ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 37

ปากเขาก็มีจะพูดให้ชัดหน่อยจะยากตรงไหน !

ขณะที่ลู่ยุ๋นหลัวนำจดหมายที่ได้รับมากลับไปที่ตำหนักเย็น ในหัวของนางก็ยังคงมีแต่ภาพของร่างของชายในชุดสีเงินอยู่ตลอดเวลา บางทีเจ้าของตำหนักเดิมกับท่านอ๋องเฉินอาจมีอะไรที่ไม่ง่ายอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน

ปมหลักของปัญหาก็คงเป็นความทรงจำของนางที่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่านางไปเกี่ยวข้องด้วยตั้งแต่เมื่อใด

ซึ่งนางก็คาดเดาไว้ว่า อาจเป็นเพราะตั้งแต่นางหลุดมิติเข้ามา ความทรงจำของนางอาจจะปะติดปะต่อกันไม่สมบูรณ์

โดยที่นางก็ไม่รู้ว่าความทรงจำที่ไม่สมบูรณ์นี้มันเกิดขึ้นหลังจากที่นางหลุดมิติเข้ามา หรือก่อนหลุดมิติเข้ามาแล้วลู่ยุ๋นหลัวตัวจริงก็เริ่มมีอาการความทรงจำขาดช่วงอยู่ก่อนแล้ว

เมื่อนางมาถึงตำหนักเย็น กลับไม่พบหยินซวางแม้ว่าจะหาทุกซอกหลืบของตำหนักแล้วก็ตาม

เมื่อนางพักดื่มน้ำเสร็จก็หยิบซองจดหมายออกมา

จดหมายฉบับนี้เป็นบิดาของเจ้าของร่างเดิมที่สั่งให้คนไปส่งให้กับท่านอ๋องเฉิน ซึ่งเนื้อหาภายในจะต้องมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

นางค่อย ๆ เปิดจดหมายออกเพื่อเปิดอ่าน ภายในกลับพบประโยคสั้น ๆ เพียงแค่หนึ่งบรรทัด

“หนีไป ! ไปที่อาณาจักรซีฉิง เจ้าต้องรีบหนีไปที่อาณาจักรซีฉิง !

“หนีไป !”

สองคำนี้กำลังบอกเป็นนัยว่านางกำลังมีอันตรายอยู่เหรอ ?

แต่นางก็อยู่ตำหนักเย็นมาค่อนปีกว่าก็ไม่เห็นว่าจะมีอันตรายใด ๆ

หรือว่า !

ทันใดนั้นนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าลู่ยุ๋นหลัวตัวจริงหลังจากถูกให้มาพำนักที่ตำหนักเย็นเพียงไม่นาน ก็มีบัญชาให้งดการการส่งเสบียงน้ำและอาหาร ด้วยสถานการณ์แบบนั้นก็คงไม่แปลกที่ลู่ยุ๋นหลัวตัวจริงจะอดอาหารจนเสียชีวิต

ถ้าหากนางไม่บังเอิญหลุดมิติเข้ามา

ร่างที่นางใช้ชีวิตอยู่ขณะนี้ก็คงอดอาหารเสียชีวิตไปตั้งนานแล้ว !

ซึ่งในปัจจุบันนางก็ยงคงไม่รู้ถึงตัวตนของศัตรูที่หลบซ่อนในเงามืดว่าเป็นใคร

อีกเรื่องก็คือทำไมบิดาของเจ้าของเดิมถึงต้องการให้นางหนีไปที่อาณาจักรซีฉิง ?

แล้วยังจะเน้นย้ำถึงสองครั้งด้วยกัน !

ลู่ยุ๋นหลัวคิดอยู่นานกว่าครึ่งค่อนวันก็คงคิดไม่ตกกับเรื่องซับซ้อนเช่นนี้ นางก็คงได้แต่ทำไปคิดไปทีละขั้นได้เท่านั้น

ด้วยในสถานการณ์ปัจจุบัน เหตุเพราะนางดื่มจนเมาขาดสติจนปากโพล่งบอกแผนการทุกอย่างที่นางวางแผนมาเป็นอย่างดีจนล้มไม่เป็นท่า

