ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 52

แม้ว่านายหญิงจะถูกส่งให้ไปพำนักที่ตำหนักเย็น แต่ก็ไม่ได้ถูกปลดจากตําแหน่ง พูดกันตามหลักเหตุผลแล้วนอกจากสถานที่พำนักที่เป็นตำหนักเย็นแล้ว อาหารการกินและเครื่องนุ่งห่มอื่น ๆ นั้นจะอ้างอิงถึงขั้นตอนพิธีการแบบฮองเฮาทั้งหมด

ยิ่งไปกว่านั้นการที่ถูกให้พำนักตำหนักเย็นแล้วแต่ยังสามารถกลับมาปรนนิบัติองค์จักรพรรดิได้อีกครั้ง นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะบอกถึงทัศนคติขององค์จักพรรดิที่มีต่อนาง

เกรงว่านายหญิงท่านนี้คงอาจไม่ต้องพำนักตำหนักเย็นนานนัก

ดูจากความพอพระทัยขององค์จักรพรรดิแล้วก็คงเดาไม่ผิดนัก 

หลังจากนั้นไม่นานนัก ขบวนรับเสด็จของลู่ยุ๋นหลัวสำหรับเข้าปรนนิบัติองค์จักรพรรดิก็เตรียมพร้อมเรียบร้อยเสร็จสิ้น ผู้เชิญเกี้ยวประทับนกยูงทองแปดนาย ด้านหน้าสุดเป็นแม่นมอาวุโสลำดับชั้นที่สี่ของสำนักพระราชวังฝ่ายดูแลกิจการภายใน ประกบตามมาด้วยขันทีลำดับชั้นห้าสี่คนและขันทีลำดับชั้นที่หกแปดคนตามลำดับ ตามปิดท้ายขบวนด้วยนางข้าหลวงสิบหกนาง ทั้งขบวนได้เคลื่อนขบวนมุ่งหน้ารับเสด็จไปที่ตำหนักเย็น

กลับมาที่ด้านของลู่ยุ๋นหลัวนั้น หลังจากนางทานอาหารเย็นเสร็จแล้วฟ้าก็ยังคงสว่างอยู่ นางจึงเริ่มวิจัยอัตราส่วนของดินปืนใหม่อีกครั้ง

ซึ่งนางล้วนล้มเหลวมาหลายวันติดต่อกัน

วันนี้นางจึงตัดสินใจเพิ่มอัตราส่วนกำมะถันเข้าไปในการทดลอง

นางไม่เชื่อว่าวันนี้นางจะทำให้มันออกมาสำเร็จไม่ได้ !

ขบวนรับเสด็จกว่าสามสิบกว่าคนก็มาถึงตำหนักเย็นอย่างรวดเร็วโดยเกี้ยวประทับนกยูงทองวางหยุดลงที่ปากประตูตำหนัก

แม่นมอาวุโสลำดับชั้นที่สี่ของฝ่ายดูแลกิจการภายในเดินตรงเข้าไปยังภายในตำหนักหลังขบวนรับมาถึงได้ไม่นาน

หยินซวางทราบดีว่านี่คือขบวนรับเสด็จเพื่อมารับเสด็จนายหญิงของนางไปปรณนิบัติองค์จักรพรรดิ นางตกใจอยู่สักครู่ก็รีบเชิญแม่นมอาวุโสฮันไปพบนายหญิงของนางทันที

“แม่นมอาวุโสฮัน นายหญิงนั้นเป็นคนไม่เคร่งเรื่องพิธีการเท่าไหร่นัก เมื่อต้องไปปรณนิบัติองค์จักรพรรดิขอรบกวนแม่นมอาวุโสฮันช่วยตักเตือนและชี้แนะนายหญิงของบ่าวด้วย

“นางหยินซวางเจ้าจงวางใจ เป็นหน้าที่ที่ของต้องจัดการอยู่แล้ว โดยธรรมชาติของข้าไม่มีทางปล่อยให้นายหญิงทำอะไรผิดพลาดเกินงามได้”

พวกนางทั้งเดินไปพลางกล่าวไปพลางขณะเดินไปออกไปด้านนอก

ณ เวลานั้นเอง ก็ได้ยินเสียงดังกึกก้องสะเทือนฟ้าดังมาซึ่งห่างออกไปไม่ไกลจากห้องนอนนัก

“ตู้ม...”

แรงสั่นสะเทือนที่ราวกับเคลื่อนเขาได้ ฝุ่นฟุ้งกระจายปลิวว่อน

ภายในฝุ่นผงและเศษดินที่ฟุ้งกระจายไปทั่วก็พบกับเงาร่างผอมบาง

ด้านหลังเงานั้นก็เห็นเป็นเพิงไม้ธรรมดาที่บัดนี้พังครืนลงมาจนฝุ่นฟุ้งกระจายขึ้นอีกระลอก

“อะแห่ม อะแห่ม ...”

