ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 55

ประตูตำหนักที่เปิดค้างไว้อยู่นั้นกับปรากฏร่างของจี้อู๋เจวี๋ยที่บัดนี้จ้องมองลู่ยุ๋นหลัวเต้นพริ้วไหวอย่างกับพายุโหมกระหน่ำและบ้าคลั่งอย่างกับเปลวเพลิงที่ลุกโหม เสียงร้องขับบรรเลงที่ก้องกังวานรวมเข้ากับท่าเต้นอันช่ำชองซึ่งดูตรงไหนก็ไม่มีวี่แววของอาการป่วยหนักตามที่ได้รับรายงานมา

“องค์จักรพรรดิ ให้บ่าวเข้าไปประกาศการเสด็จมาเยือนก่อนมั๊ยพะยะค่ะ ?” เฉาจงฉวนถามด้วยเสียงสั่นเครืออย่างระแวดระวัง

“ไม่ต้อง !” จี้อู๋เจวี๋ยสีหน้าหมุ่นหมองพร้อมกับเดินไปยังภายในตำหนัก

“เจ้านั้นก็ยังคงเป็นแอปเปิ้ลน้อยของข้า ข้านั้นรักมากเท่าใดเท่าใดก็ไม่เคยพอ ใบหน้าที่แดงมอมอชั่งอุ่นใจข้าจริงหนอ...”

“จุดไฟรักให้เผาผลาญชีวิตข้าให้จงมอดไหม้ ไหม้ ไหม้ ไหม้ ไหม้ ไหม้ ....”

ลู่ยุ๋นหลัวหยิบไม้ที่อยู่ใกล้ตัวถือขึ้นมาราวกับไมโครโฟนในยุคศตวรรษที่ 21 พร้อมกับแอ่นกายขับร้องสุดเสียงลมหายใจ ทันใดนั้นสายตาของนางก็เหลือบไปเห็นเงาร่างหนึ่งตรงปากประตูที่กำลังจ้องมองนาง จี้อู๋เจวี๋ยที่บัดนี้สวมฉลองพระองค์สีม่วงเข้มทรงยืนมองนางตรงปากประตูด้วยพระเนตรอันเย็นเยียบส่งมาที่นาง

ลู่ยุ๋นหลัวตกใจจนมือไม้สั่นจนเผลอทำไม้ที่อยู่ในมือหลุดหล่นลงกับพื้น

จี้อู๋เจวี๋ย ?

ชายคนนี้จะมาตำหนักเย็นทำไมอีก !

จี้อู๋เจวี๋ยที่บัดนี้ค่อย ๆ ทรงย่างก้าวเดินเข้ามา ฉลองพระองค์สีม่วงเข้มที่ทรงสวมอยู่ขับให้ตัวเขาสูงโปร่งขึ้นไปอีก พระพักตร์ที่หล่อเหลาคมคายบัดนี้ซ่อนอยู่ภายใต้เงาอันดำมืดแต่กลับพบประกายของแววตาสีน้ำหมึกที่แฝงไปด้วยความเย็นชาทอดพระเนตรมองมาที่หน้าของนางอย่างไม่ละสายตา

ลู่ยุ๋นหลัวใจล่วงไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที

จบสิ้นแล้ว !

ขบวนรถแกล้งป่วยที่นางเริ่มขับออกมาก็คว่ำตีลังกาไม่เป็นท่า ถูกจับได้คาหนังคาเขา !

ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ถ้านางแกล้งไอแกล้งเป็นลมจะยังทันการอยู่มั๊ย

ทุก ๆ ย่างก้าวที่จี้อู๋เจวี๋ยค่อย ๆ เสด็จเข้ามาใกล้กลับแฝงไปด้วยกลิ่นไอของแรงกดดัน จนทำให้หัวใจของลู่ยุ๋นหลัวเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ

การแสร้งทำเป็นประชวรเพื่อปฏิเสธการปรณนิบัติองค์จักรพรรดิ ถือเป็นการขัดต่อกฎร้ายแรงสูงสุด

นางไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของนางกับจี้อู๋เจวี๋ยจะดีถึงขั้นที่สามารถละเว้นอภัยโทษของการมุสานี้ให้กับนางได้

ภาพอันดำมืดปกคลุมที่เปลือกตา ร่างกายอ่อนแรงโรยราล้มลงกับพื้นอย่างไม่ลังเล

งั้นเป็นลมไปชั่วคราวก่อนเพื่อปกป้องชีวิตอันสำคัญ

หลังจากลู่ยุ๋นหลัวเป็นลมล้มพับลงไป หยินซวางก็ตกใจขึ้นมาทันใด เมื่อกี้นายหญิงของนางยังดีดีอยู่ ทำไมถึงเป็นลมล้มพับไปได้

