ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 59

เกี้ยวประทับที่ไปรับเสด็จใช้ข้อกำหนดของฮองเฮาในการจัดพิธี

แต่น่าเสียดาย ที่นายหญิงนั้นไร้ซึ่งบุญวาสนา เพราะนางกลับมีอาการป่วยจึงทำให้คนของสำนักพระราชวังเสียเวลาไปรับเสด็จอย่างเปล่าประโยชน์

ได้ยินเหล่านางข้าหลวงที่ได้ไปรับเสด็จที่ตำหนักเย็นว่ากันว่า นายหญิงของตำหนักเย็นนั้นมีอาการทางจิตร่วมอยู่ด้วยจนตัวนางเองจะเป็นคนก็ไม่ใช่ จะเป็นผีก็ไม่เชิง

แค่เหตุผลนี้อย่าว่าแต่จะเข้าพระเนตรองค์จักพรรดิเลย คนทั่วไปยังไม่ค่อยอยากจะแลด้วยซ้ำ

แต่คืนนั้นองค์จักพรรดิกลับเสด็จไปยังตำหนักเย็นพร้อมกับแพทย์หลวงเพื่อดูอาการนายหญิงท่านนั้น

คนทั่วไปต่างก็เดาไม่ออกว่าองค์จักรพรรดิมีดำริเช่นไร แล้วนายหญิงของตำหนักเย็นนั้นเป็นหรือไม่เป็นที่โปรดปราณขององค์จักรพรรดิกันแน่ ?

ถ้าจะบอกว่านางไม่เป็นที่โปรดปราณ แต่ทำไมองค์จักรพรรดิยังทรงเลือกตำหนักเย็นและเสด็จไปโดยทันที อีกทั้งเมื่อรู้ว่านางป่วยก็ถึงกับนำแพทย์หลวงไปดูอาการถึงที่

ถ้าจะบอกว่าเป็นที่โปรดปราณ แต่ทำไมคืนนั้นองค์จักรพรรดิถึงเสด็จไปหาหลันกุ้ยเหรินทันทีที่นางเรียกหา

ถ้าจะให้พูดตามตรง  ในบรรดาเหล่านายหญิงทั้งสามคนนี้ ดูเหมือนว่านางหลันกุ้ยเหรินของวังหลิวหยุนน่าจะเป็นที่โปรดปราณขององค์จักรพรรดิมากที่สุด

ในทางตรงกันข้าม เหยากุ้ยเหรินที่ได้เข้ามาเป็นนางสนมพร้อมกับหลันหุ้ยเหรินในวันนั้น นอกจากวันแรกที่ได้เข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิแล้ว ก็ดูเหมือนว่าองค์จักรพรรดิไม่เคยได้เสด็จประทับวังหลีเซี๋ยเลยแม้แต่ครั้งเดียว

เมื่อข่าวแพร่สะพัดไปยังวังหลีเซี๋ย เหยากุ้ยเหรินก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน พร้อมกับกล่าวบางอย่างกับแม่นมเฉิน จากนั้นสีหน้าของนางก็กลับไปเป็นปกติเช่นเดิม

และเมื่อช่วงบ่ายของวันมาถึง นางข้าหลวงไม่กี่นางก็ได้นำยาและอาหารบำรุงมาถวาย อีกทั้งยังบอกอีกว่าเหยากุ้ยเหรินของวังหลีเซี๋ยเห็นว่านางเจ็บไข้ได้ป่วย ก็รีบส่งคนมาถวายให้

พวกนางยังบอกอีกว่า เหยากุ้ยเหรินอยากเชิญลู่ยุ๋นหลัวให้ไปที่วังหลีเซี๋ยสักครั้ง

เมื่อลู่ยุ๋นหลัวเห็นยาและอาหารบำรุงเหล่านั้นก็คิดในใจว่าเหยากุ้ยเหรินนั้นช่างน่าสนใจ

พอรู้ว่านางป่วยก็รีบส่งคนมาถวายยาและอาหารบำรุงพวกนี้ให้เป็นพิเศษ

ซึ่งนางก็รู้แก่ใจดีอยู่ว่านางนั้นป่วยแต่ก็ยังให้คนมาเชิญไปวังหลีเซี๋ยอีก นี่ไม่ได้เป็นการบอกเป็นนัยกับนางหรอกหรือว่าเหยากุ้ยเหรินนั้นรู้ว่านางแกล้งป่วย ?

“นายหญิงของพวกเราคงไปไม่ได้หรอก พวกเจ้ารีบกลับไปเถอะ !” หยินซวางเมื่อได้เห็นคนจากวังหลีเซี๋ยก็โกรธจัด เมื่อคราวก่อนเหยากุ้ยเหรินส่งคนมาวางมาดโอหัง แต่ตอนนี้กลับมาเชิญนายหญิงของนางไปยังวังหลีเซี๋ย ?

นี่มันก็คือยื่นแกะเข้าปากเสือไม่ใช่เหรอ?  (แกะเข้าปากเสือ หมายถึง บุคคลหรือสิ่งของเมื่อตกไปอยู่ในมือหรือตกเป็นเหยื่อของคนที่มีอันตราย)

นางถึงไม่สามารถปล่อยนางหญิงให้ไปได้ !

ดูเหมือนเหล่านางข้าหลวงพวกนี้จะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าหยินซวางจะต้องพูดแบบนี้ แต่กลับไม่มีท่าทีใดพร้อมกับเอ่ยต่อ “เหยากุ้ยเหรินเคยกล่าวไว้ ว่านายหญิงนั้นเฉลียวฉลาด ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องร่วมมือกับนาง”

“ไปได้แล้ว จะไปเองดีดีหรือจะให้ไล่ !” หยินซวางยกไม้กวาดในมือนางขึ้นมาและกล่าวอย่างดุดัน

นางข้าหลวงจึงรีบถวายคำนับลา ก่อนจากไปยังพูดทิ้งท้ายอีกว่า “เหยากุ้ยเหรินยังบอกอีกว่า วันนี้ช่วงบ่าย จะรอการมาถึงของนายหญิง”

หลังจากที่นางข้าหลวงจากไป หยินซวางก็หยิบยาและอาหารบำรุงทั้งหมดนั้นไปทิ้ง นายหญิงของนางนั้นแข็งแรงดี ไม่จำเป็นต้องทานขชองพวกนี้ ใครจะรู้ว่าภายในของพวกนี้อาจมีพิษซ่อนอยู่ก็เป็นได้

จัดการทิ้งให้หมดอย่าเหลือไว้แม้แต่อย่างเดียว

เมื่อกลับมาหลังจากทิ้งของทั้งหมดนั่นแล้ว ก็เห็นลู่ยุ๋นหลัวสวมชุดสีฟ้าเดินออกมา นางจึงกล่าวด้วยความฉงน “นายหญิงเพคะ นายหญิงจะไปจริงเหรอเพคะ ? นางเหยากุ้ยเหรินนั่นเห็น ๆ อยู่ว่ามีเจตนาไม่ดี”

ลู่ยุ๋นหลัวกลับตบไหล่ของนางเท่านั้นพลางเอ่ย “ข้ารู้อยู่แล้ว”

“ท่านก็ยังจะไปอีกเหรอเพคะ ?”

“ช่วงนี้มือค่อนข้างตึง (มือตึง หมายถึง ปัญหาด้านการเงิน การเงินขาดสภาพคล่อง)  ข้าแค่ไปทำเงินเอาไว้ใช้นิดหน่อย” ลู่ยุ๋นหลัวกลับตัวเดินจากไปพร้อมกับแย้มรอยยิ้มที่สดใส

เมื่อตอนเช้าภายในมิติพิเศษนั้นนางพอดีเก็บตำรากามสูตรเล่มนั้นได้ซึ่งไม่รู้ว่านางโยนมันเข้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่

มันน่าจะเป็นตำราเล่มสุดท้ายที่อยู่ในมือนางแล้ว

นางกังวลอยู่พอดีว่าจะเอาไปขายให้ใคร พอจะขายคนซื้อก็มาหาถึงที่พอดี

ทำเงิน ?

หยินซวางเกาหัวด้วยความสงสัย

นางคิดไม่ออกว่าการไปยังวังหลีเซี๋ยจะทำเงินได้อย่างไร แต่หากนายหญิงพูดแล้วแสดงว่าต้องมีเหตุผล

เมื่อเห็นลู่ยุ๋นหลัวที่กำลังเดินห่างออกไป นางก็เตรียมที่จะตามไป แต่ลู่ยุ๋นหลัวพลันพูดประโยคหนึ่งกลับมา “เจ้าไม่ต้องตามมา”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น