนานแล้ว

โชคดีที่ยังพบกุนซือของอำเภอไท่หลิง

หลังจากนำเอกสาราชการออกมา อำนาจการจัดการของอำเภอไท่หลิงทั้งหมดก็ถูกหลิวยู่ชึเข้าควบคุมเป็นการชั่วคราว

อำเภอไท่หลิงมีเต็นท์เตรียมไว้อยู่ไม่น้อยตลอดทั้งปี ไม่นานักหลิวยู่ชึก็จัดให้คนไปตั้งเต็นท์ที่ตอนใต้ของเมือง

โชคดีที่เขตผู้ป่วยที่แยกออกมาไม่ได้ถูกไฟลามไหม้

หลิวยู่ชึยังให้ผู้ใต้บังคับบัญชารวบรวมแม่นางบางส่วนตั้งครัวต้มน้ำขึ้นในหลายแห่งเพื่อทำอาหารและแจกจ่ายโจ๊กข้าว

ก่อนที่ฝนจะตกลงมา เต็นท์ทั้งหมดก็ล้วนถูกกางไว้เสร็จหมดแล้ว

ทางตอนใต้ของเมืองเพียงแห่งเดียวก็มีเต็นท์กางไว้เกือบร้อยหลัง

และยังมีเต็นท์ผ้าขนาดใหญ่อีกหลายสิบหลัง

ภายใต้คำสั่งของผู้เฒ่าถัง ผู้บาดเจ็บทั้งหมดถูกย้ายไปยังเต็นท์ต่าง ๆ ตามความรุนแรงสาหัสของบาดแผล

แม้ว่าการแพร่ระบาดจะรุนแรงในขณะนี้ แต่ถ้าตามหลักเหตุผลแล้วก็ไม่ควรให้ผู้บาดเจ็บทั้งหมดอยู่ในเต็นท์เดียวกัน

แต่สถานการณ์ปัจจุบันไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้อีกแล้ว

ไม่ว่าจะอย่างไรเอาชีวิตให้รอดก่อนอย่างอื่นก็ค่อยว่ากัน

โชคดีที่บริเวณโดยรอบของบ่อเกรอะนั้นไม่ใช่ย่านที่อยู่อาศัย แต่ถึงกระนั้น สถานการณ์ผู้บาดเจ็บก็ยังน่าเวทนาเกินกว่าที่จะทนดูได้

เมื่อฟังจากผู้รอดชีวิตได้กล่าวไว้ ในเวลาคืนนั้นมีคนเห็นเจ้าอำเภอเฉาพยายามหลบหนีออกจากเมือง

ผู้คนหลายคนได้ลุกขึ้นจากเตียงมายังถนนเพื่อล้อมจับข้าราชการสันดานหมาคนนั้น

แต่ต่อมาสถานที่หลายแห่งก็เกิดไฟไหม้ ทุกคนก็วุ่นอยู่กับการขนน้ำไปดับไฟ แถวนี้มีแม่น้ำร้างอยู่สายหนึ่ง พอเหมาะพอเจาะที่เอามาดับไฟได้

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงระเบิดขึ้นโดยไม่คาดคิด

คลื่นความร้อนขนาดใหญ่และคลื่นกระแทกได้ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยลอยขึ้นไปในอากาศตรงจุดนั้น

มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน

ตอนนี้ไฟขนาดใหญ่ทุกที่ในอำเภอไท่หลิงยังคงเผาไหม้ลุกลามตามอำเภอใจของมัน

เพราะทุกคนต่างก็กำลังยุ่งอยู่กับการช่วยชีวิตคน

มีคนจำนวนน้อยบางส่วนที่ไปที่แม่น้ำเพื่อตักน้ำมาราด แต่ก็เป็นเพียงน้ำแก้วนึงกับรถขนฟืนที่ไฟไหม้(น้ำแก้วนึงกับรถขนฟืนที่ไฟไหม้ หมายถึง น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ)

ผู้คนต่างเฝ้าดูเปลวเพลิงที่ดุร้ายจากที่ไกล ๆ ที่ค่อย ๆ กลืนกินสถานที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่มาตลอดชีวิตจนเหลือแต่เพียงเถ้าถ่าน

เปรี้ยง ๆ

ท้องฟ้าคำรามกึกก้อง

ห่าฝนที่ตกหนักท่ามกล่างความสิ้นหวังอย่างไร้หนทางช่วยเหลือได้ตกลงมาดัง ซ่า ซ่า

หลายคนเฝ้าดูสายฝนที่โปรยปรายมาซึ่งสายเกินไปพร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมาอย่างไร้ซุ่มเสียง

หากห่าฝนตกได้เร็วกว่านี้ ญาติของพวกเขาก็คงไม่ถูกไฟคลอกตายหรอกใช่ไหม ?

เหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นหรอกใช่ไหม ?

ฝนตกหนักห่าใหญ่นี้ ดูเหมือนราวกับร้องไห้คร่ำครวญเบา ๆ ให้แก่เมืองที่ย้อมไปด้วยเลือดแห่งนี้

เมื่อพูดขึ้นมามันก็ช่างเป็นที่น่าขำขันจริง ๆ

โรคระบาดไม่ได้ครอบงำผู้คนแห่งอำเภอไท่หลิง

แต่กลับเป็นนายอำเภอเฉาเพียงผู้เดียวที่ผลักพวกเขาลงเหวอย่างง่ายดาย

ก็คงจะไม่พูดไม่ได้ ว่าบางครั้งภัยพิบัติที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ยังทำให้คนกลัวได้มากกว่าภัยธรรมชาติเสียอีก

ฝนตกตลอดทั้งวันก่อนจะหยุดไป

เมืองที่เคยรุ่งเรืองกลับเต็มไปด้วยซากพังทลาย

ต่อให้เจ็บปวดมากแค่ไหน ผู้ที่มีชีวิตอยู่รอดก็ยังคงต้องก้ำกลืนมีชีวิตต่อไป

ในตอนหัวค่ำ

ข่าวลือแพร่สะพัดออกไปที่ไม่รู้ว่าเริ่มมาจากไหน

กล่าวว่าเหตุไฟไหม้ครั้งนี้เกิดขึ้นโดยไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า ราชสำนักต้องการจุดไฟเผาเมืองเพื่อแก้ปัญหาทั้งหมด เลยให้เจ้าเจ้าอำเภอเฉาทำเช่นนั้น

เนื่องจากโรคระบาดที่แห่งนี้ของพวกเขาได้ลุกลามไปจนถึงจุดที่ราชสำนักไม่สามารถควบคุมได้

แม้แต่ท่านอ๋องเฉินก็ติดโรคระบาดแล้วเช่นกัน

ข่าวลือนี้ได้ทำให้ประชาชนตื่นตระหนก

ตามประวัติศาสตร์ของอาณาจักรตงหลาน ไม่ใช่ว่าเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ยิ่งไปกว่านั้น อำเภอไท่หลิงยังถูกปิดเมืองมาเป็นเวลานานแล้ว

ใครก็ล้วนไม่สามารถออกจากเมืองได้

ในเวลานั้น เนื่องจากผู้คนไว้วางใจท่านอ๋องเฉิน ดังนั้นแม้ว่าจะมีเสียงคัดค้านอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ก่อให้เป็นเรื่องอะไรขึ้น

บทที่ 222 1

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น