ปัญหาไม่มีเงินตำลึงยังไม่เท่าไหร่ แล้วยังจะถูกองค์จักรพรรดิรู้ตัวตนที่แท้จริงอีก

นั่นทำให้แผนการออกจากวังของนางยากขึ้นไปอีกเท่าตัว

ลู่ยุ๋นหลัวคิดจนปวดหัวถึงขนาดกุมขมับขึ้นมา

ดูเหมือนหลังจากที่พบชายผู้นั้น ดวงความโชคดีของนางก็เหมือนราวกับถูกดูดหายจนเหือดแห้ง

ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจ

ร่างของนางพลันกระพริบแสงขึ้นมา ลู่ยุ๋นหลัวก็หายตัวไปจากจุดที่นางเคยอยู่เข้าไปที่มิติพิเศษของนาง

เอ๊ะ ?

เพียงนางไม่ได้เข้ามาที่มิติแค่หนึ่งคืน ทำไมบรรยากาศกลับรู้สึกแปลกไปจากเมื่อก่อน ?

ลู่ยุ๋นหลัวเมื่อเข้ามาภายในมิติพิเศษก็พบว่าพื้นที่เพาะปลูกที่แต่ก่อนมีอยู่ประมาน 10 หมู่(1 หมู่ ประมาณ 666 ตารางเมตร)ก็กว้างขึ้นไปอีกเท่าตัว ตอนนี้พื้นที่การเกษตรน่าจะอยู่ที่ประมาณ 20 หมู่เห็นจะได้

นอกจากนี้ด้านข้างของกระท่อมที่นางมุงขึ้นเองอย่างง่าย ๆ กลับปรากฏเป็นโกดังขนาดใหญ่โตตั้งตระหง่านอยู่

ภายในโกดังเป็นชั้นวางที่จัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ

โดยชั้นวางเหล่านั้นก็ถูกวางไปด้วยธัญพืชที่แต่เดิมนางวางไว้ที่กระท่อม อีกทั้งยังถูกจัดเรียงไว้ตามหมวดหมูของธัญพืชไว้อย่างดี

ที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นคือธัญพืชเหล่านั้นเริ่มกะเทาะเปลือกออกมาเอง ซึ่งขนาดข้าวสาลีเองก็เริ่มป่นย่อยตัวเองจนกลายไปเป็นแป้งสาลี

ที่แห่งนี้อัพเกรดไปตั้งแต่เมื่อใด ?

ทำไมนางกลับไม่รู้สึกอะไรเลย ?

ชั่วขณะนั้นนางก็นึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่นางดื่มเหล้าองุ่นกานั้นไป

เหล้าองุ่นนั้นเป็นองุ่นที่ปลูกขึ้นมาภายในมิติแห่งนี้ 

ถึงแม้นางจะจำไม่ได้ว่าหลังจากที่นางเมาจนขาดสติไป แต่ก่อนที่นางจะเมาจนภาพตัดไปอาการปวดหัวที่เกิดขึ้นนางยังคงจำได้เป็นอย่างดี

ไม่ใช่ว่านางไม่เคยดื่มจนเมามาก่อน

แต่ดื่มจนต้องเมาขนาดไหนถึงทำให้หัวสมองถึงรู้สึกปวดแปลบได้ขนาดนี้ ?

นางเดินไปที่ชั้นวางองุ่นด้วยความสงสัย

นี่มันก็คือองุ่นจริง ๆ

เป็นพวงสีม่วงอมดำปกติ

แต่เมื่อเทียบกับองุ่นปกติแล้วขนาดค่อนข้างใหญ่กว่ามาก

นางพลุบตาลงมาด้านล่างของชั้นวางองุ่นที่มีป้ายกำกับเขียนไว้ ซึ่งนางจำได้ดีว่าไม่เคยมีป้ายกำกับนี้มาก่อน

“ผลไม้สำหรับวิวัฒนาการ หมายเหตุ : เป็นผลไม้สำหรับอัพเกรดมิติพิเศษ หลังจากรับประทานจะมีอาการเมาสุรา เมื่อมิติพิเศษวิวัฒนาการเสร็จสิ้นผู้รับประทานจะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดขณะวิวัฒนาการมิติพิเศษ และในช่วงเวลานี้จะมีอาการปวดศีรษะร่วมอยู่ด้วย ผลข้างเคียงอื่นยังไม่ปรากฏเป็นที่แน่ชัด โปรดระมัดระวังในการรับประทาน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น