ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 94

ผู้คนจำนวนมากภายในล้วนมาที่นี่เพื่อลงบันทึกจ่ายเงิน จากนั้นก็จะมีพาไปที่ตำหนักเย็นเพื่อรับเครื่องดื่มและของที่เย็นที่พวกเขาสั่ง โดยจะอ้างอิงข้อมูลที่บันทึกไว้เพื่อแจกจ่าย

นอกจากนี้ยังมีบางส่วนที่เหมือนกับเย่เฟิง ซึ่งสั่งไว้ให้กับคนที่อยู่ในอาณัติของคนตนเอง

เมื่อเย่เฟิงมองไปแวบหนึ่ง ก็ล้วนเห็นว่าเป็นองคมนตรีในราชสำนัก และหัวหน้าแผนกต่าง ๆ ในวัง ซึ่งล้วนพยายามเบียดไปข้างหน้า

เดิมทีเย่เฟิงกำลังรออยู่ด้านหลังอย่างใจเย็นเป็นพิเศษ

แต่รอไปรอมาก็พบว่ายังไงก็ไม่ถึงคิวของเขาสักที

จึงกระวายกระวายขึ้นมาทันที

"เห้ย ใต้เท้าหวังทำไมเจ้าถึงมาแทรกคิวล่ะ ?"

"ยังมีเจ้าอีก ใต้เท้าหลี่ ใต้เท้าเฉิน พวกเจ้าอย่ามาเบียดสิ พวกเจ้า..." คำพูดของเย่เฟิงแถบจะไม่มีใครได้ยิน พริบตาก็ถูกฝูงชนเบียดไปท้ายแถว

ล้อกันเล่นใช่มั๊ย ถ้าหากไม่เบียดไปด้านหน้า ของขายหมดแล้วจะทำยังไง ?

เมื่อวานที่มาก็มาสายไปเลยไม่ได้เข้าคิว

พอตกกลางคืนตอนกลับไปบ้าน ก็ถูกภรรยาและลูกสาวในบ้านบ่นด่าทั้งคืน

หากวันนี้ยังซื้อกลับไปไม่ได้อีก ก็เหมือนกับรอคนในบ้านโวยวายออกมานั่นแหละ

เมื่อเห็นฉากที่อยู่ตรงหน้านี้ เย่เฟิงก็ทนไม่ได้อีกต่อไป

เขาในฐานะแม่ทัพทหารองครักษ์จะไม่สามารถเบียดผ่านข้าราชการเหล่านี้ได้เลยเหรอ ?

เขาเริ่มผลักฝูงชนออกไปทันทีและพุ่งไปข้างหน้า

"พวกข้าทหารองครักษ์ ต้องการ 50,000 แท่งทุกวัน" ขันทีที่ลงบันทึกเมื่อได้ยินว่าต้องการ 50,000 ต่อวัน ก็ไม่รู้ว่าตำหนักเย็นวันหนึ่งจะสามารถทำออกมาได้มากขนาดนั้นรึไม่ ดังนั้นจึงรีบส่งคนไปที่ตำหนักเย็น

เมื่อลู่ยุ๋นหลัวได้ยินว่ามีคำสั่งซื้อจำนวนมาก เดิมทีนางต้องการไปที่นั่นเพื่อเจรจาด้วยตนเอง แต่ก็คิดได้ว่านายหญิงในตำหนักในไม่สามารถพบกับองคมนตรีเป็นการส่วนตัวได้หากไม่ได้รับพระราชอนุญาตจากฝ่าบาท

จึงได้แต่พูดอธิบายอย่างละเอียดอยู่รอบ

ขันทีที่คอยนำส่งข้อความก็วิ่งอยู่สองรอบก่อนที่จะหาข้อสรุปเรื่องนี้ได้

การทำเครื่องดื่มและของที่เย็นจำนวน 50,000 ต่อวันถือว่าเป็นคำสั่งซื้อจำนวนมากมหาศาลสำหรับตำหนักเย็น กำลังคนย่อมไม่เพียงพอ

