ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 56

ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุที่นางแกล้งหลับตาอยู่แบบนี้หรือไม่ทำให้แพทย์หลวงเฉินถึงแมะชีพจรถึงนานขนาดนี้

ต่อให้นานอีกสักเท่าไหร่ก็ดูเหมือนการแมะชีพจรนี้จะไม่มีวันเสร็จ

ถ้าไม่ได้เป็นเพราะว่านางนั้นเข้าใจศาสตร์ของแพทย์มาก่อนแล้ว การแมะชีพจรนานขนาดนี้นางอาจคงทนไม่ได้ที่จะสงสัยว่าตัวนางเองอาจมีโรคร้ายอยู่จริงก็เป็นได้

ในที่สุดแพทย์หลวงเฉินก็ปล่อยข้อมือของนางลง

“กราบบังคมทูลองค์จักรพรรดิ ชีพจรของนายหญิงไม่จมและก็ไม่ลอย สมดุลแผ่วเบาเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ถ้าดูจากชีพจรแล้ว สุขภาพลานามันของนายหญิงถือว่าปกติแข็งแรงดี ถ้าถามว่ามีปัญหาอื่นใดอีกก็คงจะมีแค่ช่วงสองสามวันนี้ที่นางอาจทานเยอะกว่าปกติจนมีอาหารตกค้างอยู่เยอะ ขยับร่างกายให้มากขึ้นก็เพียงพอสำหรับการแก้ไขปัญหานี้พะยะค่ะ !”

มุมปากของลู่ยุ๋นหลัวกระตุกขึ้นเล็กน้อย

แมะชีพจรอยู่ตั้งนานกลับบอกได้แค่ว่านางทานเยอะ ?

แพทย์หลวงคนนี้มันเป็นมั๊ยเนี่ย ?

 หยินซวางที่ร้องไห้จนตาแดงก่ำทั้งสองข้างเมื่อได้ฟังสิ่งที่แพทย์หลวงเฉินพูดเสร็จก็หันกลับมามองนายหญิงของนางที่ล้มตัวพับอยู่บนพื้นขณะนี้ ดูเหมือนนางจะเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าขึ้นบ้างเล็กน้อยพร้อมกับหยุดร้องไห้และปาดคราบน้ำตาบนใบหน้าออก

“ทานเยอะไป ?” เขาขมวดพระขนง(พระขนง แปลว่า คิ้ว)จนแถบจะผูกกันทอดพระเนตรมองลู่ยุ๋นหลัวบนพื้น “งั้นหมายความว่านางไม่ได้มีโรคร้ายแรงใดใช่หรือไม่ ?”

“กราบบังคมทูลองค์จักรพรรดิ เรื่องจริงก็ตามที่กระหม่อมกล่าวไปพะยะค่ะ”

“ในเมื่อร่างกายก็พลานามัยแข็งแรงดี แล้วทำไมถึงเป็นลมล้มพับไปได้ ?”

“กราบบังคมทูลองค์จักรพรรดิ จุดนี้ยังเป็นอีกจุดที่กระหม่อมสงสัยอยู่เช่นเดียวกันพะยะค่ะ หรือว่าบางทีนายหญิงอาจจะหลับไปแล้วก็เป็นได้ ?” แพทย์หลวงเฉินน่าจะรู้อยู่แล้วว่าลู่ยุ๋นหลัวแกล้งเป็นลมแต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดเอ่ย

“มีวิธีปลุกนางให้ตื่นได้รึไม่ ?”

“องค์จักพรรรดิ กระหม่อมพกเข็มสำหรับฝังมาด้วย เพียงเข็มนี้จิ้มลงไป นายหญิงจะตื่นแน่นอนพะยะค่ะ”

“งั้นเจ้าจัดการได้เลย” จี้อู๋เจวี๋ยกล่าวตรัสด้วยเสียงเรียบเย็น เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่านางจะเสแสร้งไปได้อีกนานเท่าไหร่

เมื่อลู่ยุ๋นหลัวได้ยินบทสนทนาใจของนางก็แทบจะเต้นทะลุออกนอกอก เจ้าจี้อู๋เจวี๋ยมันช่างร้ายกายนัก !

นึกไม่ถึงว่าจะสั่งให้แพทย์หลวงใช้เข็มฝังจิ้มลงบนตัวนาง

ฮือ ๆ ๆ....

นางควรตื่นตอนนี้เลยดีมั๊ย ?

ไม่ได้ !

ถ้าลืมตาตอนนี้นั่นเท่ากับเป็นการยืนยันการโทษกระทำผิดของนางไม่ใช่เหรอ ?

แต่ถ้าตอนนี้ยังไม่ลืมตาตื่น อีกสักพักเข็มเล่มนนั้นก็ต้องมาจิ้มบนตัวให้ตื่นอยู่ดีแบบนี้ยิ่งน่าอายกว่าอีกไม่ใช่หรือ ?

ขณะที่ภายในหัวนางนั้นเกิดสงคราวความคิดย่อม ๆ แพทย์หลวงเฉินก็ได้จัดการฝังเข็มลงไปเรียบร้อยแล้ว

นอกจากความรู้เจ็บแปลบเบา ๆ ที่เกิดขึ้น นางก็แถบจะไม่รู้สึกอะไรอื่นอีก พูดตามเหตุผลแล้วจุดเสว่เว่ยที่แพทย์หลวงเฉินกำลังฝังเข็มลงไปโดยปกติผู้ที่หมดสติจะรู้สึกเจ็บแปลบจนฟื้นคืนสติขึ้นมา

เป็นไปได้อีกอย่างคือแพทย์หลวงท่านนี้ฝีมือไม่ถึงขั้นจนฝั่งเข็มไม่ตรงจุด ?

คนที่สงสัยอีกคนนอกจากนางก็คือตัวแพทย์หลวงเฉินเองอีกคน

จุดเสว่เว่ยนี้เพียงแค่ฝังเข็มลงไปไม่ว่ายังไงผู้ป่วยก็จะต้องฟืนคืนสติกลับขึ้นมา

“หรือว่านายหญิงจะเป็นลมล้มพับหมดสติไปจริง ?”

แต่เขาก็แมะชีพจรตรวจดูแล้วก็ไม่พบอาการวิงเวียนคล้ายจะเป็นลมแต่อย่างใด

แพทย์หลวงเฉินสับสนกับสิ่งที่ตัวเองวินิจฉัย

ส่วนจี้อู๋เจวี๋ยยังคงทอดพระเนตรของเขาไปยังช่วงอกของลู่ยุ๋นหลัวที่บัดนี้ยังกระเพื้อมขึ้นลงอยู่

เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแพทย์หลวงเฉินท่านนี้หลังจากฝังเข็มลงไปแล้วทำไมนางยังคงหมดสติอยู่ แต่สิ่งที่เขารู้แน่นอนอย่างหนึ่งคือนางต้องแกล้งหมดสติเป็นแน่

จี้อู๋เจวี๋ยพลันโบกพระหัตถ์เป็นการบอกว่าแพทย์หลวงคนนั้นหมดธุระลงแล้ว      

เขาพลุบตาลงมองมองนางที่บัดนี้ตาทั้งสองยังคงหลับอยู่ เขาตรัสด้วยเสียงอันเรียบเย็น “ถ้าเจ้าตอนนี้ลืมต่อตื่นขึ้นมาเอง ข้าจะให้มอบให้เจ้า 1,000 ตำลึง”

หูลู่ยุ๋นหลัวก็ขยับราวกับเงิน 1,000 ตำลึงที่ได้ยินนั้นช่างน่าล่อตาล่อใจ แต่ว่าไม่ได้ ! มีเงินเยอะแค่ไหนต่อให้ไม่มีชีวิตอยู่ใช้เงินนั้นไม่ได้มันก็ไร้ค่า

ลู่ยุ๋นหลัวยังคงแน่นิ่งไม่ไหวติง

“งั้น 5,000 ตำลึง” เสียงอันเรียบเย็นของจี้อู๋เจวี๋ยดังมาอีกระลอก

5,000 ตำลังเลยงั้นเหรอ ? หัวใจของลู่ยุ๋นหลัวก็เต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง

นางต้องอยู่ในตำหนักอีกนานแค่ไหนถึงจะได้มีเงินมหาศาลได้ขนาดนี้ได้ ?

ไม่ได้ ! เจ้าคนนี้กำลังยั่วยวนนาง !

นางจะไม่มีวันตื่นขึ้นมาหากยังไม่ได้รับการอภัยโทษ

“หนึ่งหมื่นตำลึง !” จี้อู๋เจวี๋ยยังคงเพิ่มมูลค่าเงินอย่างไม่มีที่ท่าว่าจะหยุด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น