หลังจากที่ติดประกาศพยากรณ์อากาศไปแล้ว นางก็ได้เดินไปที่ลานตาก
เนื่องจากพรุ่งนี้ฝนจะต้องตก อีกทั้งวันนี้ก่อนที่พระอาทิตย์จะลับภูเขาไป ข้าวสาลีจะต้องถูกนำไปเก็บในคลังเรียบร้อยแล้ว
ณ ลานตากแห่งนั้น เหล่าขันทีและนางข้างหลวงกำลังนำข้าวสาลีที่ตากดีแล้วใส่ลงไปในถังที่เอาไปกลิ้งจนร้อน
เมื่อถึงเวลาปิดผนึกจัดเก็บ แบบนี้ก็จะไม่ทำให้เกิดเชื้อราและหนอนแมลงขึ้นได้
รอจนกว่าช่วงฝนตกหมดไปค่อยนำเอาออกมาตากอีกรอบก็พร้อมที่จะนำไปปลูกได้แล้ว
ช่วงเวลาที่แดดร้อนแผดเผาเช่นนี้ เหล่านางข้าหลวงและขันทีต่างยังคงใส่ชุดและเสื้อที่ยาวปกคลุม ร้อนจนเหงื่อไหลเปียกที่หลัง
งานเกษตรกรรมเหล่านี้ลำบากยิ่งนัก
ลู่ยุ๋นหลัวหลังจากเดินไปรอบ ๆ ก็ตัดสินใจที่จะทำอาหารเย็นคลายร้อนให้กับพวกเขา
นางจึงให้แม่ครัวที่ประจำอยู่เริ่มต้มถั่วเขียว หลังจากถั่วเริ่มลอกเปลือกก็ใส่น้ำตาลและแป้งข้าวเหนียวขนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน พักไว้ให้เย็นจากนั้นก็เอามาส่ง
นางยังเรียกขันทีสองนายไปยังป่าไผ่ทางด้านตะวันตกเพื่อตัดกระบอกไม้ไผ่กลับมา จนได้ประมาน 70 กระบอกและเอาไปล้างให้สะอาด
ผึ่งให้แห้งและเตรียมไว้ใช้
หลังจากจัดเตรียมของทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็นำต้มถัวเขียวเทใส่กระบอกไม้ไผ่ทุกกระบอกและเสียบซี่ไม้ไผ่ลงไป นำแต่ละกระบอกที่ได้อัดใส่ไว้ลงถังขนาดใหญ่
เนื่องจากกระบอกไม้ไผ่ค่อนข้างหนา ซึ่งทำให้ครั้งนี้นางต้องปรับอัตราส่วนอยู่หลายครั้งกว่าจะสำเร็จ
ไอศกรีมถั่วเขียวแสนง่ายดายก็ออกมาสำเร็จงดงาม
ลู่ยุ๋นหลัวรู้สึกว่านางนั้นควรจัดตั้งแผนกอาหารในตำหนักเย็น เพื่อทำของว่างพิเศษขายให้แก่คนในวัง
ไม่ว่าจะดูยังไงคนในวังตอนนี้ก็ราว ๆ 10,000 คนได้
แถบจะเทียบเท่ากับประชากรของตำบลเล็ก ๆ แล้ว
อีกทั้งตอนนี้ยังเป็นหน้าร้อนและภายในตำหนักเย็นเองก็แถบจะหาน้ำแข็งได้ยาก ดังนั้นการทำพวกเครื่องดื่มเย็นขายน่าจะขายดี
“แม่นมโจว เจ้าแต่ก่อนก็อยู่ในวังมาค่อนข้างนาน กฎเกณฑ์ในวังเจ้าต้องเข้าใจมากกว่าข้า เจ้าลองบอกข้าทีถ้าข้าจะขายอาหารภายในวัง แบบนี้ถือว่าผิดกฎรึไม่ ?”
