ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 78

ห้า...ห้าร้อยตำลึง ?

ลู่ยุ๋นหลัวมุมปากกระตุกในทันใด

ณ ตอนนั้นนางพึ่งขายให้กับขันทีแค่ 10 ตำลึงเอง !

แค่เปลี่ยนเจ้าของไปมือเดียวก็เพิ่มมา 50 เท่าเลยเหรอ ?

มีพรสวรรค์นักชายชัด ๆ !

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นขันทีคนไหนที่ทำสามารถทำมาค้าขายได้ถึงขั้นนี้ ?

หรือว่าควรจะถามให้ลึกกว่านี้เพื่อคราวหลังจะได้ให้มารับผิดชอบค้าขายเฉพาะไปเลยดี ?

ลู่ยุ๋นหลัวยิ่งคิดยิ่งออกทะเลไกลไปเรื่อย

“นายหญิง ท่านได้ฟังสิ่งที่บ่าวพูดอยู่มั๊ยเพคะ ?” แม่นมโจวสังเกตุเห็นว่าลู่ยุ๋นหลัวจิตใจล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ลู่ยุ๋นหลัวกลับมามีสติอีกครั้งและหันไปยิ้มให้กับแม่นมโจว “แม่นม ทักษะการวาดภาพในตำราเล่มนี้ช่างน่าทึ่งนัก คุ้มค่ากับเงิน 500 ตำลึงจริง ๆ !”

แม่นมโจวตีไปที่หน้าผากตัวเองอย่างกังวล นางอุตส่าห์พูดอยู่ครึ่งค่อนวันแต่ดูเหมือนนางเด็กคนนี้ไม่ได้ฟังเข้าหัวเลยสักประโยคเดียว

“แม่นม ผู้เชิญเกี้ยวประทับได้มาถึงแล้ว” หยินซวางส่งเสียงเข้ามาจากด้านนอกประตู

แม่นมโจวชำเลืองมองลู่ยุ๋นหลัวอย่างอดไม่ได้ ก็อย่างว่าล่ะนะ เรื่องพวกนี้ยังไงก็คงต้องค่อยเป็นค่อยไป

นางไปเปิดประตูพร้อมกับส่งลู่ยุ๋นหลัวถึงปากประตู

ด้านหน้าสุดของเหล่าผู้คนที่มารับเสด็จก็ยังคงเป็นแม่นมอาวุโสฮันของสำนักพระราชวังในครั้งก่อน

ผู้เชิญเกี้ยวประทับ 8 นาย ขันที 20 นาย นางข้าหลวง 16 นาง โดยใช้ข้อกำหนดในเดียวกับครั้งก่อนอย่างไม่ผิดเพี้ยน

แม่นมอาวุโสฮันเมื่อได้เห็นลู่ยุ๋นหลัวที่ขัดศรีฉวีวรรณแล้วก็ฉายแววตาประหลาดใจขึ้นมา

ไม่คิดมาก่อนว่านายหญิงของตำหนักเย็นแห่งนี้จะมีเสน่ห์ที่ยากจะหาใครเทียบได้

คราวก่อนตอนที่นางมานั้นไม่ได้เห็นรูปพรรณที่แท้จริงของนายหญิง

แม่นมอาวุโสฮันก้าวไปด้านหน้าถวายความเคารพแก่ลู่ยุ๋นหลัว

“นายหญิงเพคะ เชิญเสด็จเลยมั๊ยเพคะ ?” ถึงแม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยความเคารพ แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างเปี่ยมล้น

คราวก่อนที่นางมา นางหญิงท่านนี้ได้แกล้งไอกระอักออกมาเป็นเลือดจนนางไม่ได้รับเสด็จไป

หลังจากกลับไปและเนื่องด้วยเหตุผลนี้ทำให้นางต้องถูกลงโทษโดยไม่จ่ายเงินตำลึงแก่นางเป็นเวลาสามเดือน

นางทั้ง ๆ ที่อยู่ในฝ่ายสำนักพระราชวังมาอย่างนมนาน ก็พึ่งจะพบการแกล้งป่วยไม่น้อมรับการเข้าปรนนิบัติของนายหญิง

