ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 75

“ครั้งนี้ที่เรียกท่านไปเข้าเฝ้าวังหนิงซิน ความเป็นไปได้เก้าในสิบก็คงเพราะเรื่องธัญพืชนั่น” แม่นมมีสีหน้ากังวลเกรงว่าลู่ยุ๋นหลัวจะรับมือไม่ไหว แต่พอคิดไปคิดมาถ้าอยากจะยืนหยัดอยู่ในตำหนักในได้นั้น เรื่องขัดแข้งขัดขาพวกนี้นั้นหนีไม่พ้นอยู่แล้ว

ลู่ยุ๋นหลัวขณะนั่งอยู่ที่หน้ากระจกก็ปล่อยให้แม่นมโจวจัดแต่งได้ตามอำเภอใจ

การออกไปเข้าเฝ้าพระพันปีหลวงในครั้งนี้ย่อมแตกต่างจากทุกครั้งที่นางออกไปเดินเล่น

ใส่เสื้อผ้าแบบไหน ประดับด้วยเครื่องประดับอะไร จัดแต่งทรงผมอย่างไร ทุกอย่างนั้นต้องเฉพาะเจาะจงเอาใจใส่เป็นอย่างดี

ถ้ามองข้ามเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ ก็เหมือนกับการไม่ถอดหมวกเคารพผู้อาวุโส นั่นจึงมากพอที่ทำให้นางไม่น่าจะรอดกลับมาได้

“นายหญิงเพคะ ช่วงไม่กี่วันนี้หมั่นโถวและซาลาที่ท่านทำออกมาได้นำไปถวายที่วังหนิงซินบ้างรึยังเพคะ ?” แม่นมโจมถามขึ้นมาอย่างกระทันหัน

ลู่ยุ๋นหลัวก็ใจหล่นไปที่ตาตุ่มเลยทันที ชิบหายล่ะ !

ไม่แปลกเลยที่พระพันปีหลวงจะเรียกนางไปเข้าเฝ้า !

นางกลับลืมเรื่องที่สำคัญเช่นนี้ไปได้ !

ธัญพืชชนิดใหม่ที่ถูกพบในตำหนักเย็นที่สามารถนำเอาไปทำอาหารชนิดใหม่ที่ทั้งอร่อยและช่วยให้อิ่มท้องได้ดี นางนอกจากจะนำพระกายาหารชนิดใหม่นี้ถวายแด่องค์จักรพรรดิแล้ว นางก็แถบไม่ได้เอาไปถวายให้พระพันปีหลวงได้ทรงลองเสวยเลยด้วยซ้ำในตอนแรก แต่กลับเอาไปแจกจ่ายให้กับข้าราชบริพารในตำหนักเย็น

แบบนี้พระพันปีหลวงจะมีพระดำริเช่นไรไปได้ ?

ลู่ยุ๋นหลัวลุกขึ้นรีบสั่งให้หยินซวางไปที่ครัวเพื่อแบ่งแป้งสาลีทีมีอยู่ 200 กว่ากิโลเป็นสองส่วน ส่วนแรกให้คนส่งไปยังตำหนักซู่ซิน อีกส่วนหนึ่งจะนำก็จะนำติดตัวเพื่อไปถวายที่วังหนิงซิน

ในที่สุดแป้งสาลีในครัวก็ไม่เหลือ

จนกระทั่งวันนี้ ข้าวสาลีที่เป็นดั่งของหายากในพระราชวัง ถ้าหากภายในตำหนักเย็นแห่งนี้นางวันวันเอาแต่กินอาหารจากข้าวสาลี แต่องค์จักรพรรดิและพระพันปีหลวงกลับไม่ได้เสวย นั่นเท่ากับว่านางรนหาที่ตายชัด ๆ

ถึงแม้ว่าภายในมิติพิเศษของนางจะมีแป้งสาลีอยู่มาก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่านางจะสามารถเอามันออกมาได้

ข้าวสาลีชุดนี้ที่นำไปปลูกก่อนสุกงอม อย่างน้อยเบื้องหน้าภายนอกของนางก็ไม่ควรทานอาหารที่ทำมาจากแป้งนี้

และแม้ว่าข้าวสาลีชุดนี้จะสุกงอมแล้วก็ยังต้องเอาไปทำเพาะปลูกต่ออยู่ดี ส่วนการที่เอาข้าวสาลีไปโม่เป็นแป้งสาลีได้ เกรงว่าก็คงจะได้มาไม่เยอะเท่าไหร่นัก หากรอจนสามารถแจกจ่ายมาที่ตำหนักเย็นได้ก็คงจะได้น้อยยิ่งกว่าน้อยด้วยซ้ำ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ลู่ยุ๋นหลัวก็เสียใจขึ้นมาเล็กน้อย

แต่ว่าก็ยังดีว่านางยังสามารทานพวกข้าวโพด มันฝรั่ง มะเขือเทศ และผักอื่น ๆ แทนได้

โดยผักพวกนี้นางเป็นคนปลูกเองภายในตำหนักทั้งหมด

และขณะที่ยังไม่มีการให้ปลูกในระดับเกษตรกรรม นางก็แถบจะไม่ต้องเอาไปใช้ถวายแก่คนภายนอกตำหนักด้วย

เมื่อทั้งหมดจัดการเสร็จเรียบร้อยก็ออกเดินทางไปยังวังหนิงซินทันที

เมื่อมาถึงวังหนิงซิน พระพันปีหลวงได้หลับพระเนตรทรงพักผ่อนอยู่บนเตียงบรรทม โดยมีนางข้าหลวงทั้งสองข้างที่คอยพัดโบกพระพัชนีอย่างแผ่วเบา

เมื่อได้ยินเสียงกราบทูลการมาถึงของผู้มาเยือน พระพันปีก็เชิดพระพักตร์เหลือบพระเนตรไปที่ลู่ยุ๋นหลัวตรงปากประตู

ลุ่ยุ๋นหลัวสวมใส่ผ้าแพรปักลอยดอกสีฟ้าอ่อน บริเวณเอวผูกไว้ด้วยผ้าสีเหลืองอ่อนจัดเป็นช่อดอก ส่วนทรงผมจัดแต่งเป็นทรงที่พบได้ทั่วไปของสนมในวัง ทั้งชุดการแต่งกายเป็นไปตามบรรทัดฐานและจารีตประเพณี แม้จะไม่ได้โดดเด่น แต่เมื่อผนวกเข้ากับใบหน้ารูปลักษณ์อันงดงามที่ใครเห็นเป็นต้องตกใจได้นั้น ก็ยิ่งทำให้น่าดึงดูดมีเสน่ห์หลงไหลเป็นพิเศษ

โดยเฉพาะดวงตาดั่งผิวน้ำในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่เหลือบมองมาและเปล่งกระกายความเล่อค่าที่แอบซ่อนเอาไว้

ใบหน้านี้ช่าง....

แววพระเนตรอันยากจะหยั่งถึงก้นบึ้งของพระพันปีหลวงก็ทรงฉายแววของความประหลาดอันยากที่จะสังเกตเห็นได้ หลังจากนั้นชั่วครู่ก็ทรงฉายแววพระเนตรกลับสู่ความปกติ

“กราบบังคมทูล พระพันปีหลวง !”

พระพักตร์ของพระพันปีหลวงก็พลันปรากฏแย้มพระโอษฐ์จาง ๆ ขึ้นมา “ลุกขึ้นได้”

“ขอบพระทัย พระพันปีหลวง”

ลุ่ยุ๋นหลัวเมื่อลุกขึ้นมาแล้วก็ได้พูดกับข้าราชบริพาร “พวกเจ้าทั้งสอง นำเอาถุงแป้งสาลีนี้ไปส่งที่ห้องปรุงพระกระยาอาหารของพระพันปีหลวง”

“เพคะ !”

หลังจากนั้นนางข้าหลวงของพระพันปีหลวงนางหนึ่งก็ได้นำทางแก่พวกเขา

หลังจากกำชับเสร็จ ลุ่ยุ๋นหลัวก็แย้มรอยยิ้มที่โดดเด่นขึ้นมาพร้อมกล่าว “พระพันปีหลวง ถุงแป้งสาลีนี้หม่อมฉันตั้งใจโม่ออกมาเป็นอย่างดีเพื่อตั้งใจนำมาถวายให้พระพันปีหลวงตั้งแต่สองวันก่อน เพียงแต่หม่อมฉันเสียเวลายุ่งเกี่ยวกับการเพาะปลูก หม่อมฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพระพันปีหลวงจะทรงไม่ถือโทษโกรธเคืองที่ตัวหม่อมฉันที่ถวายล่าช้า”

“เจ้านั้นมีเจตนาอันดี” พระพักตร์ของพระพันปีหลวงยังคงประดับแย้มพระโอษฐ์จาง ๆ ไว้ “เชิญนั่งก่อนสิ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น