“นายหญิงตื่นขึ้นมาสิเพค่ะ นายหญิงอย่าทำให้บ่าวตกใจสิเพค่ะ”

หยินซวางพยายามเขย่าตัวลู่ยุ๋นหลัว แต่เปลือกตาของนางก็ยังคงปิดพริ้มอยู่อย่างนั้น

“นายหญิง นายหญิงเป็นอะไรไปเพคะ นายหญิงรีบตื่นขึ้นมาสิเพคะ !”

หยินซวางเริ่มวิตกกังวลมากขึ้นไป

เป็นไปได้หรือไม่ว่านายหญิงของนางมีโรคสำคัญร้ายแรง

หรือเมื่อสักครู่ที่อาเจียนออกมาจะเป็นเลือดจริง เลยหลอกนางว่าเป็นซอสมะเขือเทศเพื่อให้นางไม่ต้องกังวล ?

เมื่อนางคิดถึงตรงนี้ก็เริ่มร้องห่มร้องไห้ออกมาอย่างกับฝนห่าใหญ่ เขย่าตัวลู่ยุ๋นหลัวแรงขึ้นไปอีกเท่าตัว

“นายหญิง ท่านจะมาตายไม่ได้นะเพคะ ฮือ ๆ...นายหญิง...”

หยินซวางยังคงเขย่าตัวลู่ยุ๋นหลัวต่อไปจนนางเริ่มวิงเวียนหัวขึ้นมา

มุมปากของลู่ยุ๋นหลัวกระตุกขึ้นเบา ๆ ได้แต่คิดขึ้นมาในใจ หยินซวางอย่าเขย่าอีกเลย ถ้าคืนเจ้ายังเขย่าต่อไปนายหญิงของเจ้าจะต้องเป็นลมจริง ๆ แน่นอน

ส่วนจี้อู๋เจวี๋ยนั้นประทับนั่งลงบนม้าหินที่อยู่ภายในตำหนักใกล้ ๆ

พร้อมกับชำเลืองมองไปยังลู่ยุ๋นหลัวที่บัดนี้นอนกองอยู่ที่พื้น

“แพทย์หลวงเฉิน !”

แพทย์หลวง ? หนังตาลู่ยุ๋นหลัวพลันกระตุกราวกับคิดอะไรบางอย่างได้ นางจะโชคร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ ?

“เข้ามาแมะดูชีพจรนาง ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่านางป่วยเป็นโรคอะไร ป่วยขนาดนี้ยังขึ้นมาเต้นร้องเพลงได้อีก แล้วยังนึกจะเป็นลมก็เป็นลม”

ภายนอกตำหนักก็มีแพทย์ท่านหนึ่งสะพายกล่องยาเดินเข้ามาภายในตำหนักพร้อมขอคาราวะองค์จักรพรรดิก่อนที่จะไปตรวจแมะชีพจรนาง

ลู่ยุ๋นหลัวเมื่อได้ยินฝีเท้าที่กำลังมาใกล้ใจของนางก็เริ่มรู้สึกแย่ไปทุกขณะ

นี่ขนาดพาแพทย์หลวงมาด้วยเลยเนี่ยนะ ?

จี้อู๋เจวี๋ยใจคอไม่คิดจะไม่เหลือทางให้นางหนีรอดเลยรึ ?

ลู่ยุ๋นหลัวในใจราวกับมีเข็มร้อยด้ายที่พยายามเย็บหีบแม่ถวายเขาสักพันใบ

แพทย์หลวงเฉินหยิบหมอนรองแขนชีพจร พร้อมกับเริ่มผสานมือวางแมะไว้ที่ข้อมือของลู่ยุ๋นหลัววัดแมะชีพจร

สมองของลู่ยุ๋นหลัวประมวลผลอย่างเร็วจี๋เพื่อหาทางรอดจากสถานการณ์ตรงหน้า

นางทบทวนผลลัพธ์ของความเป็นไปได้ทั้งหมดเกิดเป็นภาพจำลองในหัวนาง

ในท้ายที่สุดไม่ว่าแพทย์หลวงเฉินคนนี้จะพูดว่าอย่างไร นางตัดสินใจที่จะเป็นลมไม่ลุกอย่างนี้ต่อไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น