ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 86

พระเจ้ารู้ดีว่าเขาต้องการนึ่งให้ได้หมั่นโถวออกมา ได้เฝ้ามองห้องปรุงพระกระยาอาหารถึงสองวันสองคืนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าตา 

ต่อให้พ่อครัวอีกกี่คนมาลองผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม

สิ่งที่องค์จักรพรรดิตรัสไว้ถึงหมั่นโถวขาว ๆ อ้วน ๆ ทั้งนุ่มและนิ่มและหอมหวาน เขาไม่ส่ามารถทำออกมาได้จริง ๆ

จี้อู๋เจวี๋ยคิดไม่ถึงว่าการทำหมั่นโถวออกมาให้ได้หนึ่งลูก พ่อครัวห้องปรุงพระกระยาอาหารตั้งมากมายกลับไม่สามารถทำออกมาได้เลย

ตั้งแต่วันที่เลือกแผ่นไม้ของตำหนักเย็นในวันนั้นให้หลัง ช่วงไม่กี่วันนี้ก็ไม่ได้เห็นลู่ยุ๋นหลัวอีกเลย

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรอยู่ดี ๆ ก็อยากทานอาหารที่แม่นางคนนั้นทำขึ้นมามากเป็นพิเศษ

แต่ห้องปรุงพระกระยาอาหารล้วนทำอาหารออกมาไม่ได้

เหล้าดอกบัวแต่ก่อนก็เป็นแบบนี้ หมั่นโถวก็เป็นแบบนี้อีก

ความคิดที่อยากไปตำหนักเย็นก็ผุดขึ้นในหัวและก็ถูกเขากดลงเอาไว้อีกครั้ง

ตัวเขาที่เป็นองค์จักรพรรดิของอาณาจักรตงหลาน เขาสามารถถูกอาหารเหล่านี้ทำให้ลำบากใจได้จริงงั้นเหรอ ?

สายพระเนตรที่กวาดไปยังขันทีเฉิงที่คุกเข่าอยู่เบื้องพระพักตร์ “ถ้าพรุ่งนี้ยังทำหมั่นโถวออกมาไม่ได้ เจ้าก็เก็บหมอนม้วนเสื่อของเจ้าออกไป”

ขันทีเฉิงหลังจากถูกด่าและกลับมาถึงห้องปรุงพระกระยาอาหาร เขาตัดสินใจไปที่ตำหนักเย็นเพื่อขอความช่วยเหลือจากนายหญิงท่านนั้น

เนื่องจากใกล้ถึงเวลาเสวยพระกระยาอาหาร พ่อครัวไม่กี่คนกำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหาร เขาจึงเรียกเสี่ยวลี่จึให้ใส่แป้งให้เขามาหน่อยและออกเดินทาง

ขันทีเฉิงและเสี่ยวลี่จึเมื่อมาถึงตำหนักเย็น ก็ได้เห็นการคุ้มกันที่ปากประตูอย่างเข้มงวด นั่นทำให้เขาพึ่งนึกได้ว่าตำหนักเย็นตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว

ธัญพืชที่มีกำลังปลูกผลิต 10 ชึต่อหมู่ของอาณาจักรตงหลานได้ปลูกไว้ภายใน

นั่นคือความหวังของเหล่าประชาชนทั่วอาณาจักรตงหลาน

ตอนนี้ที่ตำหนักเย็นห้อมล้อมไปด้วยการคุ้มกันที่เข้มงวด หากไม่ได้รับพระราชอนุญาตจากพระบรมวงศานุวงศ์ คนทั่วไปก็จะไม่ได้รับการอนุญาตให้เข้าออกได้ตามอำเภอใจ

ใครก็ตามที่เข้าออกตำหนักเย็น ต้องแสดงหลักฐานตัวตนรวมถึงธุระที่จะทำ อีกทั้งทุกคนที่เข้าออกตำหนักเย็นต้องทำการประทับบันทึกลายนิ้วมือ สิ่งที่นี้ฝ่าบาทได้เป็นคนกำหนดขึ้นมา

นี่เพื่อเป็นการป้องกันคนแอบเข้าไปตำหนักเย็นและทำลายข้าวสาลี

เมื่อทั้งสองมาถึงตำหนักเย็น ในตอนแรกขันทีที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ไม่ได้ปล่อยพวกเขาไป อีกทั้งการมาถึงของขันทีเฉิงครั้งนี้ก็ไม่ได้รับพระราชอนุญาตจากฝ่าบาทด้วย

ขณะที่พวกเขาจนมุมอยู่ตอนนั้น ภายในประตูใหญ่ของตำหนักเย็น หยินซวางได้เห็นพวกเขาจากที่ไกล ๆ

“ขันทีเฉิง พวกเจ้ามาทำไมรึ ?”

หยินซวางเดินมาหาพร้อมกับถามไถ่

ขันทีเฉิงไม่คิดมาก่อนเลยด้วยซ้ำว่าจะมาพบหยินซวางในตำหนักเย็น

ถึงแม้เขาและหยินซวางรวมไปถึงเสี่ยวลู่จึจะมีการติดต่อพูดคุยกันมาก แต่ก็ไม่เคยถามไถ่พวกเขาเลยว่าทำงานกันอยู่ที่ไหน พวกเขาเองก็ไม่เคยเอ่ยถึงเลยด้วยซ้ำ จนถึงตอนนี้ ทั้งสองนั้นน่าจะเป็นไปได้ถึงแปดเก้าในสิบส่วนที่จะทำงานในตำหนักเย็น

จึงไม่แปลกใจเลยที่เดี๋ยวสามวันห้าวันก็จะให้เขาเอาของไปขายข้างนอกวังให้

ดูเหมือนว่าวิถีชีวิตของพวกเขาในตำหนักเย็นก็ค่อนข้างลำบากไม่น้อย

“แม่นางหยินซวาง อาจารย์ข้า เขาทำและนึ่งหมั่นโถวอยูหลายครั้งยังไงก็ไม่สำเร็จ นั่นเลย อาจารย์เลยพาข้ามาตำหนักเย็นอยากให้นายหญิงช่วยแนะนำให้สักเล็กน้อย”

เสี่ยวลี่จึยกแป้งที่อยู่ในมือพร้อมกับพูดไปด้วย

“อยากเรียนทำหมั่นโถวรึ ? งั้นพวกเจ้าลงบันทึกก่อน เดี๋ยวข้าไปรายงานนายหญิงให้” หยินซวางรีบกลับไปที่ห้องนอนและพูดเรื่องนี้ให้กับลู่ยุ๋นหลัว

หยินซวางตอนที่กลับไปรายงานนั้น ลู่ยุ๋นหลัวกำลังจัดเก็บดูแลอยู่ด้านหลังตำหนัก

เมื่อได้ยินว่าขันทีเฉิงมาหาก็รีบให้หยินซวางพาพวกเขาเข้ามา

หมั่นโถวนี้ หากไม่มีคนสอนแล้วล่ะก็ คงจะยากมากที่จะนึ่งออกมาได้ด้วยตัวเอง

ขันทีเฉิงคนนี้แต่ก่อนได้ช่วยนางเอาไว้อยู่ไม่น้อย จนตอนนี้เขามาหาถึงตำหนักเย็น และเนื่องด้วยเหตุด้วยผลแล้ว นางก็ควรที่จะช่วยเหลือ

หยินซวางเมื่อได้รับคำสั่งจากลู่ยุ๋นหลัวก็กลับไปที่ประตูใหญ่เพื่อพาขันทีเฉิงและเสี่ยวลี่จึมายังทางไปห้องนอน

“แม่นางหยินซวาง ข้าขอถามอะไรหน่อย เจ้ากับเสี่ยวลู่จึทำงานอยู่ในตำหนักเย็นรึ ?” เสี่ยวลี่จึพอได้เห็นหยินซวางที่คุ้นเคยกับเส้นทางในตำหนักเย็นก็อดไม่ได้ที่จะถาม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น