ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 81

ลู่ยุ๋นหลัวมือสั่นในทันใด ตอนแรกนางกะจะวาดให้เสว่เวยเป็นหมูน้อยที่หน้าก็พลันวาดเละจนดูไม่ได้

“สนมคนโปรดอยู่เล่นในตำหนักซู่ซินของข้าจนสมใจเลยรึ ?” จี้อู๋เจวี๋ยกวาดพระเนตรไปมองที่คนในวงไพ่ที่เหลือ ใบหน้าของพวกนางประดับไปด้วยลวดลายดอกไม้ที่วาดขึ้น ขนาดใบหน้าของลู่ยุ๋นหลัวเองก็ยังมีดอกไม้อยู่สามดอกวาดไว้อยู่บนหน้าเช่นกัน

พอพวกนางได้ยินเสียงของจี้อู๋เจวี๋ย นางข้าหลวงทั้งสามก็กลัวจนหน้าถอดสีซีดรีบก้มลงไปคุกเข่า

ลู่ยุ๋นหลัวก้าวไปข้างหน้าถวายบังคมทูลด้วยอริยาบถพร้อมกับประดับรอยยิ้ม “องค์จักรพรรดิทรงแก้ไขพระราชฎีกาเสร็จแล้วรึเพคะ ?”

จี้อู๋เจวี๋ยกวาดพระเนตรมองไปที่นาง นี่นางเดี๋ยวนี้นับวันยิ่งเหิมเกริมเข้าไปใหญ่แล้วไม่ใช่รึ ?

นึกไม่ถึงว่านางกล้าถึงขั้นที่จะมาถามไถ่ถึงธุระของเขาแล้ว ?

เขาทรงเหลือบมองไปยังนางข้าหลวงทั้งสามก่อนที่จะตรัสสั่ง “พวกเจ้าทั้งสามออกไปก่อน”

“เพคะ !”

หลังจากกลุ่มคนนั้นออกไป ลู่ยุ๋นหลัวก็หยิบไพ่โปกเกอร์ออกมาและเดินมาถวายให้ “องค์จักรพรรดิ อยากจะทรงมาเล่นกันสองตามั๊ยเพคะ ?”

เขาทรงตอบปฏิเสธนางกลับไปด้วยสายพระเนตรที่เย็นชา

ลู่ยุ๋นหลัวเองจึงได้แต่เก็บไพ่โปเกอร์ที่นางวาดเองนั้นกลับลงไป

วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล นางเชื่อว่าจี้อู๋เจวี๋ยไม่ช้าก็เร็วต้องมาเล่นไพ่โปกเกอร์กับนาง

หลังจากเก็บเสร็จเรียบร้อยก็มีนางข้าหลวงคนหนึ่งเอาน้ำใส่ถังมาให้

ลู่ยุ๋นหลัวมองหน้าของตัวเองในกระจกและเริ่มลงมือล้างลบรูปต่าง ๆ ที่วาดอยู่บนหน้าออกไป

ในขณะนั้นเอง ขันทีที่เฝ้าปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้นก็รีบเข้ามารายงานด้วยสีหน้าเร่งด่วนตรงที่บังลมด้านนอก “กราบบังคมทูลองค์จักรพรรดิ มีรายงานด่วนตรงบริเวณชายแดนพะยะค่ะ !”

ชายแดน ?

พระเนตรของจี้อู๋เจวี๋ยเปลี่ยนเป็นไร้แววจมลึกจนยากจะหยั่งถึง

สายตาของลู่ยุ๋นหลัวทอประกายขึ้นมาพร้อมกับหันตัวมองไปที่จี้อู๋เจวี๋ยพร้อมกับคิดในใจว่า ชายคนนี้จะต้องไปแล้วงั้นเหรอ ?

จริงหรือ ?

จี้อู๋เจวี๋ยก้าวพระบาทอย่างรวดเร็วจากไป แต่ว่าก่อนจากไปก็ยังทรงหันกลับมามองนางอยู่ครู่ จนลู่ยุ๋นหลัวตกใจจนต้องเบนสายตามองไปที่อื่นแทน

เมื่อรอจนฝีเท้าแว่วจางหายไป ลู่ยุ๋นหลัวก็ดีใจขึ้นมาอีกครั้งเรียกเสว่เวยให้เข้ามา และสั่งให้นางไปเรียกนางข้าหลวงหลู่เวยและหงเวยให้เข้ามาเล่นไพ่ด้วยกัน

แต่ใครจะรู้ เสว่เวยอยู่ดีดีก็พูดกับนางขึ้นมา “นายหญิง ก่อนที่องค์จักรพรรดิทรงจากไปได้ทรงมีรับสั่งเอาไว้ ว่าให้ท่านคัดลอกพระไตรปิฎกให้จบ ถ้าคัดไม่จบพรุ่งนี้ก็ไม่ให้กลับตำหนักเย็นเพคะ”

พอพูดจบก็มีเหล่านางข้าหลวงไม่กี่นางเดินเขามาพร้อมกับถือ พู่กัน หมึก กระดาษ และจากฝนหมึก รวมไปถึงตำราพระไตรปิฎกเล่มหนาพิเศษ

ลู่ยุ๋นหลัวตะลึงในทันที นี่กะจะให้นางคัดลอกไปจนถึงเมื่อไหร่กันเนี่ย ?”

“นายหญิงเพคะ ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้ดีแล้ว ท่านเริ่มลงมือเถอะเพคะ.....” เสว่เวยถึงแม้จะเข้าใจความรู้สึกของลู่ยุ๋นหลัวดี แต่นี่คือพระดำริขององค์จักรพรรดิ

และท้ายที่สุดลู่ยุ๋นหลัวก็เริ่มนั่งลงด้วยสีหน้าที่โศกเศร้าจากนั้นก็เริ่มลงมือคัดลอกไตรปิฎกครั้งแรกในรอบสองชีวิตที่นางเคยมีมา

เมื่อเช้าวันใหม่มาถึง รอยคล้ำของดวงตาทั้งสองข้างได้ประดับขึ้นบนใบหน้าของนาง จนกระทั่งท้ายที่สุดนางก็ลอกเขียนเครื่องหมายตัวสุดท้ายของพระไตรปิฎกลงบนกระดาษสำเร็จ จนตอนนี้แม้กระทั่งหนังตานางก็แถบจะลืมไม่ขึ้นจนนางเผลอฟุบหน้าลงไปหลับคาบนโต๊ะ

ผ่านไปไม่นานนักนางข้าหลวงก็ได้เข้ามา ยิ่งไปกว่านั้นยังลากนางออกไปล้างเนื้อล้างตัวจากนั้นก็ส่งนางขึ้นไปยังเกี้ยวประทับที่มีคนทั้งแปดนายคอยแบก

เกี้ยวประทับโยกกระแทกไปมาอยู่ตลอดทาง จนความง่วงเริ่มเข้ามาครอบงำอีกครั้งจนนางหาวขึ้นและหลับไปทั้ง ๆ ที่อยู่ในเกี้ยวประทับ

เมื่อเกี้ยวประทับถึงจุดหมาย ก็เป็นแม่นมโจวที่เขย่าปลุกนาง

ด้วยท่าทางที่ง่วงนวนไม่มีสติสัมปชัญญะจนทำให้แม่นมโจวสับสน

ลู่ยุ๋นหลัวหลังจากลงมาจากเกี้ยวประทับ พอนางกลับไปที่ห้องนอนและคลานขึ้นเตียงไปเพื่อนอนหลับ แม่นมโจวก็ได้รีบสั่งให้หยินซวางเตรียมน้ำร้อนไว้รอนายหญิงตื่นขึ้นมาเพื่อชำระล้างร่างกาย

นางนอนหลับไปจนกระทั่งถึงช่วงกลางวัน ลู่ยุ๋นหลัวถึงรู้สึกว่านอนอิ่มพอแล้ว

หลังจากลุกจากเตียงขึ้นมา นางก็ลุกไปล้างเนื้อล้างตัวล้างหน้าก่อนที่จะเริ่มจัดการงานในช่วงบ่าย

นางได้ให้ตั๋วเงินแก่หยินซวาง 100 ตำลึงหนึ่งใบเพื่อให้นางไปแลกที่สำนักพระราชวังเป็นก้อนตำลึงกลับมา

เนื่องจากพรุ่งนี้ฝนจะเริ่มตก นางจึงรีบหากระดาษผืนใหญ่และใช้พู่กันเขียนลงไปถึงสภาพอากาศอีกเจ็ดวันข้างหน้า โดยถือว่าเป็นพยากรณ์จากตำหนักเย็น และให้คนไปติดนอกกำแพงของตำหนักเย็น เพื่อเป็นการเตือนผู้คนว่าพรุ่งนี้หากออกไปไหนให้พกนำร่มไปด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น