ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 79

“ใครกันที่อยู่ในเกี้ยวประทับ ? เมื่อกี้ข้าแอบแอบดูแล้ว รูปร่างหน้าตาน่าตกใจมาก นึกว่านางสวรรค์ !”

“วังหลีเซี๋ยและวังหลิวหยุนไม่ควรจะมาจากทางนี้ได้ ข้ามองแล้วน่าจะต้องออกมาจากตำหนักเย็น ผู้ที่อยู่ในเกี้ยวประทับจะต้องเป็นนายหญิงของตำหนักเย็นแน่ ๆ”

“นายหญิงของตำหนักเย็น ? หรือว่าก็คือนายหญิงของตำหนักเย็นคนนั้นผู้ซึ่งค้นพบธัญพืชใหม่ที่มีกำลังปลูกผลิต 10 ชึต่อหมู่น่ะเหรอ ?”

“ก็ใช่น่ะสิ ที่ตำหนักเย็นก็มีนายหญิงถูกขังเพียงท่านเดียวตั้งนานแล้ว แต่ดูเหมือนว่าพักนี้นายหญิงของตำหนักเย็นจะพลิกสถานการณ์กลับมาได้นะ”

“จะไม่มีทางเป็นไปได้เยี่ยงไร รูปลักษณ์งดงามมีเสน่ห์ปานนั้น จะพลิกสถานการณ์มาได้ช้ารึเร็วก็ขึ้นกับเวลาเท่านั้น....”

นางข้าหลวงที่ยืนคุยซุบซิบกันเป็นกลุ่มอยู่ชั่วครู่ก็แยกย้ายเดินจากไป

เกี้ยวประทับนกยูงทองหยุดลงที่หน้าประตูใหญ่ของตำหนักซู่ซิน

หลังจากผ่านประตูเข้าไปก็ถูกคนนำไปยังห้องสรงน้ำที่มีกลิ่นหอมพร้อมกับขัดสีฉวีวรรณพร้อมกับแต่งองค์ทรงเครื่องให้ใหม่

ด้านข้างมีแม่นมเฉพาะทางที่คอยเตือนนางในเรื่องต่าง ๆ อยู่ตลอด รวมถึงเรื่องระหว่างที่อยู่ในขั้นตอนการปรนนิบัตว่าต้องระวังเรื่องใดเป็นพิเศษและเรื่องอื่น ๆ

เมื่อรอจนทุกอย่างจัดการเสร็จเรียบร้อย ก็ใกล้จะถึงเวลาแล้ว

ฉากที่ลู่ยุ๋นหลัวคิดว่าตนเองจะต้องถูกถอดเสื้อผ้าทั้งหมดและห่อด้วยผ้าห่มส่งถวายขึ้นเตียงมังกรกลับไม่ปรากฏ

ลู่ยุ๋นหลัวถามแม่นมอาวุโสฮันอย่างเงียบ ๆ ถึงเหตุการณ์ที่ตนเองคิด แม่นมอาวุโสฮันตอบกลับเพียงแค่ว่า ขั้นตอนพิธีนั้นสำหรับสนมที่มีบรรดาศักดิ์ต่ำกว่ากุ้ยเหรินลงไปเท่านั้นถึงจะมี

อีกทั้ง การที่สามารถได้เข้าไปใช้ห้องสรงน้ำของตำหนักซู่ซินได้เลยนั้นก็มีเฉพาะฮองเฮาเท่านั้นที่จะมีอภิสิทธิ์ใช้ได้

ส่วนสนมท่านอื่นเวลามาปรนนิบัตินั้น นอกจากรอการมาถึงขององค์จักรพรรดิทรงมาประทับแล้ว ทั้งหมดก็ต้องล้วนถูกยกไปที่ด้านข้างของตำหนักซู่ซินจากนั้นต้องผ่านประตูด้านข้างถึงจะเข้ามาได้

พอนางรู้ว่าไม่ต้องเปลื้องผ้าและห่มด้วยผ้าห่มเท่านั้น ลู่ยุ๋นหลัวก็อารมณ์ดีขึ้นเป็นอย่างมาก

