ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 53

นางลากหยินซวางเข้ามาหาพร้อมกับถาม “นี่มันเรื่องอะไรกัน ?”

หยินซวางตอบกลับด้วยอารมณ์ที่ตื่นเต้น “นายหญิงเพค่ะ นายหญิงต้องใจเป็นที่โปรดปราณแล้วเพค่ะ องค์จักรพรรดิทรงมีรับสั่งให้จัดขบวนรับเสด็จนายหญิงไปปรณนิบัติเพค่ะ !”

นางเพิ่งนับได้ทั้งหมด 37 คน แค่เฉพาะคนที่เชิญเกี้ยวก็แปดคนแล้ว นี่หมายถึงการรับเสด็จในฐานะฮองเฮาเท่านั้นที่จะมีได้ !

ปรณนิบัติ ?

ภายในหัวของลู่ยุ๋นหลัวก็ปรากฏภาพจากละครในศตวรรษที่ 21 ในฉากที่มีการปรณนิบัติในราชวัง ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนเริ่มจากให้สนมชำระล้างร่างกายจนมีกลิ่นหอม พร้อมกับห่อด้วยผ้าห่มด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า จากนั้นเหล่าขันทีก็จะยกขึ้นถวายถึงเตียงบรรถมขององค์จักรพรรดิ เพื่อรอองค์จักรพรรดิมาร่วมเสพสุข

เมื่อจบภารกิจ ก็จะม้วนนางสนมเข้าไปในผ้าห่มตามเดิมพร้อมยกกลับทางเดิมซึ่งกระทำราวกับไร้ศักดิ์ศรี

เพียงลู่ยุ๋นหลัวนึกถึงภาพพวกนั้นก็รู้สึกคันที่หัวขึ้นมาทันที(คันที่หัว หมายถึง อาการวิตกหรือเป็นกังวล) เป็นเรื่องยากที่นางจะรับได้

ให้นางเปลือยกายและห่อด้วยผ้าห่มและให้ขันทียกไปถวายส่งรอเจ้าจี้อู๋เจวี๋ยมาร่วมเสพสุข ?

นางยอมจ่ายเงินสามพันตำลังให้จี้อู๋เจวี๋ยหลับไปเลยยังจะดีสะกว่า

แต่ไม่ว่าอย่างไร หากนางปฏิเสธการที่ต้องเข้าปรณนิบัติองค์จักรพรรดิ อาจเป็นสาเหตุนำไปสู่ข้อกล่าวหาของการอกตัญญูต่อองค์จักรพรรดิจนทำให้ชีวิตน้อย ๆ ของนางอาจจบลงแค่ตรงนี้ ดังนั้นนางต้องหาวิธีการ

“นายหญิง เวลาของเรานั้นเหลือไม่มาก หลังจากนี้ยังต้องทรงถวายการขัดศรีฉวีวรรณ อีกทั้งการเดินทางเส้นนี้ยังต้องเสียเวลาอีกไม่ใช่น้อย ตอนนี้ท่านควรชำระล้างก่อนหรือไม่เพค่ะ ?” แม่นมอาวุโสฮันที่ยืนเงียบอยู่นานหลังจากได้พบลู่ยุ๋นหลัวก็ได้กล่าวเตือน

ร่างกายเนื้อตัวที่สกปรกมอมแมมแค่เห็นก็อดที่จะทนไม่ได้

“แม่นมอาวุโสท่านนี้กล่าวถูกแล้ว อะแห่ม...อะแห่ม...อะแห่ม...หยินซวางเจ้าช่วยพยุงข้าเข้าไปยังด้านให้ข้าได้ล้างเนื้อล้างตัวหน่อย อะแห่ม...อะแห่ม...อะแห่ม...” ลู่ยุ๋นหลัวอยู่ดี ๆ ก็ไอออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทักษะการแสดงอันลำลึกของนางทำให้หยินซวางตกใจขึ้นมาทันที

“นายหญิง นายหญิงเป็นอะไรไปเพค่ะ ?” เมื่อสักครู่นางก็ยังดี ๆ อยู่เลย

ลู่ยุ๋นหลัวโบกมือปฏิเสธอย่างอ่อนแรง  “ไม่ได้สำคัญอะไร...อะแห่ม...อะแห่ม...บางทีข้าอาจจะเป็นโรคร้าย...อะแห่ม...อะแห่ม...”

