ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 54

แม่นมอาวุโสฮันครุ่นคิดอยู่ครู่ก็กล่าวออกมา “ในเมื่อร่างกายของนายหญิงทรงประชวร วันนี้จึงไม่เป็นการดีที่จะอนุญาตให้ปรณนิบัติ บ่าวขอลากลับไปทูลบังคมกล่าวรายงาน หวังว่านายหญิงจะทรงหายประชวรโดยเร็ววัน”

เมื่อพูดจบ นางก็นำขบวนรับเสด็จมากกว่าสามสิบคนพร้อมยกเกี้ยวประทับอันว่างเปล่ากลับไป

“ในที่สุดก็ไปได้สักที !” ลู่ยุ๋นหลัวถอนหายใจออกมา พร้อมกับกระแอมในลำคอให้เสียงกลับมาชัดดังเดิม เนื่องจากการไอขั้นรุนแรงเมื่อสักครู่ คอขอนางจึงรู้สึกไม่ค่อยสบายนัก

นางตบไหล่หยินซวาด้วยใบหน้าตื้นตันใจ “เมื่อกี้เจ้าแสดงได้ไม่เลว” นางกลับหลังเดินเข้าประตูใหญ่ของตำหนักกลับเข้าไป ปล่อยให้หยินซวางเหลือคราบน้ำตาไว้ที่ใบหน้า

นายหญิงหยุดไอแล้ว ?

ยังบอกอีกว่านางแสดงได้ดี ?

นายหญิงแกล้งป่วยงั้นเหรอ ?

ผ่านไปนานราวกับครึ่งวันหยินซวางหยินซวางเพิ่งจะรู้ตัว 

หู้ว...เย้....

โชคดีจริง ๆ !

นายหญิงไม่มีอาการประชวรช่างน่ายินดีจริง ๆ เมื่อกี้นางกลัวแทบตาย !

“เดี๋ยวก่อนเพค่ะ นายหญิงเมื่อสักครู่ไอจนกระอักออกมาเป็นเลือดเมื่อสักครู่ได้ยังไงเพค่ะ ?” หยินซวางเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าพร้อมกับเดินตามนายหญิงเข้าตำหนักไป อาการกระอักเลือดออกมาเมื่อสักครู่นั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง

“นั่นนะเหรอ มันคือซอสมะเขือเทศที่ข้าให้เจ้าต้มเมื่อสองวันก่อนยังไงหละ”

“ซอสมะเขือเทศ ? มันจะเหมือนมากเกินไปหน่อยมั๊ยเพค่ะ นายหญิงสามารถคิดออกมาได้ช่างเก่งกาจสามารถ...” หยินซวางนางเริ่มยกย่องเยินยอนางหญิงของนางอีกครั้งในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน

จี้อู๋เจวี๋ยที่บัดนี้ที่ประทับอยู่ที่ตำหนักซู่ซินรับการกราบบังคับทูลรายงานอยู่ขณะนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วสงสัยขึ้นมา

อาการประชวรหนัก ไอจนถึงขั้นกระอักออกมาเป็นเลือด

สิ่งที่ได้รับการรายงานมาทั้งหมดล้วนรุนแรงทั้งสิ้น

“องค์จักรพรรดิ ฝ่าบาทจะทรงเลือกแผ่นไม้ใหม่อีกครั้งมั๊ยพะยะค่ะ ?” ขันทีหลู่ยกกระดานไม้ไปข้างพระวรกายองค์จักรพรรดิพร้อมทูลถาม

จี้อู๋เจวี๋ยลุกขึ้นพร้อมกับชำเรืองไปยังป้ายแผ่นไม้บนกระดานไม้แผ่นนั้น “ไม่จำเป็น  เตรียมขบวนเสด็จไปยังตำแหน่งเย็น !”

“พะยะค่ะ !” เฉาจงฉวนที่อยู่ข้างพระวรกายองค์จักรพรรดิอยู่ตลอดเวลาก็รับทราบคำสั่งพร้อมกับเตรียมกราบบังคมทูลลาไปจัดการขบวนเสด็จ ขณะที่เขากำลังจะไปถึงปากประตูตำหนักก็ถูกจี้อู๋เจวี๋ยทรงเรียกหยุดเอาไว้ “เจ้าไปโรงหมอเรียกหมอมาเข้าเฝ้าข้า”

