ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 8

ณ กลางดึกที่วังหลีเซี๋ย 

ไป๋มู่เหยาสวมชุดผ้าแพรสีเงินแกมเหลืองพร้อมด้วยลวดลายดอกไม้และผีเสื้อที่โบยบินยาวถึงพื้น บนศรีษะปักไว้ด้วยปิ่นปักผมที่ประดับไว้ด้วยลูกปัดหยก ด้วยใบหน้าหน้าที่งดงามเป็นทุนเดิมประกอบกับการแต่งหน้าที่บรรจงละเอียดอ่อนทั้งหมดทำให้ดูสง่างามมากขึ้นไปอีก

แม่นมอายุประมาน 40 คนหนึ่งกำลังช่วยไป๋มู่เหยาทำความสะอาดเครื่องประทินโฉมบนหน้าของนางอยู่ข้าง ๆ

"นายหญิง บ่าวมีเรื่องสงสัยอย่างหนึ่ง วันที่จะได้รับเข้าเป็นสนมคืนนั้น หลันกุ้ยเหรินยกคนของนางเข้ามาปิดตำหนักของนายหญิง แล้วทำไมเราถึงต้องออกไปทะเลาะมีปากมีเสียงกันด้วย ?" แม่นมเฉินเลี้ยงดูแลไป๋มู่เหยามาตั้งแต่ยังเล็ก นางรู้ดีว่านายหญิงของนางไม่ใช่คนที่จะพลีพลามทำอะไรแบบนี้

ซึ่งถ้าในวันนั้น พวกนางไม่ต้องออกไปข้องแวะกับหลันกุ้ยเหริน ผลที่ตามมาก็อาจจะไม่ใหญ่โตเท่ากับตอนนี้

และในความเป็นจริงก็เหมือนดั่งที่แม่นมเฉินสงสัยว่าถ้าพวกนางคืนนั้นไม่ออกไปมีปากมีเสียงกันแล้วหละก็ องค์จักรพรรดิก็น่าจะทรงไม่พอพระทัยแค่หลันกุ้ยเหลินคนเดียว

ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ดี นอกจากจะลดลำดับสนมทั้ง 2 เหลือแค่กุ้ยเหรินแล้วยังได้บัญชาให้กักบริเวณพวกนางถึง 30 วันอย่างไม่มีเหตุผลได้อีก

รอยยิ้มเลศนัยของไป๋มู่เหยาปรากฎขึ้นสะท้อนบนกระจกทองสัมฤทธิ์ "แม่นม เจ้าไม่รู้จริงรึว่าองค์จักรพรรดิเสด็จมาถึงวังหลีเซี๋ยแล้วแต่ทำไมถึงได้มาโถงบรรทมหลักช้านัก ?"

แม่นมเฉินขมวดคิ้วฉงนเล็กน้อย "เป็นไปได้รึไม่ว่าองค์จักรพรรดิจงใจทำเช่นนั้น ?"

ไป๋มู่เหยาพยักหน้าพร้อมยิ้มเยาะอย่างสง่างาม "องค์จักรพรรดิทรงครองบรรลังค์ได้เพียงครึ่งปี แน่นอนว่าราชสำนักนั้นยังคงสั่นคลอนได้ง่าย รวมถึงองค์จักรพรรดิที่ทรงถูกบีบจากองคมนตรีของสำนักราชการในพระองค์และพระพันปีหลวง นั่นจึงทำให้องค์จักรพรรดิทรงต้องยอมรับข้าและหลิวจื้อหลัน แต่องค์จักรพรรดิซึ่งเป็นคนเยี่ยงนั้น มีหรือที่เขาจะยอมถูกคนอื่นบังคับง่าย ๆ"

"นายหญิงหมายความว่าองค์จักรพรรดิจงใจทำเช่นนี้และใช้โอกาสนี้เพื่อจัดการพวกเรา ?" แม่นมเฉินปลดปิ่นปักผมอันสุดท้ายของสนมไป๋มู่เหยา พริบตานั้นผมดำขลับก็สยายออกมารับเข้ากับใบหน้าอันสวยงามนุ่มเนียน

"ในตำหนักในและตำแหน่งฮองเฮาที่ว่างเปล่า มีสายตาไม่รู้นับกี่คู่ที่จับจ้องที่ตรงนั้น แต่ตำหนักในอันใหญ่โตตอนนี้กลับมีเพียงแค่ข้ากับหลันกุ้ยเหรินเพียงสองนางเท่านั้น หากวันรับสนมเข้าตำหนักคืนนั้นเป็นวันที่พวกข้าทั้งสองได้เข้าตำหนักในวันเดียวกัน แต่องค์จักรพรรดิทรงลงโทษเพียงหลันกุ้ยเหรินคนเดียวเท่านั้น ภายหลังองค์จักรพรรดิจะสร้างสมดุลให้กับตำหนักในได้เช่นไร ?"