จนกระทั่งวันนี้ต่อให้นายหญิงจะไอออกมาเป็นเลือด เป็นลม หรืออะไรตาม ถ้านางจะต้องแบกหามนายหญิงท่านนี้กลับไปนางก็พร้อมที่จะแบก

ลู่ยุ๋นหลัวได้แต่ส่งสายตาขัดขืนไปยังเกี้ยวประทับนกยูงทอง และกวาดสายตาไปยังผู้คนที่รายล้อมอยู่

หยินซวางยังคงมีสีหน้าตื่นเต้นดีใจมองไปที่นาง

แม่นมโจวก็มีสีหน้าอารมณ์พึงพอใจมองไปที่นางเช่นเดียวกัน

ส่วนแม่นมอาวุโสฮันก็มีท่าทีราวกลับว่าวันนี้นางมิสามารถที่จะหนีไปไหนได้อีกและมองไปที่นาง

ถึงขนาดเหล่านางข้าหลวงและขันทีด้านนั้นก็มีสีหน้าราวกับว่าพร้อมรับมือตลอด

ด้วยสถานการณ์ภาพตรงหน้า หากยังคิดที่จะหลบหนีไปก็คงยากเหมือนกับพยามยามหลบหนีจากนรกดี ๆ นี่เอง

ศัตรูอ่อนเราแข็ง ศัตรูแข็งเราอ่อน

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าที่งดงามที่ยากใครจะเทียมก็เปลี่ยนเป็นน่าสงสารในทันใด “แม่นมอาวุโสฮัน ข้าปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย ข้าว่า....”

นางพูดยังไม่ทันจบ แม่นมอาวุโสฮันก็เลิกคิ้วขึ้นพูดขึ้นมาในทันใด “บ่าวก็เกรงว่าร่างกายนายหญิงจะเจ็บป่วยอะไรอีก ดังนั้นแล้ว วันนี้ก็เลยพาแพทย์หลวงมาด้วย”

“นายหญิงพะยะค่ะ รบกวนยื่นข้อมือของท่านออกมาเพื่อแมะชีพจรด้วยพะยะค่ะ” เสียงลอยกระทบเข้ามาที่หูของนาง ลู่ยุ๋นหลัวหันหน้าไปมองต้นเสียงนั้นก็พบแพทย์หลวงที่สะพายกล่องยาซึ่งไม่รู้ว่ามายืนอยู่ข้างนางตั้งแต่เมื่อไหร่

ทันใดนั้นก็คว้าข้อมือนางเพื่อแมะชีพจรตรวจดูด้วยใบหน้าที่เคารพ

โถ่ว ! 

นี่ขนาดปิดกั้นทางรอดของนางทุกเส้นทางกะจะปิดประตูตีแมวให้ตายเลยดิ !

นางแหงนมองไปทีฝากฟ้าและถอนหายใจยาว

ไม่ปรนนิบัติไม่ได้หรอ !

อย่างน้อยขั้นตอนห่อผ้าห่มถวายนั่นก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย นางเดินไปเองก็เหมือนกัน

นางดึงดันที่จะไม่ถอดเสื้อผ้า และก็ไม่มีใครที่จะมาถอดเสื้อผ้านางออกได้ด้วย

เมื่อตริตรองถึงตรงนี้ ลู่ยุ๋นหลัวยกชายกระโปรงขึ้นและก้าวไปบนเกี้ยวประทับนกยูงทองภายใต้สายตาผู้คนที่จ้องมอง

ก่อนจากไป แม่นมโจวได้ดึงแม่นมอาวุโสฮันมาข้างตัวก่อนที่จะพูดอยู่ไม่กี่ประโยค

หลังจากนั้นผู้เชิญเกี้ยวประทับนกยูงทองก็นำขบวนเสด็จมุ่งหน้าไปยังตำหนักซู่ซิน

โดยตลอดทางไม่ว่าจะเป็นขันทีหรือนางข้าหลวงเมื่อได้เห้นขบวนเสด็จต่างก็ต้องก้มหลีกทางให้จนกว่าเกี้ยวประทับจะห่างออกจากสายตาไปถึงจะลุกขึ้นได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น