ใครจะรู้ หยินซวางเมื่อได้ยินก็ส่งเสียง “คิกคิก” ออกมา
ดูเหมือนพวกเขาถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ ว่าขันทีเสี่ยวลู่จึก็คือนายหญิง
แต่นางก็ไม่ได้อธิบายอะไร พาสองคนนั้นมาถึงด้านข้างของห้องนอนและพูดว่า “พวกเจ้ารอตรงนี้ครู่หนึ่งก่อน เดี๋ยวข้าจะเชิญนายหญิงมาหา” เมื่อได้เห็นแผ่นหลังของหยินซวางจากไป เสี่ยวลี่จึก็มีสีหน้าสงสัยขึ้นมา “ท่านอาจารย์ ทำไมแม่นางหยินซวางถึงไม่ยอมตอบคำถามที่ข้าถามไปล่ะ ?”
ขันทีเฉิงตีไปที่หัวของเสี่ยวลี่จึไปที “บอกเจ้าไปกี่รอบแล้ว ไม่ควรถามก็อย่าถาม ! ระวังหัวเจ้าเอาไว้ดี ๆ เถอะ”
เสี่ยวลู่จึคนนั้น ตัวตนจะต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่
คราวก่อน ฝ่าบาทเพื่อทรงต้องการหาเขาถึงกับไปหาเขาถึงที่พำนัก
ตัวตนเช่นนั้น เจ้ากล้าจะถามไถ่อีกรึ ?
อยากจะอยู่ให้รอดในวังได้นาน ลืมตาข้างปิดตาข้างก็พอแล้ว
ขันทีเฉิงยังคงกังวลอยู่เลยเตือนขึ้นมาอีกรอบ “รอจนนายหญิงออกมาเมื่อไหร่ จำไว้ว่าตาเจ้าอย่าริอาจสุ่มสี่สุ่มห้ามองไปทั่ว !”
เสี่ยวลี่จึลูบไปที่หัวตัวเองและพูด “ท่านอาจารย์ข้าเข้าใจแล้ว”
ทั้งสองคนรอไม่นานนักลู่ยุ๋นหลัวก็ออกมา
ขันทีเฉิงและเสี่ยวลี่จึเมื่อได้เห็นเงาร่างสีเหลืองอ่อนก็รีบก้มหัวคุกเข่าในทันที
“บ่าวผู้ดูแลห้องปรุงพระกระยาอาหาร ขันทีเฉิงฟาง !”
“บ่าวขันทีประจำห้องปรุงพระกระยาอาหาร เสี่ยวลี่จึ !”
“ถวายบังคมนายหญิง !”
“ลุกขึ้นเถอะ ข้าไม่มีกฎระเบียบมากมายอะไรในที่แห่งนี้” ลู่ยุ๋นหลัวมองพวกเขาหลังจากเข้ามา พบว่าพวกเขาทั้งสองค่อนข้างประหม่า
เสี่ยวลี่จึขมวดคิ้ว เสียงนี้เขาทำไมรู้สึกเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน ?”
ขันทีเฉิงก็ผงะไปเล็กน้อยเช่นกัน
เสียงนี้ หากเขาได้ยินไม่ผิด ทำไมรู้สึกคล้ายเสี่ยวลู่จึ ?
ทั้งสองก้มหน้าสบมองกันอยู่ครู่หนึ่ง
“นายหญิงให้พวกเจ้าลุกขึ้นได้แล้ว !” แม่นมโจวที่อยู่ด้านข้างมองพวกเขาทั้งสองด้วยแววตาแปลก ๆ
“ขอบพระทัยนายหญิง !” ขันทีเฉิงและเสี่ยวลี่จึเพิ่งมีสติกลับมารีบก้มหัวลุกขึ้น
ขันทีเฉิงหลังจากลุกขึ้นมาแล้วยังคงก้มศีรษะไว้อยู่ นี่คือกฎระเบียบของตำหนักใน
เมื่อไม่มีพระบรมวงศานุวงศ์ท่านใดตรัส ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เงยหน้า
ส่วนทางด้านเสี่ยวลี่จึ ยังคงคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าเสียงนี้เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน ดังนั้นเขาจึงแอบสอดส่องสายตามองไปยังเงาร่างสีเหลืองอ่อนเบื้องหน้า
เมื่อได้เห็นก็ได้ทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก เวลานั้นได้ลืมสิ่งที่ขันทีเฉิงได้บอกไว้ แหงนหน้าขึ้นตาเบิกโพรงอ้าปากค้างมองนายหญิงท่านนี้ที่ยิ้มแย้ม
นี่มันไม่ใช่.....
เสี่ยวลู่จึหรอกเหรอ ?
“ท่านอา.....อาจารย์.....” เสี่ยวลี่จึใช้ศอกสะกิดขันทีเฉิงที่อยู่ด้านข้าง โดยที่พูดอะไรไม่ออก
ขันทีเฉิงขมวดคิ้ว เสี่ยวลี่จึเป็นอะไรไป ?
ต่อหน้านายหญิงต้องใส่ใจเคารพกฎระเบียบ
ด้วยเหตุนี้ขันทีเฉิงจึงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
“อาจารย์....ท่าน.....รีบดู....นายหญิง...” ขันทีเฉิงยังคงสะกิดเรียกเขาโดยที่ยิ่งพูดยิ่งติดอ่าง
ขันทีเฉิงก้มหน้าลงอยู่นั้นได้เห็นชายกระโปรงสีเหลืองอ่อนทิ้งตัวบนพื้นเข้ามาอยู่ในสายเขา “ขันทีเฉิง ไม่ได้เจอกันนาน !”
เหนือศีรษะได้ยินเสียงที่คุ้นเคยลอยแว่วมา
ขันทีเฉิงแหงนหน้าได้พบกับหญิงท่านหนึ่งที่ใบหน้ากำลังยิ้มเยอะมองเขา
ขันทีเฉิงตัวสั่นอย่างรุนแรง
นี่ไม่ใช่เสี่ยวลู่จึหรอกเหรอ ?
เขารู้ดีว่าตัวตนของเสี่ยวลู่จึนั่นไม่ธรรมดา
แต่เขาก็ไม่คิดมาก่อนว่าเสี่ยวลู่จึจะกลายเป็นหญิงไปได้ อีกทั้ง ยังเป็นนายหญิงของตำหนักเย็น !
เขาคิดไปถึงเมื่อก่อนว่าถึงแม้เขาจะได้ช่วยเสี่ยวลู่จึไปไม่น้อย แต่เขาก็รังแกนางไปอยู่ไม่น้อย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ขโมยของนางทาน และมักอ้างเหตุผลช่วยนางหาของมาให้ เอามาขู่นางให้ทำอาหารอร่อย ๆ ให้เขาได้ทาน นอกจากนี้ทุกครั้งที่ที่ช่วยนางไปเอาของจากนอกวังมาให้ ก็มักจะรับเงินเป็นค่าดำเนินการไว้สูง
พอคิดถึงตรงนี้ เหงื่อเย็น ๆ ก็ไหลอาบท่วมหน้าผากเขา ตอนนั้นเองที่เขาตกใจจนคุกเข่าลงไปอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...
มาต่อหน่อยค่า...
รบกวนอัพต่อให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ...