ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 51

เมื่อนางจินตนาการภาพแผนการทุกอย่างในหัวเสร็จ นางก็เริ่มจากการบอกกล่าวหยินซวางว่าผักผลไม้ที่นางปลูกทั้งหมดภายในตำหนักเย็นนั้นางพบที่บริเวณหลังเขาของตำหนักและย้ายมาปลูก

หลังจากที่ตำหนักเย็นถูกยกเลิกการถวายเครื่องอุปโภคบริโภคมา พวกนางจึงต้องอาศัยเก็บผักเก็บหญ้าที่ขึ้นภายในตำหนักเย็นเพื่อประทังชีวิต

หลังจากกล่าวจบ หยินซวางกลับท่าทีสงสัย “นายหญิง พวกนี้มันไม่น่างอกขึ้นมาที่ตำหนักเย็นได้เองเพคะ เป็นไปได้ไหมว่าอยู่ดี ๆ มันโผล่งอกออกมาจากอากาศเอง ?”

ลู่ยุ๋นหลัวนางคงกังวลคิดมากไปเอง

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เรื่องเกษตรกรรมภายในตำหนักเย็นของนางไม่ช้าก็เร็วจะต้องไปถึงหูของจี้อู๋เจวี๋ยเข้าสักวัน

ยิ่งกว่านั้นหากนางต้องการที่จะเป็นสมาคมการเกษตรในใต้หล้าได้นั้น ก็ต้องได้รับการสนับสนุนจากเขาไม่น้อย เรื่องนี้ยังไงก็คงต้องค่อยเป็นค่อยไปทีละขั้นตอน

เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาภัยแล้ง การกักตุนธัญพืชก็ถือว่าเป็นเรื่องพื้นฐานอีกเรื่องหนึ่ง

หากเป็นจริงตามที่หยินซวางบอกไว้ ในยุคสมัยราชวงศ์นี้ก็คงมีเพียงแค่ข้าวสาร ข้าวฟ่างและถั่วเหลือง ซึ่งกำลังผลิตในแต่ละปีก็พอจะคาดได้ไม่ยากนัก

และด้วยกำลังผลิตที่จะทราบได้คร่าว ๆ คลังเสบียงธัญพืชของอาณาจักรก็คงจะกักตุนไว้ไม่ได้มากมายนัก

บางทีนางควรเริ่มต้นจากตรงนี้ก่อน

หลังจากช่วงพระกายาหารเย็นผ่านพ้นไป ขันทีหลู่จากห้องสำเร็จราชการก็ได้นำกระดานไม้มาถวายมอบอีกครั้ง

ทั้งที่สองวันก่อนได้รับใช้องค์จักรพรรดิมาโดยตลอด แค่เพียงสองวันให้หลังก็ถูกสั่งให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม เพียงแต่ถ้าหากเขาประพฤติตัวดีทุกครั้งต่อหน้าองค์จักรพรรดิ ไม่ช้าในเร็ววันเขาต้องขึ้นมาแทนทีขันทีเฉาได้อย่างแน่นอน

จี้อู๋เจวี๋ยบัดนี้ทรงประทับอยู่ที่โต๊ะทรงงานแก้ไขพระราชฎีกาต่าง ๆ

เขาได้ทราบข่าวดีจากมณฑลซ่างหยวน

ราคาธัญพืชไม่กี่วันก่อนได้กลับสู่สภาวะปกติ ซึ่งหลังจากฝนตกห่าใหญ่ครั้งนั้นยิ่งทำให้ราคายิ่งต่ำกว่าเดิมอีก

กลับกลายเป็นว่าปัญหาภัยแล้งในพื้นที่อื่นภายในของอาณาจักรตงหลาน เพียงชั่วข้ามคืนราคาก็กลับพุ่งสูงขึ้นไป บางพื้นที่นั้นก็แถบจะไม่สามารถควบคุมราคาไว้ได้อีกต่อไป ยิ่งไปว่านั้นหลังจากฝนตก นอกจากราคาธัญพืชที่ไม่มีวี่แววว่าจะลงแล้วกลับยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก

อ้างอิงจากรายงานที่อยู่ในมือเขานั้น ราคาธัญพืชบางพื้นที่อาจมีศัตรูของอาณาจักรตงหลานบงการชักใยอยู่เบื้องหลัง อาศัยปัญหาภัยแล้งเพื่อยุยงให้เกิดความโกลาหลในอาณาจักร

กว่าจี้อู๋เจวี๋ยจัดการงานเรียบร้อยก็เป็นเวลาดึกมาแล้ว ขันทีหลู่จากห้องสำเร็จราชการก็ยืนรอถือกระดานไม้รออยู่นมนานถึงจะได้เรียกให้เข้าเฝ้า

ถึงแม้ว่าภายในวังจะมีนายหญิงเพียงสองท่าน แต่ถึงอย่างไรก็ต้องมีพิธีการนี้เกือบทุกครั้ง

ช่วงไม่กี่วันนี้องค์จักรพรรดิได้เสด็จไปยังวังหลิวหยุนอยู่หลายรอบ ถ้าอ้างอิงตามเหตุผลแล้วก็ควรถึงคราวที่ต้องเสด็จไปวังหลีเซี๋ย

ดวงตาดำลึกของจี้อู๋เจวี๋ยกวาดมองไปยังแผ่นไม้สองแผ่นบนกระดาน “เจ้าไปเรียกนายหญิงจากตำหนักเย็นมาปรนนิบัติข้าหน่อย”

ขันทีหลู่งงค้างอยู่กับที่ เป็นสนมที่ถูกทอดทิ้งให้ไปอยู่ตำหนักเย็นแล้วยังมีโอกาสกลับมาปรนนิบัติได้อีกงั้นเหรอ ?

จี้อู๋เจวี๋ยทอดพระเนตรอย่างไม่พอพระทัย “เจ้ามัวงงอะไรอยู่ ยังไม่รีบไปอีก !”

“พะยะค่ะ !” ขันทีหลู่เมื่อเรียกสติกลับมาได้ก็รีบรกลนกราบบังคมทูลลา

ให้สนมที่ถูกทอดทิ้งจากตำหนักกเย็นกลับเข้ามาปรณนิบัติ ตัวเขาทีเป็นขันทีมาหลายปีก็เพิ่งได้เจอกับตัวเองเป็นครั้งแรก

และเมื่อถึงเวลาที่เขาต้องจัดการเตรียมพร้อมนั้น ก็ได้พบเข้ากับปัญหาที่ยากจะรับมือ

นั่นคือการที่จะเข้าไปยังห้องบรรทมขององค์จักรพรรดิได้นั้น เป็นพิธีที่มีขั้นตอนอันละเอียดอ่อน

อย่างแรกคือบรรดาศักดิ์ชั้นไหนก็ใช้ข้อกำหนดของบรรดาศักดิ์ชั้นนั้น

แต่นายหญิงของตำหนักเย็นนั้นกลับไม่สามารถใช้ข้อกำหนดบรรดาศักดิ์ไหนได้เลย เนื่องด้วยนางได้เป็นถึงชายาเอกขณะราชาภิเษกกับองค์จักรพรรดิก่อนขึ้นครองบัลลังค์ ถ้าอ้างอิงจากกฎมณเฑียรบาลแล้ว นั่นหมายถึงตำแหน่งฮองเฮา

ซึ่งก็คือใช้บรรดาศักดิ์ฮองเฮาในการกำหนดขั้นตอนพิธีเข้าห้องบรรทมขององค์จักรพรรดิ แต่เมื่อมองในฐานะนายหญิงที่ถูกทอดทิ้งให้ไปอยู่ที่ตำหนักเย็นนั้น  กลับไม่มีบันทึกถึงขั้นตอนการจัดการพิธีเลย

นี่จึงเป็นเรื่องที่ยากต่อการจัดการ

เมื่อถามกับผู้มีส่วนรับผิดชอบในการจัดการพิธีด้านนี้ ก็ไม่ทราบวิธีการจัดการเช่นเดียวกันเนื่องจากไม่เคยมีบันทึกประวัติพิธีการเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน

ในท้ายที่สุดพวกเขาทั้งสองก็ได้ปรึกษาตกลงกันว่าจะใช้ขั้นตอนของบรรดาศักดิ์ฮองเฮาในการจัดพิธี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น