ห้า...ห้าร้อยตำลึง ?
ลู่ยุ๋นหลัวมุมปากกระตุกในทันใด
ณ ตอนนั้นนางพึ่งขายให้กับขันทีแค่ 10 ตำลึงเอง !
แค่เปลี่ยนเจ้าของไปมือเดียวก็เพิ่มมา 50 เท่าเลยเหรอ ?
มีพรสวรรค์นักชายชัด ๆ !
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นขันทีคนไหนที่ทำสามารถทำมาค้าขายได้ถึงขั้นนี้ ?
หรือว่าควรจะถามให้ลึกกว่านี้เพื่อคราวหลังจะได้ให้มารับผิดชอบค้าขายเฉพาะไปเลยดี ?
ลู่ยุ๋นหลัวยิ่งคิดยิ่งออกทะเลไกลไปเรื่อย
“นายหญิง ท่านได้ฟังสิ่งที่บ่าวพูดอยู่มั๊ยเพคะ ?” แม่นมโจวสังเกตุเห็นว่าลู่ยุ๋นหลัวจิตใจล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ลู่ยุ๋นหลัวกลับมามีสติอีกครั้งและหันไปยิ้มให้กับแม่นมโจว “แม่นม ทักษะการวาดภาพในตำราเล่มนี้ช่างน่าทึ่งนัก คุ้มค่ากับเงิน 500 ตำลึงจริง ๆ !”
แม่นมโจวตีไปที่หน้าผากตัวเองอย่างกังวล นางอุตส่าห์พูดอยู่ครึ่งค่อนวันแต่ดูเหมือนนางเด็กคนนี้ไม่ได้ฟังเข้าหัวเลยสักประโยคเดียว
“แม่นม ผู้เชิญเกี้ยวประทับได้มาถึงแล้ว” หยินซวางส่งเสียงเข้ามาจากด้านนอกประตู
แม่นมโจวชำเลืองมองลู่ยุ๋นหลัวอย่างอดไม่ได้ ก็อย่างว่าล่ะนะ เรื่องพวกนี้ยังไงก็คงต้องค่อยเป็นค่อยไป
นางไปเปิดประตูพร้อมกับส่งลู่ยุ๋นหลัวถึงปากประตู
ด้านหน้าสุดของเหล่าผู้คนที่มารับเสด็จก็ยังคงเป็นแม่นมอาวุโสฮันของสำนักพระราชวังในครั้งก่อน
ผู้เชิญเกี้ยวประทับ 8 นาย ขันที 20 นาย นางข้าหลวง 16 นาง โดยใช้ข้อกำหนดในเดียวกับครั้งก่อนอย่างไม่ผิดเพี้ยน
แม่นมอาวุโสฮันเมื่อได้เห็นลู่ยุ๋นหลัวที่ขัดศรีฉวีวรรณแล้วก็ฉายแววตาประหลาดใจขึ้นมา
ไม่คิดมาก่อนว่านายหญิงของตำหนักเย็นแห่งนี้จะมีเสน่ห์ที่ยากจะหาใครเทียบได้
คราวก่อนตอนที่นางมานั้นไม่ได้เห็นรูปพรรณที่แท้จริงของนายหญิง
แม่นมอาวุโสฮันก้าวไปด้านหน้าถวายความเคารพแก่ลู่ยุ๋นหลัว
“นายหญิงเพคะ เชิญเสด็จเลยมั๊ยเพคะ ?” ถึงแม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยความเคารพ แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างเปี่ยมล้น
คราวก่อนที่นางมา นางหญิงท่านนี้ได้แกล้งไอกระอักออกมาเป็นเลือดจนนางไม่ได้รับเสด็จไป
หลังจากกลับไปและเนื่องด้วยเหตุผลนี้ทำให้นางต้องถูกลงโทษโดยไม่จ่ายเงินตำลึงแก่นางเป็นเวลาสามเดือน
นางทั้ง ๆ ที่อยู่ในฝ่ายสำนักพระราชวังมาอย่างนมนาน ก็พึ่งจะพบการแกล้งป่วยไม่น้อมรับการเข้าปรนนิบัติของนายหญิง
