“พะยะค่ะ”
เพียงไม่นานนางก็ถือต้มถั่วเขียวพร้อมกับเดินเข้ามา นางเข้ามาไม่ทันไรก็สบเข้ากับดวงตาเย็นชาของจี้อู๋เจวี๋ยจนนางขนลุกขนชัน
เมื่อดูจากรูปการณ์แล้ว ห่าฝนใหญ่เมื่อวานสามารถแก้ปัญหาฉุกเฉินเร่งด่วนไปได้ ซึ่งอารมณ์ของเขาตอนนี้ควรจะต้องพอใจไม่ใช่เหรอ ?
ใครกันที่ทำให้เขาโกรธเคืองโดยไม่แหกตาดูเลยว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร
นางก็ไม่รู้เหมือนกันกันว่าตอนนี้ควรออกไปก่อนและรอจนกว่าเขาอารมณ์ดีแล้วค่อยกลับมาจะได้หรือไม่ ?
ถ้าให้นางทวงหนี้ต่อสายตาเย็นชาคู่นั้น นางย่อมไม่กล้าอยู่แล้ว !
นางคิดทบทวนถึงแผนการหนีออกจากวังก็เหลือเวลาไม่มากแล้ว ยังไงนางก็ต้องดึงดันไปต่อให้ได้
“บ่าวขอคาราวะ องค์จักรพรรดิ” เสียงดังก้องกังวานด้วยกิริยางามหยดย้อยดั่งสายรุ้ง
ท่าคำนับทุกอิริยาบถเป็นไปตามมาตรฐานทุกกระเบียดนิ้ว ต่อให้หาจุดผิดพลาดก็คงยากที่จะเจอได้
จี้อู๋เจวี๋ยชายตาไปที่นางพร้อมกับหยิบถ้วยชาที่นางข้าหลวงเพิ่งจะนำมาถวายให้ “เจ้าคงมาทวงเงินตำลึงสินะ ?”
เช้าฝนไม่ทันซา คนก็มาทวงหาตั้งแต่เที่ยง
นอกจากจะมาเอาเงินสามพันตำลึงจากเขาแล้ว เขาก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่านางจะมาหาเขาด้วยธุระอื่นใดอีก
ลู่ยุ๋นหลัวคาดไม่ถึงว่าจี้อู๋เจวี๋ยจะพูดเข้าประเด็นโดยทันที ถึงแม้น้ำเสียงเขาจะแปลกไปหน่อย แต่นั่นไม่ได้สำคัญสำหรับนาง !
ใบหน้าของลู่ยุ๋นหลัวบัดนี้ประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง “องค์จักรพรรดิราวกับมีญาณหยั่งรู้ล่วงหน้า พยากรณ์ได้อย่างแม่นยำ ความในใจที่เล็กเป็นเศษเสี้ยวของบ่าวนี้มิอาจปิดบังฝ่าบาทให้อ่านออกได้เลย !”
ลู่ยุ๋นหลัวก็เริ่มต้นการตบก้นมา(ตบก้นมา หมายถึง การเยินยอผุ้อื่นเกินความจำเป็น)โดยไม่ให้เสียแรงเปล่า “ฝ่าบาทที่ทรงฉลาดหลักแหลมและเรืองอำนาจ วาจาและคำมั่นสัญญาหนักแน่นที่สุดในบรรดาสายเลือดราชวงศ์ และด้วยเงินเพียงแค่สามพันตำลึงข้าน้อยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าฝ่าบาทจะคืนให้กับบ่าวใช่มั๊ยพะยะค่ะ ?”
คำสุดท้ายกล่าวจบ นางก็จ้องมองพระพักตร์ที่หล่อเหลาเบื้องหน้าอย่างมีความหวัง รีบเอาเงินมาโยนใส่หน้านางสักที !
เกินกว่าความคาดหมายและบางทีมันก็ง่ายกว่าที่คิดไว้
จี้อู๋เจวี๋ยมองนางอย่างลึกซึ้ง “ข้าเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว ขันที ! นำตำลึงมามอบให้นาง !”
เพียงพริบตา ขันทีผู้น้อยก็หยิบเงินสามพันตำลึงมาส่งมอบ
ลู่ยุ๋นหลัวหยิบเงินทั้งหมดเก็บเข้าไปในกระเป๋าพกของนางด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับยิ้มและเอ่ยทูล “ขอบพระทัย ฝ่าบาท !”
เมื่อเงินถึงมือนางก็โล่งใจขึ้นมาทันที
เพียงแต่อากัปกิริยาเมื่อสักครู่ที่นางหวาดกลัวเขาที่จะกลับคำพูดพร้อมกับจ้องมองจี้อู๋เจวี๋ยอย่างไม่พอใจ
แม่นางคนนี้คิดเช่นไรกับเขากันแน่ ?
เขาเป็นถึงองค์จักรพรรดิของอาณาจักรตงหลาน ย่อมรักษาคำมั่นสัญญาจะกลับกลอกไปมาได้เยี่ยงไร ?
เขาเปิดฝาถ้วยชาพร้อมกับเป่าเพื่อไล่ไอร้อน “เจ้าเคยกล่าวกับข้าเมื่อวันนั้นว่าสามารถช่วยข้าแก้ปัญหาภัยแล้งนี้ได้ มันคงไม่จบง่าย ๆ ที่ฝนเพียงไม่กี่วันหรอกใช่มั๊ย ?”
เขาจำมันได้อย่างขึ้นใจ วันนั้นนางได้บอกว่าจะช่วยเขาแก้ปัญหาภัยแล้งนี้
เขาก็สงสัยใคร่รู้เหมือนกัน นอกจากการพยากรณ์อากาศของนางแล้ว นางยังมีความสามารถอื่นใดที่เขายังไม่รู้อีก
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ลู่ยุ๋นหลัวก็หยิบตำราขึ้นมาหนึ่งเล่มส่งผ่านไปให้เขา “องค์จักรพรรดิ ฝนเมื่อคราวก่อนนั้นก็เป็นแค่การแก้ปัญหาสถานการณ์ฉุกเฉินเบื้องต้นเท่านั้น บ่าวได้เขียนอธิบายวิธีการต่าง ๆ ในการรับมือป้องกันภัยพิบัติแล้งนี้ไว้แล้ว เพียงแค่องค์จักรพรรดิทรงทำตามที่วิธีการในตำรานี้บอก อาณาจักรตงหลานต่อจากนี้ก็จะไม่ต้องประสบพบเจอกับปัญหาภัยแล้งนี้อีก”
หลังจากที่นางออกมาจากห้องทรงตำราในวันนั้น นางก็สละเวลาเขียนตำราวิธีการป้องกันภัยพิบัติแล้งโดยอ้างอิงจากวิธีการในศตวรรษที่ 21
วิธีการในตำราทั้งหมดนั้นเป็นโครงการขนาดใหญ่ทั้งสิ้นซึ่งใช้ทั้งกำลังคน เวลา และเงินเป็นจำนวนไม่น้อย เพียงแค่จี้อู๋เจวี๋ยทำตามที่นางเขียนไว้ ต่อให้ต้องผจญภัยพิบัติแล้งอีกกี่ครั้งก็จะผ่านมันไปได้อย่างราบรื่น
“ตำราเล่มนี้เจ้าเป็นคนเขียนรึ ?” จี้อู๋เจวี๋ยรู้สึกแปลกใจจนเผลอแอบมองไปที่นาง เมื่อสักครุ่เขาก็ได้เปิดภายในตำราเล่มนั้นก็พบกับเนื้อหาที่เขียนอย่างละเอียดรอบคอบแม้มองเพียงแวบเดียวก็เข้าใจได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...
มาต่อหน่อยค่า...
รบกวนอัพต่อให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ...