ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 96

ในฐานะนายหญิง  การนำพระกระยาหารถวายเป็นของขวัญเนื่องในวันพระราชสมภพพระพันปีหลวงนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล

ทั้งสองคิดทบทวนอยู่ครู่ ในที่สุดก็ตัดสินใจนำหยกประการังที่แม่นมโจวที่เตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้าเอามาเตรียมไว้

แม้ว่าหยกประการังนี้ไม่ใช่ของที่มีราคาสูงขนาดนั้น แต่อย่างน้อยก็สามารถนำมาเป็นของขวัญในวันพระราชสมภพให้พอถวายไปได้

หากของขวัญในวันพระราชสมภพของนายหญิงที่จะนำไปถวายไม่ได้จริง ๆ ก็จะนำหยกประการังนี้ไปถวายแทน

ลู่ยุ๋นหลัวเอาแต่อยู่ในครัวยุ่งอยู่ตลอดทั้งวัน

หยินซวางและแม่นมโจวก็ได้กลิ่นหมั่นโถวจากข้างนอกได้อย่างชัดเจน

ทั้งสองมองหน้ากัน มันก็จบลง นายหญิงกำลังจะเตรียมนึ่งหมั่นโถวหนึ่งหม้อให้เป็นของขวัญในวันพระราชสมภพของพระพันปีหลวงแล้ว

ในตอนกลางคืนในที่สุดลู่ยุ๋นหลัวก็ทำทุกอย่างเสร็จ นางเอาผ้าหนา ๆ ปิดไว้ และกำชับไม่ให้ใครขยับสิ่งนี้ จากนั้นยืดเส้นยืดสายขยับคอไปมาและเข้านอน

งานเลี้ยงของวันนี้ช่วงบ่าย  แม่นมโจวเดินไปมาภายในตำหนักอย่างลนลาน

เมื่อเห็นว่างานเลี้ยงในช่วงบ่ายกำลังจะเริ่มขึ้น แต่พวกนางที่ตำหนักเย็นกลับไม่มีวี่แววที่จะได้รับการประกาศให้สามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงได้เลย

ที่ประตูใหญ่ก็ได้ยินเสียงอึกทึกแว่วเข้ามา หยินซวางกลับมาจากด้านนอก  แม่เห็นเช่นนั้นจึงรีบถาม "เป็นอย่างไรบ้าง ไปถามมาเขาตอบว่าเยี่ยงไร ?"

หยินซวางส่ายหัวและพูดว่า "ถามมาแล้ว พวกเขาบอกว่านายหญิงของเราไม่มีชั้นยศจึงไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมงานเลี้ยง"

“ไม่มีชั้นยศอะไร ? เดี๋ยวได้เห็นดีกับข้า ก็เห็นอยู่ว่าฝ่าบาทช่วงไม่กี่วันนี้ไม่เสด็จมาที่ตำหนักเย็นเลย และก็ทรงยังไม่มีประกาศให้นายหญิงของเข้าปรนนิบัติอีก พอคิดดูแล้วนายหญิงของเราต้องไม่ได้เป็นที่โปรดปราณาอีกต่อไปแล้วแน่ ๆ ถึงกระทำเช่นนี้”

หยินซวางสีหน้าขุ่นเคืองขึ้นมา

ในตำหนักใน เป็นสถานที่ที่ต้องปฏิบัติตนตามสายพระเนตรของฝ่าบาท

ฝ่าบาทเมื่อได้ทรงโปรดปราณสนมคนไหน สนมคนนั้นต่อให้ยศชั้นต่ำเพียงใด ภายในตำหนักก็ไม่มีใครที่จะกล้าแตะต้อง

หากฝ่าบาทไม่ทรงโปรดโปราณสนมคนไหนขึ้นมา ต่อให้สูงส่งสักเพียงใด เขาก็ต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้

แม่นมโจวถอนหายใจ ถ้าไม่มีขันทีมาประกาศ นั่นเท่ากับต่อให้นายหญิงไปก็จะไม่มีที่ให้สำหรับนาง