ช่วงนี้เองก็ได้ยืมมือของคนจากกองพระราชฐานชั้นในมาชั่วครู่อยู่ไม่น้อย

เพื่อไม่ให้คนอื่นเดือดร้อนในภายหลัง เพียงแค่คนที่มาทำงานในตำหนักของนางก็จะได้รับเงินที่จ่ายจากตำหนักเย็น

แผนกอาหารในตำหนักพริบตาก็ยุ่งขึ้นมาในทันที

คำสั่งซื้อในแต่ละวันเยอะประมาณ 60,000 แท่ง บวกกับที่ร้านขายของจำหน่ายได้แล้ว ธุรกิจต่อวันได้อยู่ประมาณ 500 ตำลึงขึ้นไป หลังจากหักต้นทุนออก กำไรก็อยู่ประมาณ 400 ตำลึง หากคำนวณเป็นรายเดือนแล้ว ก็ทำเงินได้มากถึงหนึ่งหมื่นสองพันตำลึง

ภายในช่วงเวลาระลอกสุดท้ายของฤดูร้อน ลู่ยุ๋นหลัวก็ทำเงินได้มากถึงหนึ่งหมื่นกว่าตำลึง

รอถึงช่วงปลายเดือนกันยายน อากาศก็จะค่อย ๆ เย็นลง เครื่องดื่มและของที่เย็นก็จะเริ่มขายได้น้อยลงแล้ว

เพียงไม่นานผู้คนในตำหนักเย็นก็เริ่มว่างอีกครั้ง ลู่ยุ๋นหลัวจึงเหลือคนไว้จำนวนน้อยไว้ทำของบางส่วนเพื่อไปวางไว้ที่ร้านขายของทุกวัน

คนที่เหลือทั้งหมดเริ่มไถที่ดินแล้ว ตำหนักเย็นยังมีพื้นที่ที่ไม่ได้ปลูกอะไรมากกว่า 100 หมู่ ตอนนี้ในฤดูใบไม้ร่วงก็เหมาะที่จะเตรียมปลูกมันฝรั่งและผักอื่น ๆ ของฤดูใบไม้ร่วงได้แล้ว

ลู่ยุ๋นหลัวจัดแบ่งงานให้กับทุกคนตอนเช้าตรู่ จากนั้นก็ไม่มีอะไรทำ กลายเป็นคนที่สบายที่สุดในตำหนักเย็น

ในช่วงเวลาที่ว่างอยู่นั้น ลู่ยุ๋นหลัวมักเหล้าขาวจำนวนมากด้วยใช้น้ำแห่งจิตวิญญาณในมิติพิเศษ ฝังมันไว้ในพื้นดินของมิติพิเศษ

และก็ยังทำซอสพริกและอื่น ๆ

อย่างไรก็ตามทุกวันตนเองก็มักจะยุ่งมากเป็นพิเศษ

คืนนั้น นางนอนอยู่บนเตียงและค่อย ๆ คิดแผนต่อไป

ประการแรก การเพาะปลูกเป็นโครงการระยะยาวหนึ่ง หากอยากที่จะทำเงินจากมันได้ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหนึ่งหรือสองปี

ยิ่งไปกว่านั้น หากนางต้องการหาเงินจากการเพาะปลูก ภายในพระมหาราชวังแห่งนี้ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้

แม้ว่าในมือนางจะมีธัญพืช ผักและผลไม้ที่ไม่มีในยุคนี้อยู่มากเท่าใด ก็ไม่มีทางปลูกปริมาณได้มากกว่ากระทรวงเกษตร ยิ่งไม่ต้องคิดที่จะได้กำไรจากการเพาะปลูกได้เลย

อีกทั้งเบื้องหลังของนางที่ทำแผนกอาหารของตำหนักเย็นตอนนี้ก็ทำได้แค่เครื่องดื่มและของที่เย็นขาย ซึ่งเป็นอาหารตามฤดูกาลหลัก พออากาศเย็นเมื่อไหร่ก็จะไม่มีใครซื้ออีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น