ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 97

สำหรับด้านข้างของเหยากุ้ยเหรินนั้นก็คือหลันกุ้ยเหริน นางก็สวยสดงดงามไม่แพ้กัน แต่วันนี้นางดูไม่ได้แต่งตัวอะไรเป็นพิเศษ สวมเพียงชุดกระโปรงผ้าสีฟ้าอ่อนธรรมดาถักร้อยเป็นลายดอกไม้ ทรงผมมัดรวบสูงเป็นรูปดอกไม้ง่าย ๆ ตรึงไว้ แม้จะเรียบง่าย แต่เพียงแค่มองเห็นก็ดูสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า

หากในเวลาปกติและด้วยความงามและการแต่งกายแบบก็ถือไม่เลวแล้ว แต่การนั่งถัดจากเหยากุ้ยเหรินที่แต่งตัวดีนั้น ก็ทำให้ดูค่อนข้างด้อยกว่า

หลังจากเห็นสายตาของทุกคน หลันกุ้ยเหรินก็เรียกนางข้าหลวงข้างกายนามว่าจื่อชึเข้ามาด้วยสีหน้าไม่พอใจ 

"บอกแล้วว่าควรเอาชุดกระโปรงทองซิงเยว่จากอาณาจักรหลิวมาสวมถึงจะถูก เจ้าดูสิ ตอนนี้กระแสความสนใจโดนแย่งไปหมดแล้ว  ๆ ข้ากลายเป็นแค่ตัวประกอบไปแล้ว"

ชุดกระโปรงทองซิงเยว่นั้น เริ่มจากเสด็จพ่อขององค์จักรพรรดิได้ใช้ดิ้นเงินดิ้นทองในการถักทอออกมาเป็นชุดกระโปรงเอาไปเชิญสู่ขอแม่นางที่เลอค่าที่สุดแห่งอาณาจักรหลิว ถ้านางได้สวมชุดนั้น ไม่มีทางที่จะให้เหยากุ้ยเหรินมากำเริบเสิบสานต่อหน้าได้ถึงตอนนี้หรอก

จื่อชึพูดกลับไป "นายหญิง ท่านลืมแล้วในสิ่งที่บ่าวบอกกับท่านไว้ก่อนหน้า ว่าอีกสักพักฝนจะต้องตกลงมาเพคะ"

ฝนที่ตกลงมาหนักมาก ชุดจะสวยแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ บางทีอาจจะดูขี้เหล่ขึ้นมาก็ได้

"เจ้าแน่ใจรึว่าพยากรณ์อากาศอะไรนั่นที่ติดอยู่หน้าตำหนักเย็นจะแม่นยำ ?" หลันกุ้ยเหรินขมวดคิ้วถาม พูดตามตรง นางเองก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางจึงได้แต่เชื่อคำพูดของจื่อชึไร้เดียงสาคนนี้ พอคิดไปคิดมาว่าในโลกนี้จะมีใครเก่งกาจได้ขนาดที่สามารถพยากรณ์ได้ละเอียดถึงวันที่สองว่าเวลาไหนฝนจะตกได้เลยเหรอ ?

ถ้าไม่ใช่เพราะจื่อชึไร้เดียงสาคนนี้ที่เติบโตมาพร้อมกับนางและเดินทางมาหลายพันลี้จากอาณาจักรหลิวและอยู่เคียงข้างมาหลังจากอภิเษกเข้ามา นางต้องสงสัยว่านางคนนี้ถูกคนซื้อไปเป็นพวกแล้วและจงใจพูดหลอกลวงต่าง ๆ นานาเพื่อหลอกนางแน่นอน เพื่อให้เหยากุ้ยเหรินออกหน้าออกตาอย่างโจ่งแจ้งเพื่อกดหัวนางให้โงไม่ขึ้น