คนพวกนี้ต้องดูจากที่ช่วงนี้ฝ่าบาทไม่ได้ทรงเลือกแผ่นไม้ของตำหนักเย็นเป็นแน่ พอเห็นนายหญิงของตำหนักเย็นไม่ได้เป็นที่โปรดปราณก็เลยจัดการให้แบบนี้

ขณะที่กำลังพูด ลู่ยุ๋นหลัวก็แต่งตัวเป็นขันทีเดินออกมาจากในห้อง

“นายหญิง คือท่าน.....” แม่นมโจวมองดูลู่ยุ๋นหลัวด้วยความสงสัย

ลู่ยุ๋นหลัวเงยหน้าขึ้นและเผยยิ้มอย่างแผ่วเบา "ไปร่วมงานเลี้ยงกันเถอะ"

เป็นเวลากว่าครึ่งปีที่ทะลุมิติมายังที่แห่งนี้ และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เป็นการจัดงานเลี้ยงขึ้นในวัง

นางเป็นคนที่ชอบความครึกครื้นขนาดนี้จะไม่ไปลองสัมผัสประสบการณ์สักหน่อยหรอกเหรอ ?

หากนางไม่สามารถใช้ฐานะนายหญิงในการเข้าร่วมได้ นางก็ใช้ฐานะขันทีก็ได้ไม่ใช่เหรอ ? ――

เมื่อยามเซิน(ยามเซิน คือ ช่วงเวลา บ่าย 3 โมงถึง 5 โมงเย็น)มาถึง ประตูวังก็เริ่มมีรถราวิ่งขวักไขว่ไปมา องคมนตรีหลายท่านบ้างก็พอบุตรสาวบ้างก็พอแม่หญิงที่สูงศักดิ์เข้ามาในวังอย่างไม่ขาดสาย

งานเลี้ยงได้จัดขึ้นที่เรือนในสวน นอกจากพระแท่นสูงสำหรับฝ่าบาทและพระพันปีหลวงแล้ว ด้านข้างทั้งสองก็ยังมีโต๊ะวางเป็นแถวยาวเรียงไว้

ทางซ้ายคือผู้สูงศักดิ์ฝ่ายชาย และทางขวาคือผู้สูงศักดิ์ฝ่ายหญิง

วันนี้เหยากุ้ยเหรินแต่งกายดีเป็นพิเศษในงานเลี้ยงด้วยชุดผ้าไหมปักเข็มลายดอกสีเหลืองสดใส ทับด้วยเข็มขัดมุกคลื่นทะเลด้วยสีที่เข้ากันรอบเอว ตามมาด้วยต่างหูหินสีน้ำเงินที่หู แพรผมอันละเอียดอ่อนก็ถูกถัดปักไว้ด้วยปิ่นดอกไม้ไหวระยิบระยับ ความงามเช่นนี้ใครเห็นก็ต้องประทับใจ

ใบหน้าสวยและนิ่มนวลผนวกกับรอยยิ้มอ่อนจาง ๆ ทุกท่วงอริยาบถแสดงให้เห็นถึงศักดิ์ศรีและความสง่างามของนายหญิงในตำหนักใน ซึ่งการเคลื่อนไหวและความงามเช่นนี้ยากสุดจะพรรณนา

ทันทีที่เหยากุ้ยเหรินออกมา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นจนหมด

มีข่าวลือมานานแล้วว่า บุตรสาวอันอ่านโยนและมีศีลธรรมของนายพลอันดับหนึ่งไป๋เจิ้นไห่นั้นช่างสง่างาม ไม่คิดมาก่อนว่าเมื่อได้เห็นวันนี้ก็สบกับคำร่ำลือที่เขาว่ากัน

แค่ท่าทางที่สง่างามเพียงอย่างเดียว ก็แถบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ครอบครัว ๆ ทั่วไปจะปลูกฝังเลี้ยงดูออกมาได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น