ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 73

เขาจำเวลาตอนนั้นได้ดีว่าองค์จักรพรรดิทรงบัญชาให้ทำการถวายอาหาร เครื่องนุ่งห่มและของจำเป็นอื่น ๆ โดยอ้างอิงข้อกำหนดของฮองเฮา

อาจพูดได้ว่านี่คือการละเลยหน้าที่ที่ร้ายแรงที่สุดของเขา

แต่ก็ยังดีที่องค์จักรพรรดิยังมิได้ทรงรับทราบ อีกทั้งนายหญิงแห่งตำหนักเย็นผู้นี้ก็มิได้ถือโทษอะไรในทำนองนั้น

ฉะนั้นช่วงไม่กี่วันนี้สำนักพระราชวังจึงถวายอาหารข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ด้วยความหมั่นเพียรและรอบคอบ

เพราะเกรงว่านายหญิงท่านนี้จะเอาเรื่องก่อนหน้านี้ไปกราบทูลต่อเบื้องพระพักตร์องค์จักรพรรดิ

พอคนของสำนักพระราชวังจากไป คนของกองพระราชฐานชั้นในก็มาพอดี

พร้อมกับนำนางข้าหลวง 40 นางและขันทีอีก 20 นายมาถึง

เหล่านางข้าลวงและขันทีเดิมทีพวกเขาอายุถึงเกณฑ์ที่จะต้องออกจากพระราชวังแล้ว แต่เนื่องจากปีนี้ที่มีพระราชโองการให้เลื่อนการออกจากวังไปอีกหนึ่งปี รวมถึงงานของฝ่ายแผนกซักล้างที่มีคนใหม่มาทำแทน หลังจากจัดการบริหารคนอื่น ๆ ทั้งหมด คนที่เหลือจากการจัดการบริหารที่เหลืออยู่ก็ถูกส่งให้มาที่ตำหนักเย็นได้พอดี

หยินซวางตรวจสอบรายชื่อของเหล่านางข้าหลวงและขันทีเสร็จเรียบร้อย คนของกองพระราชฐานชั้นในก็จากไป

หยินซวางได้ทำการลงทะเบียนรายชื่ออย่างง่าย ๆ อีกทั้งอธิบายเรื่องต่าง ๆ พอสังเขปจนเสร็จก็ให้พวกเขากลับไป แล้วค่อยให้กลับมาใหม่ในพรุ่งนี้เช้า

เหล่านางข้าหลวงและขันทีที่มานั้นล้วนรับค่าแรงจากภายในวังทั้งหมดและยังมีที่พักเป็นหลักแหล่งที่เดียวกัน จึงไม่ต้องให้พวกนางมาจัดการเรื่องที่พักให้

ตอนที่พวกเขากำลังจะจากไป ลู่ยุ๋นหลัวก็ให้หยินซวางเอาหมั่นโถวหนึ่งลูกและซาลาเปาสองลูกแจกจ่ายให้กับพวกเขา เหล่านางข้าหลวงและขันทีไม่คิดมาก่อนว่าวันแรกที่มาถึงทั้งทั้งที่ยังไม่ได้ทำงานอะไรเลย ก็ได้ทานอาหารที่คนพูดกันว่าทำมาจากธัญพืชที่มีกำลังปลูกผลิต 10 ชึต่อหมู่

บางคนพอกัดเข้าไปหนึ่งคำจนเห็นเนื้อด้านในก็ยิ่งประทับใจเข้าไปใหญ่

ต้องทราบอย่างก่อนว่าพวกเขานั้นไม่ได้เป็นขันทีหรือนางข้าหลวงข้างพระวรกายของพระบรมวงศานุวงศ์ ดังนั้นอาหารของพวกเขาจึงมักเป็นอาหารแบบเดียวกัน โดยถ้าหากไปสายขึ้นมาในมื้อนั้นก็ต้องอดทนหิ้วท้องหิว

ซึ่งอาหารปกติแล้วก็ไม่ค่อยจะมีเนื้อเท่าไหร่นัก โดยพื้นฐานก็ทานไม่ค่อยอิ่มเท่าไหร่ด้วย

พริบตานั้นพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะต้องตั้งใจทำงานในตำหนักเย็นให้ดี

การกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจของลู่ยุ๋นหลัวครั้งนี้กลับเอาชนะใจของคนส่วนใหญ่ได้

เช้าตรู่วันถัดมา เหล่านางข้าหลวงและขันทีก็ได้มาถึงตำหนักเย็นแต่เช้ารออยู่ที่ปากประตู

ลู่ยุ๋นหลัวเริ่มจากการเลือกนางข้าหลวงหกนางที่สามารถทำอาหารได้ โดยหลังจากนี้พวกนางจะรับผิดชอบการทำอาหารในครัวทั้งหมด

ส่วนคนที่เหลือก็แบ่งพวกเขาออกเป็นสามกลุ่ม อีกทั้งให้พวกเขาลงคะแนนเลือกหัวหน้าในแต่ละกลุ่มออกมาได้สามคน

จากนั้นแบ่งหนึ่งกลุ่มให้แม่นมโจวพาพวกเขาไปยังห้องนอนที่ถูกทิ้งร้างไว้ด้านหลังเพื่อจัดเก็บทำความสะอาด และเมื่อได้เวลาก็เอาเตียงไปเสริมเพิ่มสำหรับพักผ่อนในช่วงกลางวันตรงนั้น

ยังรวมไปถึงห้องครัวสำหรับทำอาหารและห้องทานอาหารของพวกเขาก็จะอยู่ตรงนี้เช่นเดียวกัน

ส่วนอีกสองกลุ่มก็ให้พวกเขานำข้าวสาลีที่เก็บเกี่ยวเมื่อวันก่อนเอาไปตากไว้ชั่วคราวที่ลานตาก

นางดูแผ่นหินพยากรณ์อากาศแล้วพบว่าผ่านไปอีกไม่กี่วันฝนก็จะตกอีกทั้งยังจะตกต่อเนื่องกันเป็นเวลาหลายวัน

มีเพียงแค่ช่วงอากาศไม่กี่วันนี้เท่านั้นที่ไม่เลวและอุณหภูมิสูง หลังจากเก็บเกี่ยวมาแล้วก็ยังเอาไปตากให้แห้งที่อุณหภูมิสูงก่อนเก็บเขาคลังเพื่อป้องกันมิให้มีเชื้อราและเกิดหนอนแมลงได้

เป็นเพราะไม่มีเกวียนวัว จึงได้แต่ให้คนขนไปทีละมัดทีละมัดไปตากที่ลานตากชั่วคราว โดยลานตากตรงนั้นได้ปูผ้าหนาหนาไว้อยู่ก่อนแล้ว

ผ้าพวกนี้คือผ้าที่สำนักพระราชวังส่งมาให้ไม่กี่ผืน ลวดลายสีสันไม่เลวเลยทีเดียว น่าเสียดายไม่ทันได้ใช้ก็เอาไปทำเป็นผ้าปูรองสำหรับข้าวสาลีแล้ว

ภายในบริเวณตำหนักเย็นนอกจากห้องนอนแล้ว พื้นที่ส่วนใหญ่ก็เป็นที่ดินเปล่าทั้งหมด หากไม่เอามาปูเอาไว้ ข้าวสาลีพวกนี้ก็จะแห้งยาก

ขั้นตอนต่อไปก็คือการนวดข้าวและกวาดข้าว

ลู่ยุ๋นหลัวเมื่อเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้วก็กลับห้องนอนไป

แผนกเกษตรที่ธรรมดาของนางก็ถูกจัดตั้งขึ้นมาแล้ว

ส่วนถัดมานางต้องวางแผนจัดการให้ดีเพื่อให้พื้นที่รกร้างกว่า 300 หมู่เกิดประโยชน์สูงสุด

อ้างอิงจากกำลังปลูกผลิตของพื้นที่สองหมู่นั้นได้ประมาน 1,000 กิโลกรัม เท่ากับพื้นที่หนึ่งหมู่ต้องการเมล็ดพันธุ์ประมาน10 กิโลกรัม เมื่อคำนวณออกมาก็ต้องปลูกบนพื้นที่เพียงแค่ 100 หมู่เท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น