จื่อชึยังพูดต่ออีกว่า "นายหญิง คนในร้านขายของของตำหนักเย็นบอกมา ว่าเมื่อวันก่อนที่ฝนตกครั้งล่าสุด พยากรณ์อากาศได้เขียนออกมาว่าฝนจะตกติดต่อกันสี่วัน ขนาดเวลายังไม่ผิดเพี้ยนแม่แต่น้อยเลย"

เมื่อคืนเองนายหญิงโวยวายดังลั่นเพื่อต้องการทานน้ำปั่น นางจึงไปที่ตำหนักเย็นอีกครั้ง และบังเอิญเห็นพยากรณ์อากาศที่เพิ่งติดไว้ นางจึงถามไถ่สนทนาเพิ่มเติมอยู่อีกสักพัก ถึงจะได้รู้ว่าฝนคราวก่อนที่ตกติดต่อกันสี่วัน พยากรณ์อากาศบนผนังก็พยากรณ์ได้แม่นยำขนาดเวลาก็ยังไม่คลาดเคลื่อน

ตอนแรกนางเองก็ไม่เชื่อ

แต่พอถามนางข้าหลวงและขันทีที่ทำงานภาคการเกษตรในตำหนักเย็น ต่างก็ล้วนบอกเช่นนี้ทั้งหมด

พอลองคิดดู ก็คงจะไม่มีใครเอาเรื่องพวกนี้มาล้อเล่น

ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ห้ามหลันกุ้ยเหรินที่อยากจะใส่ชุดกระโปรงทองซิงเยว่เอาไว้

ถ้างานรื่นเริงคืนนี้มีฝนตกหนักมากลงมาจริง นั่นไม่ใช่ว่าเท่ากับว่านายหญิงของนางก็ต้องขายหน้าให้กับคนอื่นหรอกเหรอ ?

หลังจากที่นางเกลี้ยกล่อมอยู่หลายครั้ง นายหญิงก็ฟังคำแนะนำของนางในที่สุด และเปลี่ยนชุดที่สะดวกและเรียบง่ายแทน และนำร่มน้ำมัน(ร่มน้ำมัน คือ ใช้น้ำมันทาเพื่อไม่ให้น้ำซึมลงมาเพราะน้ำมันสามารถกันน้ำได้)มาด้วย

หลันกุ้ยเหรินแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า และดูเหมือนว่ามันจะเริ่มอบอ้าวขึ้นมาแล้ว

จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่เหยากุ้ยเหรินที่ซึ่งนั่งอยู่แล้ว และเดินไปนั่งลงข้าง ๆ พร้อมกับเสียงเย็นเยียบ

ช่างมันเถอะ ปล่อยนางให้ภูมิใจไปก่อนเถอะ

เหยากุ้ยเหรินพัดโบกพัดในมือของนาง และกวาดสายตาไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่เห็นลู่ยุ๋นหลัว นางขมวดคิ้วและเรียกนางข้าหลวงที่อยู่ข้างหลังนาง "เจ้าไปที่ตำหนักเย็นดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น งานเลี้ยงจะเริ่มในไม่ช้าแล้ว ไม่งั้นมันเดี๋ยวเสด็จพี่จะมาสายเกินไป”

ด้วยสีหน้ากังวลนั้น จนดูเหมือนว่านางมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลู่ยุ๋นหลัวเหมือนพี่สาวน้องสาวแท้ ๆ

เห็นได้ชัดว่าท่าทางทำเพื่อให้หลันกุ้ยเหรินได้เห็น

หลันกุ้ยเหรินเองก็ส่งเสียงเย็นชาออกมาและกวัดมือเรียกนางข้าหลวงที่อยู่ข้างหลัง "เจ้าไปที่ตำหนักเย็นดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น"

"จำไว้ เจ้าต้องเป็นคนแรกที่ถึงตำหนักเย็นและพบเสด็จพี่ ! ได้ยินที่ข้าพูดไหม ?"

"เพคะ !"

หลังจากที่หลันกุ้ยเหรินจัดการเรียบร้อยแล้ว ก็มองไปที่เหยากุ้ยเหรินด้วยสายตายั่วยุ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น