ยังไงเขาก็ต้องทราบให้ได้ว่านางตกลงเกิดโรคร้ายแรงอะไรขึ้น

ลู่ยุ๋นหลัวหลังจากชำระร่างกายเสร็จก็สวมชุดกระโปรงสีชมพูดอ่อนโกรกลมเย็นเพลิดเพลินใต้ร่มไม้บริเวณภายในตำหนัก

ความเบื่อหน่ายก็เข้ามาครอบงำจนนางไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อดี

นางเหม่อลอยมองท้องฟ้าเบื้องหน้าซึ่งดูจากเวลาก็น่าจะประมาน 1 ทุ่มโดยประมาณ หากเป็นยุคปัจจุบันแล้วละก็กำลังเป็นช่วงคึกคักที่สุดหลังตะวันลาลับไป แต่เมื่อเป็นยุคสมัยนี้ที่นางหลุดมิติเข้ามาก็คงแต่ได้นั่งจ้องตากันให้หาเวลามันผ่านพ้นไป

ช่างน่าเบื่อเสียจริง

“หยินซวาง ข้าสอนการเต้นบนลานให้เจ้าเอามั๊ย ?” ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้ลู่ยุ๋นหลัวนึกถึงการเต้นบนลานของเหล่าคุณป้าในยุคศตวรรษที่ 21 ซึ่งนอกจากมีมนต์ขลังแล้วยังเป็นการใช้เวลาให้เป็นประโยชน์และออกกำลังกายไปในตัวด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว

“การเต้นเหรอเพคะ ? นายหญิงกำลังล้อบ่าวเล่นอยู่รึเพคะ ? บ่าวผู้นี้ไม่เคยเรียนเต้นมาก่อนคงจะยากไปสำหรับบ่าวเพคะ” หยินซวางส่ายหัวปฏิเสธทันควัน นางคิดว่าการเต้นนั้นเหมาะสำหรับผู้เรียนที่มีร่างกายยืดหยุ่นอีกทั้งเหมาะกับผู้ที่มีความงดงามและเริ่มเรียนตั้งแต่ยังเยาว์วัยเท่านั้น

“ไม่ต้องห่วง มันง่ายกว่าที่เจ้าคิดไว้เยอะ เจ้าดูข้า ข้าจะทำให้เจ้าดูรอบนึง”

ลู่ยุ๋นหลัวลุกขึ้นเดินมาถึงลานกลางตำหนักพร้อมกับกระแอมในลำคอก่อนที่จะเริ่มร้องบรรเลงและเต้นเข้าจังหวะไปพร้อมกัน

เนื้อเพลงเรียบง่ายร้องตามได้ จังหวะทำนองไม่ช้าไม่เร็วเกินไป เพียงไม่นานก็ติดหูจนเผลอร้องได้ ผนวกกับด้วยท่าทางการเต้นบนลานกว้าง ความสนุกสนานก็ปรากฏให้เห็นขึ้นมา

ลู่ยุ๋นหลัวออกท่าท่าบริหารท่าแรกไม่ทันเสร็จ หยินซวางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

การเต้นของนายหญิงนั้นหยินซวางเคยเห็นมาก่อนแล้ว แน่นอนว่าต้องอยู่ระดับแนวหน้าของอาณาจักรตงหลาน

แต่ท่าเต้นอันเรียบง่ายสบาย ๆ ตรงหน้านั้นนางเพิ่งเคยได้เห็นเป็นครั้งแรก

“เจ้าอย่ามัวแต่หัวเราะข้า ลุกขึ้นมาเต้นกับข้าเร็ว” ลู่ยุ๋นหลัวดึงหยินซวางที่กำลังหัวเราะขำนางอยู่ลุกขึ้นมาเต้นด้วยกัน อาจเป็นเพราะด้วยมนต์เสน่ห์ของเพลง คนซื่อซื่อตรงตรงอย่างหยินซวางก็เผลอยกมือยกเท้าเต้นไปตามจังหวะของนาง

จี้อู๋เจวี๋ยที่บัดนี้กำลังประทับประเกี้ยวเสด็จไปตำหนักเย็นระหว่างทาง ก็ได้ยินเสียงดังแว่วขึ้นมาจากในตำหนักดังไปจนถึงปากประตูทางเข้าตำหนัก

“ตัวข้าเก็บดวงดาวมาให้แก่เจ้า ดึงดวงจันทร์ลงมามอบแก่เจ้า ส่งตะวันขึ้นไปนั้นก็เพื่อเพราะเจ้า...”

“ต่อให้ชีวิตข้าสั้นแต่รักเจ้านั้นจะยังคงอยู่ตลอดไป...”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น