จนกระทั่งวันนี้ต่อให้นายหญิงจะไอออกมาเป็นเลือด เป็นลม หรืออะไรตาม ถ้านางจะต้องแบกหามนายหญิงท่านนี้กลับไปนางก็พร้อมที่จะแบก
ลู่ยุ๋นหลัวได้แต่ส่งสายตาขัดขืนไปยังเกี้ยวประทับนกยูงทอง และกวาดสายตาไปยังผู้คนที่รายล้อมอยู่
หยินซวางยังคงมีสีหน้าตื่นเต้นดีใจมองไปที่นาง
แม่นมโจวก็มีสีหน้าอารมณ์พึงพอใจมองไปที่นางเช่นเดียวกัน
ส่วนแม่นมอาวุโสฮันก็มีท่าทีราวกลับว่าวันนี้นางมิสามารถที่จะหนีไปไหนได้อีกและมองไปที่นาง
ถึงขนาดเหล่านางข้าหลวงและขันทีด้านนั้นก็มีสีหน้าราวกับว่าพร้อมรับมือตลอด
ด้วยสถานการณ์ภาพตรงหน้า หากยังคิดที่จะหลบหนีไปก็คงยากเหมือนกับพยามยามหลบหนีจากนรกดี ๆ นี่เอง
ศัตรูอ่อนเราแข็ง ศัตรูแข็งเราอ่อน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าที่งดงามที่ยากใครจะเทียมก็เปลี่ยนเป็นน่าสงสารในทันใด “แม่นมอาวุโสฮัน ข้าปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย ข้าว่า....”
นางพูดยังไม่ทันจบ แม่นมอาวุโสฮันก็เลิกคิ้วขึ้นพูดขึ้นมาในทันใด “บ่าวก็เกรงว่าร่างกายนายหญิงจะเจ็บป่วยอะไรอีก ดังนั้นแล้ว วันนี้ก็เลยพาแพทย์หลวงมาด้วย”
“นายหญิงพะยะค่ะ รบกวนยื่นข้อมือของท่านออกมาเพื่อแมะชีพจรด้วยพะยะค่ะ” เสียงลอยกระทบเข้ามาที่หูของนาง ลู่ยุ๋นหลัวหันหน้าไปมองต้นเสียงนั้นก็พบแพทย์หลวงที่สะพายกล่องยาซึ่งไม่รู้ว่ามายืนอยู่ข้างนางตั้งแต่เมื่อไหร่
ทันใดนั้นก็คว้าข้อมือนางเพื่อแมะชีพจรตรวจดูด้วยใบหน้าที่เคารพ
โถ่ว !
นี่ขนาดปิดกั้นทางรอดของนางทุกเส้นทางกะจะปิดประตูตีแมวให้ตายเลยดิ !
นางแหงนมองไปทีฝากฟ้าและถอนหายใจยาว
ไม่ปรนนิบัติไม่ได้หรอ !
อย่างน้อยขั้นตอนห่อผ้าห่มถวายนั่นก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย นางเดินไปเองก็เหมือนกัน
นางดึงดันที่จะไม่ถอดเสื้อผ้า และก็ไม่มีใครที่จะมาถอดเสื้อผ้านางออกได้ด้วย
เมื่อตริตรองถึงตรงนี้ ลู่ยุ๋นหลัวยกชายกระโปรงขึ้นและก้าวไปบนเกี้ยวประทับนกยูงทองภายใต้สายตาผู้คนที่จ้องมอง
ก่อนจากไป แม่นมโจวได้ดึงแม่นมอาวุโสฮันมาข้างตัวก่อนที่จะพูดอยู่ไม่กี่ประโยค
หลังจากนั้นผู้เชิญเกี้ยวประทับนกยูงทองก็นำขบวนเสด็จมุ่งหน้าไปยังตำหนักซู่ซิน
โดยตลอดทางไม่ว่าจะเป็นขันทีหรือนางข้าหลวงเมื่อได้เห้นขบวนเสด็จต่างก็ต้องก้มหลีกทางให้จนกว่าเกี้ยวประทับจะห่างออกจากสายตาไปถึงจะลุกขึ้นได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...
มาต่อหน่อยค่า...
รบกวนอัพต่อให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ...