ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 83

สิ่งที่เราทราบกันดีคือเหล่าขันทีและนางข้าหลวงกลุ่มนี้คือคนที่ย้ายมาจากแผนกซักล้าง

ก่อนพวกเขาจะมาต่างก็คิดว่ามาตำหนักเย็นเพื่อทำการเกษตร ยังไงงานก็ต้องลำบากหนักกว่างานแผนกซักล้าง ไม่คิดมาก่อนว่าหลังจากได้มาถึงแล้ว นอกจากอาหารการกินที่ดีกว่าแต่ก่อนแล้ว เวลานอนพักผ่อนนอนหลับก็มากว่าแต่ก่อนด้วย

เพียงแค่เจ้าไม่แอบอู้ขี้เกียจ และทำงานเสร็จตามเวลา แค่นี้ก็จะได้กลับไปพักผ่อนก่อนเวลาได้แล้ว

อีกทั้งยังไม่ต้องมาอดทนถูกตี ถูกด่า

แถมยังมีเงินตอบแทนให้อีก

ช่วงเวลาที่ผ่านมาแค่นี้เมื่อเทียบกับแต่ก่อนก็ต่างราวฟ้ากับเหวแล้ว

วินาทีนั้นที่พวกเขาแอบสาบานในใจว่าจะต้องช่วยเหลือนายหญิงปลูกข้าวสาลีในตำหนักเย็นแห่งนี้ให้งอกงามออกมาดีให้ได้ เพื่อไม่ใช้นายหญิงผิดหวังต่อพวกเขา

เมื่อพวกเขาเดินพ้นประตูใหญ่ของตำหนักเย็น ก็พบว่ากำแพงด้านนอกของตำหนักเย็นมีประกาศขนาดใหญ่ที่ไม่รู้มาติดไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่

ทุกคนต่างสงสัยยืนมุงดูประกาศนั้น

แต่ว่าคนส่วนใหญ่ที่มุงนั้นไม่เข้าใจอักษร ถึงยืนดูนานกว่าครึ่งค่อนวันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี

ผ่านไปสักพักก็มีนางข้าหลวงนามว่าเยว่เจี่ยนหนึ่งเดียวที่เบียดฝูงชนมาที่ด้านหน้าพร้อมกับอ่านให้ทุกคนฟัง

“พยากรณ์อากาศจากตำหนักเย็น”

“พยากรณ์อากาศแปลว่าอะไรรึ ?” ผู้คนต่างส่งเสียงถาม

“น่าจะหมายถึงการทำนายสภาพอากาศรึเปล่า” เยว่เจี่ยนก็ไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกัน นางได้เห็นอักษรบนนั้นเขียนว่าสภาพอากาศอีกเจ็ดวันข้างหน้า

ไม่ใช่ว่าสำนักหอดูดาวหลวงทำนายสภาพอากาศล่วงหน้าได้มากสุดแค่หนึ่งวันหรอกเหรอ ?

“ด้านบนเขียนไว้ว่า พรุ่งนี้จะเริ่มมีฝนตกและตกต่อเนื่องเป็นเวลาสี่วัน ถ้าพวกเราออกไปไหนก็ให้พกร่มไปด้วย”

พรุ่งนี้ฝนจะตก ?

และยังนานถึงสี่วัน ?

นายหญิงรู้ได้เช่นไรว่าพรุ่งนี้ฝนจะตก ? อีกทั้งยังรู้อีกว่าจะตกต่อเนื่องสี่วัน ?

“หรือบางทีนายหญิงรู้สึกคึกคะนองอะไรเลยหาเรื่องทำแก้เบื่อ ?” บางคนเริ่มวิเคราะห์ออกมา

คำพูดนี้เองที่ทำให้ทุกคนยอมรับโดยปริยาย

ว่านายหญิงของตำหนักเย็นดูเหมือนจะทำเรื่องนี้ขึ้นมาตามที่ว่าจริง ๆ

แต่พวกเขาก็ไม่ได้เอาเก็บไปใส่ใจ เหล่าคนที่ทำงานต่างก็ทยอยจากไป จนในที่สุดตำหนักเย็นก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

ลู่ยุ๋นหลัวกลับไปที่ห้องและลงมาวาดภาพบนกระดาษจำนวนมาก จากนั้นก็เอารายการวัสดุส่งให้หยินซวางรับไปเพื่อไปส่งที่สำนักพระราชวัง อีกทั้งยังกำชับให้ไม่กี่วันนี้ต้องทำตามแบบของเธอที่วาดไว้ในกระดาษด้วย