พูดแต่แรกก็หมดเรื่อง นางจะได้ไม่ต้องมานั่งวิตกกังวลอะไรให้มากความ

เมื่อทุกอย่างพร้อมเสร็จ

นางข้าหลวงก็เข้ามานำทางพร้อมกับดำเนินเข้าไปยังภายที่เป็นทางเดินคดเคี้ยวในตำหนัก จนพานางมาถึงโถงหลักด้านในซึ่งก็ถือเป็นโถงบรรทมที่องค์จักรพรรดิมักใช้บรรทมในทุกวัน

จากนั้นก็รออยู่ภายในเพื่อรอให้องค์จักรพรรดิเสด็จมาถึง

ภายในห้องถือว่าใหญ่โตมาก

นอกจากห้องบรรทมแล้ว ภายนอกยังมีห้องอื่นอีกประมาน 2-3 ห้อง

หนึ่งในห้องนั้นมีชั้นตำรายกสูงและโต๊ะไม้แดงจัดวางไว้ บนโต๊ะนั้นมีกาน้ำชาและยังมีเตากำยานสีม่วงวางไว้อยู่ด้วย

เพียงแค่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าคือที่สำหรับทรงตำราก่อนบรรทมของจี้อู๋เจวี๋ย

ลู่ยุ๋นหลัวจึงเลือกที่จะนั่งลงตรงนี้พร้อมกับเทน้ำชาให้ตัวเองถ้วยหนึ่งรอ รอจนเวลาไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ก็เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา

นางจึงเลือกเดินไปยังห้องอื่น ๆ เพื่อสอดส่อง และนางก็ไม่นึกเลยว่าจะพบกู่ฉินแดงโบราณอยู่หนึ่งตัว

ก็ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรที่เมื่อนางได้เห็นพิณตัวนี้ก็รู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเช่นกันถึงนึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน

เพียงปลายนิ้วดีด วินาทีนั้นเองก็ได้ยินเสียงที่ไพเราะดังออกมาให้ได้ยิน

เสียงพิณตัวนี้นับว่าไม่เลวเลย

นางรื้อฟื้นอยู่ภายในความทรงจำ ก็พบว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นได้ร่ำเรียนดนตรีจากปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองหลวง อีกทั้งยังมีความสำเร็จในระดับสูงทางด้านดนตรีอีกด้วย

พอได้เห็นกู่ฉินโบราณ ตอนนั้นเองนางก็คันมือที่อยากจะเล่นในทันใด

พอนางทิ้งตัวลงนั่ง โน้ตบรรเลงที่สุดยอดก็พลันปรากฏขึ้นในหัวของนาง เพียงปลายนิ้วเริ่มดีดสัมผัสบรรเลง วินาทีนั้นเสียงเพลงที่ไพเราะของเครื่องพิณก็ขับขานออกมาต่อเนื่องราวกับเมฆที่คล้อยตัว นุ่มนวลราวกับน้ำที่ไหลริน

ลู่ยุ๋นหลัวตั้งใจดีดพิณเป็นอย่างมาก

ขนาดจี้อู๋เจวี๋ยเสด็จมาถึงแล้ว นางก็ยังไม่เห็นด้วยซ้ำ

จี้อู๋เจวี๋ยประทับอยู่ที่ประตูเพื่อทรงสดับฟังเสียงพิณที่ขับขานออกมาอยู่นาน จนสุดท้ายเขาก็เหลือบพระเนตรไปเห็นกำไลหยกแดงที่อยู่ตรงข้อมือของลู่ยุ๋นหลัว สายพระเนตรที่เดิมทีเย็นชาก็ยิ่งถลำลึกลงไปราวกับหุบเหว จนคนที่เห็นสายพระเนตรคู่นั้นก็ยากที่จะเข้าใจได้ 

เพลงบรรเลงจบลง

ลู่ยุ๋นหลัวกลับสบายอกสบายใจ

ไม่คิดมาก่อนเลยว่าการดีดกู่ฉินจะช่างน่าสนุกถึงเพียงนี้

ตอนนั้นเอง นางข้าหลวงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับรางได้เดินข้ามาพร้อมกับถวายบังคมกล่าว “นายหญิง ขันทีเฉาเพิ่งให้บ่าวมาเรียนกล่าวว่า องค์จักรพรรดิทรงต้องตรวจพระราชฎีกาในคืนนี้ซึ่งอาจถึงรุ่งเช้า ถ้านายหญิงเหน็ดเหนื่อยแล้วก็ขอให้เชิญพักผ่อนได้ก่อนเลยเพคะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น