ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 77

“อะแห่ม ๆ ๆ ….”

นางเกือบจะสำลักตายเพราะน้ำผลไม้ที่เพิ่งเข้าปากไป

ทำไมเจ้าจี้อู๋เจวี๋ยถึงเลือกแผ่นไม้ของนางอีกล่ะ ?

เป็นไปได้ไหมว่าหลันกุ้ยเหรินไม่ได้ทรงเป็นที่โปรดปราณแล้ว ?

นี่เพิ่งผ่านมาได้ไม่กี่วันเองก็จะให้ข้าเข้าปรนนิบัติอีกงั้นเรอะ !

คราวก่อนที่แสร้งแกล้งทำป่วยไป เจ้าจี้อู๋เจวี๋ยก็ไม่ได้เชื่ออยู่แล้ว หากคราวนี้นางยังมาแสร้งทำป่วยอีก เกรงว่าคงหมดหนทางที่จะเจรจาอื่นใดกับจี้อู๋เจวี๋ยได้อีก

ลู่ยุ๋นหลัวยังคงปวดหัวกับเรื่องตรงหน้า แม่นมโจวที่เข้ามาเมื่อเห็นลู่ยุ๋นหลัวยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้อยู่ก็ร้อนเร่งในทันใด “หยินซวาง เจ้าเร่งมือแต่งองค์ทรงเครื่องให้กับนายหญิงด่วนเลย เดี๋ยวอีกสักพักผู้เชิญเกี้ยวประทับก็จะมาแล้ว”

ข้อกำหนดของการเข้าถวายการปรนนิบัติภายในพระมหาราชวังแห่งนี้ยังมีอีกมาก ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้เองก็ยังมีอีกเป็นขบวนที่ต้องทำ หากยังคงเสียเวลาเช่นนี้ต่อไปเกรงว่าจะไม่เหมาะ

ด้วยเหตุนี้ ถึงแม่ลู่ยุ๋นหลัวจะทำท่าไม่เต็มใจสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังคงถูกหยินซวางและแม่นมโจวพลักเข้าไปยังห้องชำระร่างกายและเริ่มลงมือขัดสีฉวีวรรณในทันที

จากนั้นก็ถูกเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงผ้าทิ้งตัวสีเหลืองสด อีกทั้งยังถูกให้ไปนั่งหน้ากระจกลงมือตกแต่งเครื่องประทินโฉมและจัดทำผมเผ้าใหม่ในทันใด

หยินซวางถึงกับเข้าไปค้นหาในกล่องเครื่องประดับที่นายหญิงนำติดตัวเข้ามาด้วยขณะเข้ามาในวัง นางค้นอยู่ในกล่องสักพักก็หยิบกำไลข้อมือที่เป็นหยกสีแดงออกมาสวมให้กับลู่ยุ๋นหลัวที่ข้อมือ

ซึ่งลู่ยุ๋นหลัวให้ความสนใจกับกำไลหยกแดงนี้ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว แรกเริ่มเดิมทีนางอยากเอาไปขายเพื่อแลกเป็นอาหารและของกินกลับมา แต่ตอนนั้นหยินซวางก็มักจะพูดขัดเสมอไม่ให้นำไปขายจนต่อให้เป็นตายเช่นไรนางก็จะขวางไว้ไม่ให้ขาย จนเวลาผ่านมาจนพอที่จะสามารถหาเงินได้ก็ลืมเจ้ากำไลหยกแดงนี้ไปเลย

หยินซวางเองก็มักจะพูดเสมอว่าหยกเขียวนั้นหาง่ายแต่หยกแดงหาได้ยากยิ่งกว่า ขอให้เป็นหยกน้ำดี สีสันงดงามใสสดและแสงลอดผ่านได้ ก็คงจะเป็นหยกแดงนี่แหละที่ดีที่สุดในบรรดาหยกทั้งหมด แน่นอนว่าต้องมีมูลค่ามหาศาล ซึ่งโชคดีที่หยินซวางได้ขวางนางเอาไว้ในตอนนั้น

หลักจากจัดองค์ทรงเครื่องเสร็จแล้ว แม่นมโจวและหยินซวางก็รีบให้นางออกจากห้องและลากลู่ยุ๋หลัวไปยังมุมห้องอย่างมีลับลมคมใน

“นายหญิง ท่านเองก็จากแม่แท้ ๆ ไปตั้งแต่ยังเยาว์วัย บ่าวเองก็เลี้ยงดูท่านขึ้นมาจนเติบใหญ่ ท่านเองกับองค์จักรพรรดิก็อภิเษกมานานแล้ว ในที่สุดคืนนี้ก็จะได้เป็นทองเนื้อเดียวกันสักที”

ลู่ยุ๋นหลัวเหลือมมองแม่นมโจวอยู่ครู่ ดูเหมือนว่าหยินซวางไม่ได้บอกแม่นมโจวเรื่องที่ครั้งก่อนนางเกือบที่เล่นชู้กับจี้อู๋เจวี๋ยไป

เจ้าหยินซวางผู้นี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ !

ไม่อย่างนั้น ถ้าเรื่องนี้แม่นมโจวได้รู้เข้า นางจะต้องถูกเทศนาอีกหลายวันก็เป็นได้

“บ่าวชราผู้นี้ได้ใช้เวลาช่วงสองวันในการซื้อตำราภาพเล่มเล็กมาจากคนหนึ่งในวัง อยากให้นายหญิงได้ใช้เวลาช่วงนี้ลองอ่านดูก่อนที่ผู้เชิญเกี้ยวประทับจะมา”

แม่นมโจวใช้เสียงต่ำยิ่งกว่าต่ำพูดเพราะเกรงว่าจะมีคนอื่นได้ยินเข้า

ต่อจากนั้นนางก็หยิบที่ตำราเล่มหนึ่งออกมาที่ลู่ยุ๋นหลัวคุ้นเคยเป็นอย่างดีจนนางกระตุกยิ้มที่มุมปากขึ้นมา

นี่มันไม่ใช่ตำรากามสูตรที่นางเองเป็นคนวาดหรอกเหรอ ?

คราวก่อนนางเพิ่งนำตำราเล่มสุดท้ายไปขายให้กับเหยากุ้ยเหริน

แม่นมโจวใช้เงินซื้อต่อมาจากมือคนอื่นอีกงั้นรึ ?

“นายหญิงเพคะ บ่าวชราผู้นี้รู้ดีว่าหญิงสาวหากได้เห็นภาพในตำรานี้คงยากที่จะไม่รู้สึกเขินอาย  แต่ภายในพระมหาราชวังแห่งนี้ หากท่านไม่เข้าใจเรื่องธุระภายในตำหนักในก็คงจะไม่ได้เพคะ !”

แม่นมโจวเมื่อเห็นลู่ยุ๋นหลัวสีหน้าตกใจตะลึงก็คิดว่าลู่ยุ๋นหลัวนั้นคงเขินอาย นางจึงเริ่มพูดเตือนโน้มน้าวด้วยความหวังดี

ต่อจากนั้นก็เปลี่ยนการพูดเข้าสู่การอธิบาย

ลู่ยุ๋นหลัวตอนนั้นจึงเข้าใจรู้ในทันทีว่าอะไรคือ ‘ลิขิตภัยจากสวรรค์แม้อาจเลี่ยง แต่บาปที่ตนก่อมิอาจหลบหนี’ !

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ยที่นางต้องมาทรมานนั่งฟังแม่นมโจวพูดอธิบายภาพกามสูตรต่าง ๆ ในตำรา ?

หรือนี่นางขุดหลุมพรางให้ตัวเองเหรอ ?

ลู่ยุ๋นหลัวทันใดนั้นก็ฉุกคิดเรื่องสำคัญขึ้นมาได้พร้อมกับกุมไปที่มือของแม่นมโจวและเอ่ยถามอย่างตั้งใจ “แม่นมโจว ตำราเล่มนี้เจ้าใช้เงินซื้อด้วยเงินกี่ตำลึงรึ ?”

แม่นมโจวไม่ทราบว่าทำไมลู่ยุ๋นหลัวถึงอยู่ดี ๆ ก็ถามนางขึ้นมากะทันหัน แต่นางก้ตอบกลับไปแต่โดยดี “บ่าวชราผู้นี้ใช้เงินไปเพียงแค่ 500 ตำลึงเพื่อซื้อจากขันทีคนหนึ่งเท่านั้นเพคะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น