เมื่อแม่นมเฉินได้ยินสิ่งที่พูดก็ตกใจขึ้นทันควัน นางเกรงว่าในเวลานั้น ถ้าองค์จักรพรรดิระแวดระวังต่อนายหญิงของนางขึ้นมาแล้วหันมาเอาใจใส่ทะนุถถนอมหลันกุ้ยเหรินแทนเพื่อหวังให้สมดุลในตำหนักในไม่เสียไป และถ้าอยู่ดีคืนดีหลันกุ้ยเหรินตั้งครรภ์ขึ้นมาแล้วละก็ และแน่นอนการต่อสู้กันภายในตำหนักในจะยิ่งยากขึ้นไปอีก

เมื่อคิดถึงตรงนี้ แม่นมเฉินก็อดที่จะไม่ปราบปลื้มชื่นชมกับความละเอียดรอบคอบนายหญิงของนางที่คิดได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

ศึกชิงตำแหน่งภายในพระมหาราชวังนั้นราวกับศึกสงครามย่อม ๆ เลยทีเดียว ตั้งแต่สมัยโบราณแล้วที่ไม่รู้ว่าหญิงสาวไม่รู้กี่นางต่อกี่นางที่ต้องมาเลือดตกยางออกกันเพื่อศึกชิงตำแหน่ง และก็ไม่รู้กี่นางแล้วที่ถลำลึกกับศึกนี้ราวกับตกเหวลงไปและไม่มีวันได้กลับมา

"แม่นม เจ้าช่วงนี้ไปตามแอบสืบเรื่องของบุตรสาวของลู้ติงหยวนกับภรรยานามว่าลู่ยุ๋นหลัวให้ที"

แม่นมเฉินใจหายไปอยู่ที่ตาตุ่มหันไปรอบ ๆ ในทันที พร้อมกระซิบด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า "นายหญิง ไอเจ้าลู้ติงหยวนมันคือผู้สำเร็จราชการที่คิดทรยศ ทางทีดีอย่าพูดถึงมันเลย" ณ วันที่องค์จักรพรรดิองค์ก่อนเสด็จสวรรคต เจ้าลู้ติงหยวนแอบสมคบคิดกับคนนอกวัง จนถึงขนาดที่เรื่องความสัมพันธ์กับองค์จักรพรรดิองค์ก่อนที่สเด็จสวรรคตไปแล้วก็ยังตัดไปไม่ขาดจนเป็นเรื่องอื้อฉาว ต่อมาเมื่อองค์จักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังค์วันแรกก็สั่งประหารชีวิตคนนี้ทิ้ง นับตั้งแต่วันนั้นมาก็ห้ามใครต่อใครในสำนักราชการเอ่ยนามของเขาอีก

พวกนางเพิ่งเข้ามาอยู่ในวังได้ไม่นาน ถ้ามีใครมาแอบฟังและได้ยินพวกนางกำลังนินทาเรื่องของการทำงานราชการเข้าละก็มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่

"ข้าอยากให้เจ้าไปสืบบุตสาวของเขานามลู่ยุ๋นหลัว อีกทั้งตามสืบเรื่องของชายาเอกก่อนที่องค์จักรพรรดิจะขึ้นครองบัลลังค์ ถึงแม้นางจะถูกสั่งให้ไปพำนักตำหนักเย็นหลังจากองค์จักรพรรดิขึ้นครองบัลลงค์ก็ตาม แต่หลังจากนั้นก็ยังไม่มีมติยกเลิกสถานะของนาง อ้างอิงตามกฏมณเฑียรบาลของอาณาจักรตงหลาน ตำแหน่งของนางยังมีสิทธิอยู่ในบัลลังค์ฮองเฮาอันชอบธรรมของนาง"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น