ชิบหายแล้ว !

สีหน้าของลู่ยุ๋นหลัวบัดนี้เต็มไปด้วยความทุลักทุเล ไม่คิดมาก่อนว่าการทำดินปืนขึ้นมาจะยากถึงเพียงนี้ อีกเพียงนิดเดียวนางก็เกือบจะทำตัวเองระเบิดตายอีกรอบแล้ว

เดิมทีนางได้เข้าไปหลบในมิติพิเศษแล้ว แต่เพิงเมิงที่อยู่ด้านนอกมิติพิเศษนั้นใกล้จะถล่มลงมาเต็มทน หากนางยังคงหลบอยู่ในมิติพิเศษต่อไปและยังไม่ออกมา นางก็คงจะติดอยู่ในเศษซากเพิงไม้ที่ถล่มลงมาเป็นแน่

เส้นยาแดงผ่าแปดที่นางรีบพุ่งออกมาจากมิติพิเศษทัน

และยังดีที่นางนั้นเร็วพอตัว !

เมื่อนางหันกลับไปมองซากปรักหักพังที่เกิดขึ้น ในใจนางกลับมีความรู้สึกหวาดกลัวหลงเหลืออยู่ขึ้นมา

แม่นมอาวุโสฮันตกใจกับเสียงที่ดังขึ้นจนสะดุ้งตัวพร้อมกับถามด้วยความสงสัย “หยินซวาง เสียงเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”

“ไม่มีอะไรเพคะ ภายในตำหนักเย็นมักจะมีเสียงดังแบบนี้เป็นเรื่องปกติ พอคุ้นชินแล้วก็จะรู้สึกเฉยไปเองเพคะ” หยินซวางตอบกลับด้วยท่าทีปกติ

หลังจากออกมาที่ปากประตู หยินซวางก็เห็นเงาลาง ๆ ภายใต้กลุ่มควันคลุ้งไปทั่วผืนฟ้า นางดีใจวิ่งโผเข้าไปพร้อมโบกมือ “นายหญิง !”

นายหญิง ?

แม่นมอาวุโสมองตามไปทางด้านที่หยินซวางกำลังโบกมืออยู่ เมื่อนางเห็นสิ่งที่อยู่ในกลุ่มควัน กรามของนางก็แถมจะหลุดออกจากกัน

สิ่งที่เห็นตรงหน้านั้นเป็นเพียงใบหน้าที่มีคราบเปื้อนดำอยู่เต็มใบหน้า นอกจากดวงตาทั้งสองข้างแล้วก็แถบจะมองไม่เห็นอวัยวะส่วนที่เหลือ ผมเผ้ารกรุงรังกองอยู่ที่ด้านหนึ่งของไหล่ บนหัวยังคงมีเศษหินดินหญ้าเกาะเต็มผม เสื้อผ้าและชุดกระโปรงยิ่งน่าเวทนาเกินกว่าที่จะทนดูได้ ราวกับไปกลิ้งคลุกขี้ดินโคลนตม

ซึ่งร่างที่อยู่ตรงหน้านั้นกำลังเดินมาหาพวกนาง

นี่คือนายหญิงงั้นเหรอ ?

แม่นมอาวุโสฮันอดสงสัยไม่ได้ที่จะเชื่อในสายตาตัวเอง

นางอยู่ภายในวังแห่งมานานกว่าสองทศวรรษ กลับไม่เคยเห็นนายหญิงคนไหนที่สภาพดูไม่จืดเท่านางมาก่อน

เป็นไปได้ไหมที่นายหญิงถูกขังอยู่ในตำหนักเย็นเป็นระยะเวลานานจนเสียสติเป็นบ้าไปแล้ว ?

ไม่เพียงแต่แม่นมอาวุโสฮันเท่านั้น แต่เหล่าขันทีและนางข้าหลวงตรงปากประตูตำหนักก็มีท่าทีตกใจไม่แพ้กัน

โดยเฉพาะที่ภาพการระเบิดได้ปรากฏแก่สายตาพวกเขาตรงหน้า และเพียงพริบตาเพิงไม้นั้นก็พังถล่มลงมา

ซึ่งภาพที่เห็นตรงนั้นเกินกว่าที่จะใช้คำว่าตกตะลึงมาอธิบายได้ตั้งนานแล้ว ซึ่งต่อให้เวลาผ่านไปกว่าครึ่งวันก็คงเชื่อได้ว่าสติของพวกเขายังคงไม่กลับมา

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความงุนงงของลู่ยุ๋นหลัวพลันปรากฏพร้อมชำเลืองมองไปที่เหล่าขันทีและนางข้าหลวงตรงปากประตูตำหนัก และที่สะดุดตาเป็นพิเศษก็คงจะเป็นเกี้ยวประทับนกยูงทองหลังนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น