สำนักพระราชวังเองก็ไม่กล้าที่จะปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินการช้า วันที่สองก็ส่งคนให้ออกไปสั่งทำในทันที

ลู่ยุ๋นหลัวเมื่อมีเวลาก็เข้าไปยังมิติพิเศษของนางเพื่อวิจัยดินปืนต่อ

ถ้าจะให้พูด นางได้ใช้เวลาวิจัยดินปืนหลายวันมากแล้ว ทุกครั้งที่วิจัยจะรู้สึกอยู่ตลอดว่าอีกเพียงแค่นิดเดียวก็ใกล้ที่จะสำเร็จแล้ว

ครั้งนี้ลู่ยุ๋นหลัวได้ตัดสินใจที่จะใช้อัตราส่วนในคราวก่อนในการวิจัยเพื่อปรับแต่งอีกเล็กน้อยเท่านั้น

ภายในมิติพิเศษนี้ นางรับรู้ได้ถึงน้ำหนักของวัตถุดิบทุกชิ้นได้อย่างละเอียดอ่อน

เมื่อถึงเวลาที่สำคัญที่สุด นางก็ระวังเป็นพิเศษที่จะใส่วัตถุดิบสุดท้ายลงไป ซึ่งแต่ก่อนตรงนี้ก็เป็นจุดที่นางวิจัยผิดพลาด จนนางครั้งนี้กลั้นหายใจและตั้งสมาธิอย่างสูงสุด จนเวลาผ่านไปนานก็ไม่มีวี่แววที่จะระเบิดเหมือนครั้งก่อน ลู่ยุ๋นหลัวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งออก ในที่สุดก็สำเร็จ !

หลังจากผ่านขั้นตอนนี้ไป ขั้นตอนต่อไปนั้นก็ถือว่าง่ายแล้ว นางตั้งใจพิถีพิถันในมิติพิเศษตลอดช่วงบ่าย จนในที่สุดก็วิจัยดินปืนออกมาได้อย่างสำเร็จ

นางหาพื้นที่มุมภายในมิติพิเศษได้แล้วเพื่อที่จะลองอานุภาพของดินปืนสักหน่อย

หลังจากวางติดตั้งเส้นสายชนวนไป นางก็รีบโยนไปยังมุมตรงนั้น จากนั้นก็ออกแรงวิ่งเร็วสุดกำลัง จนเสียง“ตู้ม”ดังสนั่นออกมา ดินปืนนั้นก็ได้ระเบิดออกมา

เศษผงหินดินปลิวว่อนไปทั่ว ลู่ยุ๋นหลัวสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของพื้นดินในมิติพิเศษ เมื่อรอจนฝุ่นที่ลอยคลุ้งจางลง สิ่งที่เห็นตรงหน้าก็คือหลุมลึกมหาศาล วัดจากสายตาเส้นผ่านศูนย์กลางน่าจะราว ๆ 2-3 เมตรได้ ซึ่งนางรู้ดีว่าเอาไปทดลองใช้เพียงน้อยนิดท่านั้น ก็มีอานุภาพทำลายล้างสูงถึงเพียงนี้แล้ว ลู่ยุ๋นหลัวแอบตกใจในสิ่งตรงหน้า ดินปืนที่นางทำทรงพลังยิ่งนัก

เพียงกวาดสายตาไปลงไปในหลุมก็พบเข้ากับวัตถุสีทองก้อนเล็ก นางสงสัยถึงขนาดเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ จากนั้นก็หยิบขึ้นมาดู พริบตานั้นนางก็ถลึงตาโตเท่ากับไข่ห่านได้ “นี่มัน....”

“ทองคำ !”

ลู่ยุ๋นหลัวยืนงงค้างไปทั้งอย่างนั้น จากนั้นนางก็รีบโดดเข้าไปในหลุมนั้นเพื่อตรวจสอบดู แล้วก็พบว่าที่ตรงนั้นมีก้อนทองคำโผล่ออกมาเล็ก ๆ ส่วนหนึ่ง นางใช้แรงนั้นในการโยกกระแทกให้หลุดออกมา แต่ทองคำก้อนนั้นก็ไม่มีแววที่จะขยับ

ใต้ดินผืนนี้จะต้องมีเหมืองทองมหาศาลอยู่ก็เป็นได้ !

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น