ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 38

ผ่านไปครึ่งค่อนวันนางก็เพิ่งจะรู้ว่านี่ไม่ใช่องุ่น !

ดูยังไงมันก็คือองุ่นจนถึงขนาดรสชาติก็แถบจะไม่ต่างจากองุ่นเลย แต่กลับมาเขียนป้ายกำกับบอกว่าเป็นผลไม้สำหรับวิวัฒนาการแทนที่จะเป็นองุ่น ?

ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อคืนนางจะเมาอาละวาดขนาดนั้น

ที่แท้ก็เป็นผลไม้สำหรับวิวัฒนาการ

ลู่ยุ๋นหลัวเดินไปรอบทั่วในมิติพิเศษนี้ นางก็พบอีกสิ่งที่ถูกอัพเกรดไปเหมือนกันนั่นก็คือแผ่นหินที่ใช้พยากรณ์อากาศซึ่งบัดนี้สามารถบอกสภาพอากาศที่จะเกิดขึ้นได้อีกถึง 45 วันข้างหน้า

อีกเรื่องคือธัญพืชที่ปลูกไปเมื่อสองวันก่อน วันนี้ก็สุกงอมพร้อมเก็บเกี่ยวแล้ว

นางจำได้ว่ากว่าจะสุกงอมก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 วันขึ้นไป

แต่กลับกลายเป็นว่ามันใช้เวลาน้อยกว่าเดิมมาก

ยิ่งไปกว่านั้นนางยังพบอีกว่ามีผักชนิดใหม่ที่สามารถปลูกได้ซึ่งก็คือมะเขือเทศ !

ลู่ยุ๋นหลัวน้ำตาแถบไหลพรากเมื่อได้เห็นมะเขือเทศตรงหน้า

ในที่สุดนางก็จะได้กินไข่ผัดมะเขือเทศสะที !

นางพอใจเป็นอย่างมากกับการอัพเกรดมิติพิเศษในครั้งนี้

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าอาการเมาสุราที่ควบคุมไม่ได้หลังจากทานผลไม้สำหรับวิวัฒนาการไป นางก็คงเต็มใจที่จะอัพเกรดมิติพิเศษนี้อยู่บ่อย ๆ

นางเริ่มนำมะเขือเทศที่สุกงอมดีแล้วและต้นกล้าอ่อนของต้นมะเขือเทศไปปลูกที่ด้านหลังตำหนักเย็น เพียงเท่านี้ก็สามารถทานมะเขือเทศต่อหน้าหยินซวางได้อย่างหมดข้อสงสัย

ตัดมาที่หยินซวางที่ขณะนี้กลับมาพร้อมกับนำตำลึงจากขันทีเฉิงกลับมาด้วยเป็นเงินทั้งหมด 2,500 ตำลึง

ได้ยินมาว่า ครั้นที่ขันทีเฉิงนำเหล้าดอกบัวสามกาไปถวายที่วังหลิวหยุนนั้น หลันกุ้ยเหรินก็พออกพอใจเป็นอย่างยิ่ง นอกจากตบรางวัลให้ 3,000 ตำลึงแล้วยังตบรางวัลเพิ่มให้อีกถึง 2,000 ตำลึงด้วยกัน

ซึ่งเงินกำนัลเหล่านั้นขันทีเฉิงไม่ได้ต้องการสักตำลึงเดียว อีกทั้งยังสั่งให้หยินซวางนำกลับมาด้วยทั้งหมด

“ขณะที่บ่าวเดินทางกลับมา บ่าวได้ยินมาว่าคืนนี้หลันกุ้ยเหรินได้เชิญองค์จักรพรรดิให้เสด็จมาที่วังหลิวหยุนเพื่อเสวยเหล้าดอกบัวเพคะ” หยินซวางพูดอย่างไม่พอใจ

เดิมทีนางก็หวังว่าองค์จักรพรรดิจะเสด็จมาหานายหญิงของนางคืนนี้อีกคืนซะอีก

ดูเหมือนว่าคืนนี้องค์จักรพรรดิก็คงต้องเสด็จประทับวังหลิวหยุนเป็นแน่ !

เพียงแค่คิดว่าองค์จักรพรรดิจะต้องเสด็จประทับที่วังหลิวหยุนเพื่อเสวยเหล้าดอกบัวที่ทำโดยนางหญิงของนางแล้ว นางก็รู้สึกอึดอัดไม่พอใจในทันที

โอกาสที่จะได้เป็นที่โปรดปราณขององค์จักรพรรดิกลับถูกขายให้กับนางสนมคนอื่นด้วยเงินแค่ 2,000 กว่าตำลึง

หยินซวางจึงมีท่าทีที่ยากที่จะกลับมาเบิกเบินอีกครั้ง

เมื่อลู่ยุ๋นหลัวรับเงิน 2,500 ตำลึงมา ใจนางก็เบาลงในทันที ซึ่งนางก็ไม่คิดมาก่อนว่าการทำเงินกับพวกนางสนมจะง่ายดายขนาดนี้

เพียงเหล้าดอกบัวสามกาก็ทำเงินได้อย่างมหาศาล

นางก็คิดขึ้นมาได้ว่าควรที่จะคิดค้นพวกการดูแลผิวพรรณและเครื่องสำอางขึ้นมาดีมั๊ย อย่างน้อยก็ยังทำเงินได้สักก้อนก่อนที่จะออกจากวัง

“นายหญิง ท่านได้ฟังบ่าวพูดอยู่หรือไม่เพคะ ?” หยินซวางเพิ่งมาสังเกตุเห็นท่าที่ของนายหญิงที่บัดนี้ราวกับไม่ได้ใส่ใจต่อเรื่องขององค์จักรพรรดิว่าคืนนี้จะไปเสด็จประทับบรรทมที่วังไหนเลย

“เจ้าไม่ได้พูดอยู่หรอกเหรอว่าองค์จักรพรรดิจะเสด็จประทับที่วังหลิวหยุน ?” ลู่ยุ๋นหลัวพูดพลางขณะที่นำตำลึงเก็บเข้าไปที่ช่องกระเป๋าบริเวณอก เงินที่ได้มาครั้งนี้นางจะต้องเก็บรักษาให้ปลอดภัย

“นายหญิง ท่านไม่ร้อนใจสักนิดเลยเหรอเพคะ”

ดูจากท่าทีของนายหญิงแล้วถ้าเป็นนายหญิงแต่ก่อนก็ถือว่าปกติ แต่ไม่ใช่ว่าเมื่อคืนนายหญิงบรรทมร่วมกับองค์จักรพรรดิมาทั้งคืนหรอกเหรอ ?

พูดตามเหตุผลแล้ว นายหญิงก็ควรใส่ใจกับข่าวคราวพวกนี้บ้างสิ !

“ทำไมข้าต้องร้อนใจ ?” นางกลับหวังซะอีกที่เจ้าจี้อู๋เจวี๋ยจะเลิกมายุ่งกับนางในช่วงไม่กี่วันนี้

แค่นอนกับเขาแค่คืนเดียวถึงขนาดใช้เงินไปตั้งสามพันตำลึง !

แค่นางคิดขึ้นมาหัวก็ปวดแล้ว

ถ้าขืนเขามาอีกไม่กี่ครั้ง นางไม่ถึงกับต้องล้มละลายเลยเหรอ

เดี๋ยวนะ...

ตั้งแต่นางตื่นเช้ามาก็เหมือนกับนางละเลยเรื่องสำคัญไปอยู่เรื่องหนึ่ง

หญิงที่เสียพรหมจรรย์ในคืนที่หลับนอนกันคืนแรกอย่างน้อยก็ต้องมีคราบสีแดงหลงเหลือไว้บ้าง !

แต่ช่วงกลางวันที่นางเพิ่งตื่นกลับไม่พบรอยคราบใด ๆ บนเตียงแถมยังขาวสะอาด ขนาดร่องรอยสงครามบนเตียงก็ไม่มีแม้แต่น้อย 

ยิ่งสำคัญไปกว่านั้นคือบนตัวนางกลับไม่มีร่องรอยผิดปกติใด ๆ เลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น