“พวกเจ้าไม่ต้องกลัวไป...อะแห่ม...อะแห่ม...โรคนี้ไม่แพร่ติดถึงผู้อื่น อะแห่ม...อะแห่ม...”

นางพูดจบไม่ได้ง่ายดายนัก เพราะการไอขั้นรุนแรงเป็นระลอก ดูเหมือนว่าอาการป่วยของนางราวกับจะไอจนตับไตไส้พุงทะลักออกมาได้ 

เหล่าขันทีและนางข้าหลวงเมื่อได้ยินคำว่าแพร่ติดสองคำนี้ ก็แถบจะตกใจถอยห่างไปหลายก้าว เกรงว่าลู่ยุ๋นหลัวจะแพร่เชื้อโรคให้กับพวกเขา

แม่นมอาวุโสฮันกลับมีใบหน้าสงสัยมองที่ลู่ยุ๋นหลัว

เมื่อสักครู่นายหญิงตอนเดินมาก็ยังอาการยังแข็งแรงดีอยู่ ทำไมจู่ ๆ ก็เริ่มไอขึ้นมา

ลู่ยุ๋นหลัวสัมผัสได้ถึงแววตาความสงสัยของแม่นมอาวุโสฮัน นางจึงตัดสินใจเพิ่มความร้อนแรงของการแสดงไปอีกขั้น

“อะแห่ม...อะแห่ม...ช่วยพยุงข้าเข้าตำหนักล้างตัวเปลี่ยนอาภรณ์ให้ที...”

นางพูดพลางขณะหันหลังเดินเข้าไปยังประตูตำหนัก เวลาเดียวกันนั้นนางก็ยังคงไอพร้อมกับใช้แขนเสื้อบังบริเวณช่างล่างของใบหน้าอีกทั้งอาศัยช่วงเวลานั้นหยิบซอสมะเขือเทศจากในมิติพิเศษบีบเทใส่ปากอย่างรวดเร็ว

“จะให้องค์จักรพรรดิทรงรอนานมิได้...อะแห่ม...อะแห่ม...อะแห่ม...อะแห่ม...”

ลู่ยุ๋นหลัวไอออกมาครั้งนี้จนฝ่ามือที่ปิดบังใบหน้าเมื่อสักครู่แดงฉานอมดำเต็มไปด้วย “เลือดสด” 

“นายหญิง !” หยินซวางตกตะลึงกับสิ่งตรงหน้า ทำไมอาการถึงได้รุนแรงเพียงนี้ ?  ทำไมถึงมีเลือดออกมามากมายขนาดนี้ ?

“เป็นที่บ่าวไม่ดีเองเพค่ะ เป็นที่บ่าวดูแลนายหญิงไม่ดีเองเพค่ะ !” บัดนี้น้ำตาของหยินซวางก็ไหลทะลักออกมา ด้วยท่าทางเสียใจอันน่าเจ็บปวดนี้ใครเห็นก็ต้องสะเทือนใจ

ลู่ยุ๋นหลัวจับมือหยินซวางอย่างอ่อนแรง “เจ้าไม่ต้องกังวล ตัวข้านั้นยังไม่เป็นไร...อะแห่ม...อะแห่ม...ข้ายังต้องไปปรณนิบัติองค์จักรพรรดิอีก...”

ลู่ยุ๋นหลัวพูดพลางและยกมืออันเสาเทาเช็ดคราบเลือดที่ค้างตรงมุมปากออกพร้อมกับใบหน้าที่หมองหม่นของนาง ภาพที่เห็นยิ่งเพิ่มความหวาดผวาให้กับผู้คนเข้าไปอีก 

แม่นมอาวุโสฮันขมวดคิ้วมองนายหญิงของตำหนักเย็นแห่งนี้ นางนั้นหมดวาสนาที่จะปรณนิบัติองค์จักรพรรดิแล้วจริง ๆ

ตั้งแต่บรรพกาลแล้วที่นางสนมเมื่อมีโรคภัยมาเบียดเบียนนั้นหมายถึงการหมดคุณสมบัติการปรณนิบัติลงทันที

นี่คือกฎเหล็กของสำนักพระราชวัง

โดยเฉพาะนายหญิงตรงหน้าที่บัดนี้อาการประชวรทรุดหนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น