“ขายอาหาร ?” แม่นมโจวก็ไม่ทราบว่าทำไมลู่ยุ๋นหลัวถึงอยู่ดีดีก็มีความคิดนี้ขึ้นมาได้ แต่ว่านางก็ยังคงที่จะคิดวิเคราะห์ต่อคำถามที่ถามมานั้น “นายหญิง ตอนนี้เหมือนว่าจะไม่มีกฎเกณฑ์ทางด้านนี้กำหนดไว้เพคะ”
“แบบนี้นี่เอง” ลู่ยุ๋นหลัวลูบไปที่คางพร้อมกับคิดไปถึงแผนการขั้นถัดไปแล้ว
ณ ที่ลานตากนั้น แม่ครัวไม่กี่นางเริ่มนำเอาไอศกรีมถั่วเขียวแจกจ่ายกันไป
ทุกคนเมื่อได้เห็นแท่งไอศกรีมในมือที่กำลังสาดแผ่ไอเย็น พริบตานั้นพวกเขาก็ประหลาดใจในทันใด
สิ่งที่ต้องรู้อย่างหนึ่งก็คือในหน้าร้อนตอนนี้นั้นน้ำแข็งค่อนข้างที่จะหายากยิ่งกว่าอะไร
โดยปกติแล้วจะมักนำไปถวายให้กับพระบรมวงศานุวงศ์ใช้ในการระบายดับความร้อน
หรือบางที่ก็เอามาใช้รับประทาน ซึ่งก็แค่เอาน้ำแข็งมาใส่ไว้ในอาหารเท่านั้น อีกทั้งมีเพียงแค่พระบรมวงศานุวงศ์เท่านั้นที่จะได้ทานอาหารเย็น ๆ ในฤดูร้อนแบบนี้
ไม่เหมือนกับข้าราชบริพารที่ต่ำต้อยอย่างพวกเขา ซึ่งไม่มีสิทธิที่จะได้รับประทานของอะไรแบบนี้เลย
อีกทั้งอาหารที่แม่ครัวให้แก่พวกเขาตรงหน้านั้นก็คือไอศกรีมซึ่งต่างจากภายในวัง และยังไม่เหมือนกับการทำให้เสร็จก่อนในช่วงฤดูหนาวแล้วเอาไปใส่ไว้ในอุโมงค์น้ำแข็ง
เพียงกัดลงไปหนึ่งคำก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึก หวาน ๆ เย็น ๆ และเอร็ดอร่อย
บางคนก็ถึงกับอดไม่ได้ที่จานทานลงไป จึงรอให้มันละลายเป็นน้ำก่อนถึงค่อยกินลงไป
หลักจากกินเข้าไปทุกคนก็รู้สึกถึงความร้อนที่ถูกดับให้หายลดลงไปได้ไม่น้อย
และเมื่อทุกคนพักผ่อนเสร็จ ต่างคนก็เริ่มลงมือทำงานอย่างมีเรี่ยวมีแรง
นายหญิงช่างดีต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก ขนาดก้อนน้ำแข็งที่ว่าหายากยังแบ่งมาให้พวกเขาได้ทาน พวกเขาจึงใช้แรงที่มีทำงานอย่างขยันเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ
เพียงไม่นานข้าวสาลีกว่า 20 ชึก็ถูกเอาไปไว้ในถังจนหมดและถูกเก็บเอาไปไว้ที่คลัง
หยินซวางเพิ่งแลกก้อนตำลังกลับมาจากสำนักพระราชวัง
โดยให้ทุกคน คนละหนึ่งตำลึง จากนั้นลู่ยุ๋นหลัวก็โบกมือพร้อมกับบอกว่าจะหยุดให้เป็นเวลาสี่วัน
เพราะฝนจะตกอย่างต่อเนื่องอีกสี่วันข้างหน้า พื้นที่ไร่นาจึงไม่มีงานให้ทำ ต่อให้มาที่นี่ก็ไม่มีงานให้ทำ ดังนั้นเลยให้พวกเขาหยุดน่าจะดีกว่า
เมื่อทุกคนได้รับเงินตำลึงกลับไปต่างก็ดีใจตื่นเต้นกันมาก
พวกเขาเคยคิดที่ไหน ว่าการทำงานใช้แรงงานหนักสาหัสในวังแห่งนี้จะมีเงินตอบแทน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...
มาต่อหน่อยค่า...
รบกวนอัพต่อให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ...