ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 50

พอนางกลับมาถึงตำหนักเย็นก็ได้กลิ่นหมั่นโถวลอยมาไกล ๆ

หยินซวางนางข้าหลวงคนนี้ช่างมีพรสวรรค์ในด้านการทำอาหาร

นางเพิ่งสอนวิธีการนึ่งหมั่นโถวไปเพียงแค่สองสามครั้งนางก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง

“นายหญิง ท่านกลับมาแล้ว นายหญิงรีบดูหมั่นโถวที่บ่าวเพิ่งทำเสร็จให้หน่อยว่าดีกว่าคราวก่อนมั๊ยเพคะ”

“นายหญิง ท่านกลับมาแล้ว นายหญิงรีบดูหมั่นโถวที่บ่าวเพิ่งทำเสร็จให้หน่อยว่าดีกว่าคราวก่อนมั๊ยเพคะ”

บนเตาในห้องครัวซึ่งมีหม้อนึ่งวางอยู่พร้อมกลับหมั่นโถวลูกใหญ่ที่อุ่นร้อนเห็นไอออกมา ทันใดนั้นลู่ยุ๋นหลัวก็นึกถึงขันทีเฉิงที่ห้องปรุงพระกระยาอาหารขึ้นมา

“หยินซวาง ข้าถามอะไรเจ้าอย่าง หมั่นโถวพวกนี้ ก่อนที่ข้าจะสอนเจ้าทำ เจ้าได้เคยกินหรือเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อนรึไม่ ?”

“ไม่เคยได้ยินมาก่อนพะยะค่ะ ไม่ใช่ว่าเป็นอาหารสำหรับคนในวังหรือเพคะ ?” เครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหยินซวาง นางก็ไม่ทราบเช่นเดียวกันทำไมนายหญิงถึงถามนางเช่นนี้

“แล้วบะหมี่หละ ? ตอนอยู่ข้างนอกวังเจ้าเคยกินมั๊ย ?”

หยินซวางก็ยังคงส่ายหัวปฏิเสธ

“แล้วข้าวสาลีที่เราปลูกแถวตำหนักเย็นหละ ภายนอกวังเจ้าเคยเห็นมาก่อนมั๊ย ?” ตอนที่นางทะลุมิติเข้ามาครั้งแรกนั้น กลัวว่าจะต้องอดอยากหิวตายซะก่อน นางจึงปลูกข้าวสาลีบริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของตำหนักเย็นไปเยอะพอสมควรและหวังเพียงอย่างเดียวว่ามันจะโตไวพอทีจะมีไว้กินในภายภาคหน้า

ภายหลังถึงได้รู้ว่าธัญพืชที่ปลูกในมิติพิเศษนั้นโตได้เร็วกว่าหลายเท่าตัว จึงเลือกที่จะบริโภคธัญพืชที่ปลูกจากในมิติพิเศษแทน

เมื่อถึงฤดูร้อนที่ไร้ซึ่งฝนใด พวกนางก็ได้แต่อาศัยการขุดชลประทานเพื่อใช้รดน้ำธัญพืชเหล่านั้น

ดูจากเวลาแล้วก็น่าจะใกล้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว

หยินซวางก็ยังคงส่ายหัวปฏิเสธขึ้นอีกครั้ง

นางทราบดีว่านายหญิงของนางสูญเสียความทรงจำ แต่ก็ไม่คิดว่าจะสูญเสียความทรงจำรุนแรงถึงขั้นนี้

ขนาดแต่ก่อนเคยกินอะไร ไม่เคยกินอะไรกลับจำไม่ได้เลยสักอย่าง

ลู่ยุ๋นหลัวก็ยังคงนำพืชผักผลไม้และธัญพืชต่าง ๆ ถามอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายนางก็ได้ข้อสรุปว่าของส่วนใหญ่ในมิติพิเศษของนางนั้นไม่ว่าพืชผักผลไม้ที่ปลูกในมิติพิเศษหรือบริเวณตำหนักเย็นนั้น ทั้งหมดล้วนไม่มีอยู่สมัยราชวงศ์นี้ทั้งสิ้น !

เมื่อนางได้เข้าใจพอสังเขป ถึงได้ค้นพบว่าการเกษตรในสมัยราชวงศ์นี้นั้นค่อนข้างล้าหลังอยู่มาก

โดยเฉพาะอาหารหลักนั้น นอกจากข้าวขาวแล้ว ก็จะเป็นจำพวกตะกูลถั่วเช่นถั่วเหลืองรวมไปถึงข้าวฟ่าง ในช่วงเวลาไม่กี่วันนี้ นางได้นำแป้งสาลี ข้าวโพด มันฝรั่งนำออกมาซึ่งแน่นอนยังไม่มีอยู่ยุคสมัยราชวงศ์นี้

ผนวกกับหยินซวางที่คิดมาโดยตลอดว่าอาหารเหล่านี้นั้นมีแค่เฉพาะในวังเท่านั้น ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่ได้สงสัยอะไร

ดังนั้นลู่ยุ๋นหลัวจึงพึ่งจะได้ทราบว่าผักผลไม้และธัญพืชทุกอย่างในมิติของนางนั้นมีมูลค่ามากมายมหาศาล ซึ่งต่อให้ทองกี่พันชั่งก็มิสามารถประเมินมูลค่าได้

ยุคสมัยที่อาหารเป็นดั่งของสำคัญเทียมฟ้า ธัญพืชต่าง ๆ นั้นก็คือทุกสิ่งของผู้คนจริง ๆ

ในเมื่อช่วงนี้ไม่สามารถออกจากวังไปได้ งั้นทำไมไม่เอาพื้นที่เหลือใช้หลายร้อยหมู่ของตำหนักเย็นมาทำพื้นที่เกษตรกรรมเพาะปลูก ค่อย ๆ ผลักดันจนเป็นสมาคมการเกษตรหนึ่งเดียวในใต้หล้า และเมื่อถึงเวลานั้นก็ค่อยขยายออกไปยังอาณาจักรอื่น ๆ

ไม่ว่าจะในมุมมองของนางหรือของผู้คนนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอันยิ่งใหญ่ทั้งนั้น

สิ่งที่นางควรต้องทำในตอนนี้ คือการค่อย ๆ นำพืชพันธุ์การเกษตรมาทยอยปลูกในพื้นที่ตำหนักเย็นแห่งนี้

นางต้องการให้ผู้อื่นได้รู้ว่า พืชผักผลไม้และธัญพืชที่หาไม่ได้จากภายนอกนั้นที่จริงแล้วล้วนปลูกขึ้นจากที่ดินในตำหนักเย็น

ซึ่งนี่ถือว่าเป็นข้ออ้างที่ดีที่สุด

และแม้มีคนสงสัยก็คงยากที่จะพูดออกมาได้ เพราะตำหนักเย็นนั้นถูกทิ้งให้รกร้างว่างเปล่ามายาวนาน พื้นที่ที่กว้างขวางเช่นนี้นอกจากห้องตำหนักไม่กี่แห่ง ที่เหลือก็แถบจะเป็นพื้นที่รกร้างทั้งสิ้น ใครจะรู้ว่าผืนดินแห่งนี้จะมีอะไรงอกออกมา

โดยสรุปของพวกนี้ถ้ามันไม่ได้งอกมาจากผืนดิน มันจะงอกขึ้นมาจากที่ไหนได้อีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น